1. หาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับทักษะนั้นและข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ลองหาข้อมูลในเว็บไซต์ หนังสือและแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทักษะที่คุณกำลังฝึก สำหรับการฝึกอย่างรวดเร็ว การอ่านข้อมูลแบบผ่านๆดีกว่าการอ่านอย่างละเอียด
2. ลงมือทำสิ่งที่ไม่เข้าใจ
การสังเกตเห็นความสับสนของตัวเองนั้นมีประโยชน์ เพราะมันช่วยให้คุณระบุได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองกำลังสับสนเรื่องอะไรและหาวิธีคลี่คลายความสับสนนั้น
3. มองหาแบบแผนความคิดและภาพเชื่อมโยง
จะช่วยให้เราทำความเข้าใจและจัดประเภทสิ่งต่างๆหรือความสัมพันธ์ในโลกนี้ การสั่งสมแบบแผนความคิดที่ถูกต้องจะทำให้คุณคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้
อย่างแม่นยำมากขึ้น เมื่อคุณทำอะไรสักอย่าง แบบแผนความคิดยังทำให้คุณอธิบายสิ่งที่คุณรู้ให้คนอื่นเข้าใจง่ายขึ้นกว่าเดิม
4. คิดมุมกลับ
ให้พิจารณาถึงหายนะ ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ การศึกษาทักษะที่คุณต้องการฝึกในมุมกลับจะทำให้คุณมองเห็นองค์ประกอบสำคัญคุณอาจมองข้าม เช่น ในการฝึกพายเรือคายัค ต้องเรียนรู้วิธีพลิกตัวขึ้นพร้อมกับเรือที่ไม่ให้ตัวเอง
หลุดออกจากเรือ เป็นต้น
5. พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อตั้งความคาดหวังที่เหมาะสม
การพูดคุยกับผู้ที่เคยฝึกทักษะนั้นก่อนที่คุณจะทุ่มเทเวลาและพลังจะทำให้คุณรู้ว่าจะต้องพัฒนาทักษะย่อยอะไรบ้างและทำให้คุณจดจ่อกับการฝึกได้ง่ายขึ้น
6. กำจัดสิ่งล่อใจที่อยู่รอบตัว
สิ่งล่อใจที่สำคัญมี 2 รูปแบบคือ อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งมีชีวิต ยิ่งคุณมีสิ่งล่อใจน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งฝึกทักษะได้เร็วขึ้น
7. ทบทวนความจำเป็นระยะๆ
ความจำของคุณมีระยะเวลาจำกัด คุณจะลืมหากไม่ทบทวนในระยะเวลาหนึ่ง การทบทวนจะช่วยเน้นย้ำแนวคิดนั้นและบันทึกลงในความจำระยะยาว
8. กำหนดขั้นตอนมาตรฐานและรายการตรวจสอบการกำหนดขั้นตอนมาตรฐานและรายการตรวจสอบจะทำให้คุณฝึกอย่างมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น และมันยังทำให้คุณนึกภาพการฝึกอบรมของตัวเองได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
9. คาดเดาและทดลอง
การสร้างนิสัยคาดเดาและทดลองจะช่วยให้คุณฝึกทักษะได้เร็วยิ่งขึ้น
ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 4 อย่าง ได้แก่
1. การสังเกต
2. ความรู้
3. การตั้งสมมุติฐาน
4. การทดลอง