25 เม.ย. 2020 เวลา 14:44 • บันเทิง
ประวัติ Bie The Ska
1
"ราชาแห่งยูทูปเบอร์ประเทศไทย"
กฤษณ์ บุญญะรัง หรือ บี้ หนุ่มอีสานพื้นเพคนจังหวัดหนองบัวลำภู เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2531 คุณพ่อของเขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด ส่วนคุณแม่รับราชการ
1
ในสมัยยังเรียนอยู่ในรั้วโรงเรียน เขาได้เป็นประธานนักเรียน บี้เป็นคนที่เรียนเก่งและบ้ากิจกรรม โดยเฉพาะหุ่นยนต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก เขาจึงได้เป็นตัวแทนนักเรียนประจำจังหวัดไปแข่งขันโอลิมปิกคอมพิวเตอร์ เข้าประกวดแข่งขันเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ของสสวท.
จุดนี้ทำให้เขาได้ไปเข้าค่ายกิจกรรม ได้เจอตัวแทนจากทีมอื่นๆ ในหลายๆจังหวัด จากที่ตัวเขาเองคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งพอตัว แต่พอไปเจอคนที่เก่งกว่าทำให้เขารู้ว่ายังมีคนเก่งอีกเยอะ ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดเป็นคนที่ขยันหาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ในค่ายนั้นได้จุดประกายความฝันของเขาที่จะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง บิลลล์ เกตส์ เขาจึงมุ่งเป้ามาทางด้านคอมพิวเตอร์โดยไม่ลังเล
ในงานแข่งขันนั้นทีมของเขาได้ที่ 3 ของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการได้ทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย เขาได้ใช้ทุนเรียนฟรีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านคอมพิวเตอร์อันดับต้นๆ ของประเทศ  เมื่อเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเขายังได้เป็นประธานค่ายคอมพิวเตอร์แคมป์อีกด้วย
ปกติแล้วบี้เป็นคนเฮฮาร่าเริงและเคยถ่ายวีดีโอเล่นกับเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยม กระทั่งเขาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปี 2 ช่วงใกล้สอบของนักศึกษาซึ่งเป็นช่วงที่เครียดมาก ในรุ่นของเขามีคนได้คะแนนไม่ดีค่อนข้างเยอะ เขาเลยนึกสนุกเอาเพลงที่ช่วงนั้นกำลังดัง “มันต้องถอน” ของปอยฝ้าย มาลัยพร มาถ่ายล้อเลียนสนุกๆและอัพโหลดบนยูทูป หวังให้เพื่อนๆสนุกกัน
แต่แล้วคลิปของเขานั้นกลับทำให้เขาดังขึ้นมา มีคนส่งต่อให้คนอื่นดูจำนวนมาก ทำให้วันรุ่งขึ้นมีหลายคนเข้ามาทักทายเขา เขารู้สึกดีใจและคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี
หลังจากนั้นเขาจึงทำคลิปวิดีโอล้อเลียนเพลงดังอีก 3 - 4 คลิป จนไปล้อเลียนเพลง “กลัวที่ไหน” ของบี้ เดอะสตาร์ คลิปนั้นทำให้มีช่องทางรายการโทรทัศน์เอาไปออกอากาศและพูดถึงเขา
ทำให้คนเริ่มรู้จักเขามากขึ้นไปอีก แม้แต่ Facebook ส่วนตัวของเขาที่ใช้อยู่ก็มีคนเข้ามาขอเป็นเพื่อนจนเต็ม 5,000 คน เขาจึงได้สร้างแฟนเพจขึ้นมาหลังจากนั้น
เขาได้ไอเดียตั้งชื่อช่องยูทูปของตัวเองว่า บี้ เดอะสกา จากการที่เขาชื่อบี้ และล้อเลียนบี้ เดอะสตาร์ เพื่อให้คนจำได้ รวมทั้งคำว่า สกา ยังหมายถึงแนวเพลงจังหวะสนุกสนานอีกด้วย
เขาเริ่มสนุกกับการทำคลิปใหม่เพื่อมาโชว์เพื่อนๆ ในขณะที่ความฝันที่จะตามรอยเจ้าพ่อไมโครซอฟท์เริ่มเลือนลาง เขาคิดว่าเขาชอบการทำคลิปมากกว่าและมองว่าเส้นทางนี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกันและอาจจะเห็นผลได้เร็วกว่า
โดยคลิปในช่วงแรกของ บี้ เดอะสกา จะเน้นการคัฟเวอร์ ล้อเลียนตามกระแสหรืออะไรที่กำลังดัง และคิดว่าในเมื่อมีคนดูเยอะแล้วอีกไม่นานก็น่ามีโอกาสดีๆเข้ามา
1
เขาเรียนจบจากที่มหาวิทยาลัย โดยได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ได้มาทำงานประจำเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ก็ยังมีรับงานนอกอยู่บ้าง เขาได้รับโอกาสจากการไปเล่นละคร ได้เป็นนักแสดงประกอบ มีงานโฆษณา จนมาถึงจุดหนึ่งเขาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหน
ซึ่งลึกๆในใจเขารู้ดีว่าเขาชอบแสดงและชอบอยู่กับคนหมู่มากมากกว่าในขณะที่บรรยากาศในที่ทำงานกลับไม่ใช่แบบนั้น
เขาจึงออกมาเพื่อที่จะทำงานด้านการแสดงจริงๆ และก็ยังควบคู่ไปกับทำคลิปไปด้วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับสวนทาง คนดูคลิปของเขาเริ่มลดลง สปอนเซอร์ก็ยังไม่มีเข้ามา รวมทั้งการไปแคสงานต่างๆ ก็ยังไม่สามารถทำเป็นงานหลักได้ จนทำให้เขาเริ่มไม่มีรายได้ เขาเริ่มฉุกคิดว่าเขามาถูกทางจริงๆรึเปล่า
แต่โชคยังเข้าข้างเขา เมื่อมีเพลงๆหนึ่งซึ่งมีกระแสที่กำลังดังมากๆ เข้ามา นั่นคือเพลง GANGNAM STYLE เพลงนี้เป็นเพลงที่แฟนเพจเรียกร้องมาเยอะมาก รวมทั้งก็เป็นแนวเพลงที่คล้ายกับตัวเขา เขาเลยคิดว่ายังไงก็ต้องทำคลิปเพลงนี้ออกมา
โดยก่อนที่จะเริ่มคลิป เขาได้โพสต์ชวนแฟนคลับมาร่วมถ่ายทำคลิปร่วมสนุกด้วย ซึ่งก็ได้มาประมาณ 10 คน โดยเขาและทีมของเขาก็ได้ไปถ่ายในหลายๆจุด ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ ห้างสรรพสินค้า โดยไปถ่ายแบบไม่ได้ไปขอสถานที่เขาก่อน และรีบกลับมาตัดต่อคลิป
เมื่อได้อัพโหลดลงยูทูปผลตอบรับดีแบบที่เขาคาด มีคนดูกว่า 3 แสนวิว ในช่วงระยะไม่กี่วัน เขาบอกว่าช่วงนั้นเหมือนกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน มีรายการโทรทัศน์แทบทุกช่องเรียกเขาไปสัมภาษณ์ มีคนมาจ้างงานเขาให้ไปโชว์แสดงในงานอีเว้นท์ต่างๆ มันทำให้เขามีรายได้เข้ามาจากเงินที่ตอนแรกเหลือไม่กี่ร้อย มันทำให้เขามีรายรับเข้ามาเยอะมาก
หลังจากนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจเปิดบริษัท เดอะ สกา ฟิล์ม จำกัด โดยมีเป้าหมายคือ การทำคลิปวิดีโอมอบความสุขแก่คนดูในประเทศ โดยมีคำที่ว่า “แค่เห็นเพื่อนๆ ยิ้มผมก็โคตรมีความสุขแล้ว” เป็นสโลแกนของช่องของเขา
เขาหวังว่า บริษัทเดอะสกาฟิล์ม จะเป็นเหมือนช่องใหญ่ๆ ที่มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งรายการ เพลง และหนัง หลังจากนั้นช่องเขาก็เริ่มเติบโตขึ้น โดยมีคอนเท้นท์ของช่องที่หลากหลายมากขึ้นกว่าตอนแรก โดยเน้นสร้างความสนุกสนานให้กับคนดู
โดยนอกจากช่อง Bie The Ska แล้ว ทางบริษัท The Ska Film ของเขา ก็ยังมีช่องของครีเอเตอร์ในเครืออีกมากมาย ซึ่งเป็นช่องของทีมงาน The Ska และแต่ละช่องก็เรียกได้ว่ายอดติดตามก็สูงเช่นกัน อาทิเช่น Epic Time, The Snack, เพลินพุง
ตัวบี้เองเคยมีประเด็นดราม่าจากการรับรางวัล Influence Asia 2015 ที่ตัวเขาได้เข้าไปกอดทิฟฟานี่ นักร้องเกาหลีวง Girl Generation บนเวที ก่อนรับรางวัล YouTube Personality Influence Asia 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ มีชาวเน็ตหลายคนพิมคอมเม้นท์ว่าไม่เหมาะสม ซึ่งต่อมาบี้ก็ออกมาโพสต์ขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ในปี 2016 เขาได้รับรางวัลจากงาน WebTVAsia Awards 2016 ที่จัดที่ประเทศเกาหลีโดยงานนี้เป็นการมอบรางวัลให้กับผู้สร้างสรรคอนเทนท์บนยูทูป มีผู้เข้ารับการเสนอชื่อ 150 ช่อง จาก 12 ประเทศ ซึ่งช่องของเขา Bie The Ska ได้รับรางวัล “ Channel of the Year ”
ตัวของบี้นั้นเคยผ่านงานในวงการบันเทิงอย่างหลากหลาย ทั้งการแสดงละครทางโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 7 ผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ ได้พากย์เสียงในภาพยนตร์เรื่อง The Grinch รวมทั้งยังเคยได้เป็นคณะกรรมการในรายการของเวิร์คพอยท์อีกด้วย
ทางทีมเดอะสกา บริษัทของเขาเองก็เคยได้จัดงานมีตติ้งพบปะแฟนคลับถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกกับงาน “The Ska Meeting อุ้ยเอาแล้วจุ้ย” ที่ Union Mall และครั้งที่ 2 กับงาน “The Ska Meeting 2 เดอะสกาแลนด์เด้อ” ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นคล้ายๆ งานคอนเสิร์ต เป็นการโชว์การแสดงของเขาและช่องทีมงานในเครือของเขาและได้พบปะแฟนคลับของเขา
ช่อง Bie the Ska เป็นอีกช่องที่ได้รับเกียรติจากยูทูปให้มาร่วมคลิป Youtube Rewind ตั้งแต่ 2016 – 2018 เรียกได้ว่า 3 ปีติดกับตัวแทนจากประเทศไทยที่ได้อยู่ใน Youtube Rewind ร่วมกับยูทูปเบอร์ชื่อดังจากทั่วประเทศ
ในปี 2019 นั้น ทางทีม The ska ได้มีการทำงานร่วมโปรเจ็กท์กันกับ BNK48 กลุ่มนักร้องไอดอลชื่อดังของประเทศไทย โดยมีการสร้างช่องร่วมกัน มีคนของ The Ska และสมาชิกของวง BNK48 ที่มาสร้างความสนุกทางออนไลน์ให้แก่คนดู ในชื่อช่อง The Ska x BNK48
โดยในช่วงแรกก่อนที่จะเริ่มโปรเจ็กท์ก็ได้ถูกวิจารณ์ว่าด้วยเรื่องภาพลักษณ์ของทั้งสองสองบริษัทที่ดูไม่เข้ากัน แต่สุดท้ายแล้วคลิปแต่ละคลิปก็ทำออกมาได้สนุกและมีคนติดตามรอชมคลิปจำนวนมาก รวมทั้งทางทีม The Ska เอง ก็ได้มาเป็นทีมที่ทำ MV ให้แก่วง BNK48 อีกด้วย โดยที่บี้เองมาเป็นผู้กำกับ MV
1
อีกทั้งยังมีโครงการที่จะทำกับกลุ่ม BNK48 ด้วยกันอีกนั่นก็คือ Creator Academy ที่จะเป็นช่องทางในการปั้นเด็กๆขึ้นมาเป็นยูทูปเบอร์ทีดีในอนาคต
1
ช่อง Bie The Ska เองก็ถือว่าเป็นอีกช่องที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นช่องที่สองในฐานะกลุ่มยูทูปเบอร์ประเทศไทยที่เริ่มจากการสร้างด้วยตัวเอง และได้คนติดตามเกิน 10 ล้านคนติดตาม ลองจากช่องเก๋ไก๋ สไลเดอร์ โดยบี้เองก็ได้จัดงานฉลอง 10 ล้านซับ โดยรวมเหล่ายูทูปเบอร์จากช่องต่างๆกว่า 100 ช่องในประเทศไทยมาเป็นแขกรับเชิญของเขา
นอกจากนี้ บี้ เดอะ สกา เองยังเปิดเผยว่าเทคนิคที่ทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ของเขา ต้องมี 4 วิธี คือ 1.การนำกระแสในช่วงนั้น ๆ มานำเสนอ เพื่อดึงความสนใจคนดูให้เข้าถึงง่าย 2.ให้ความสำคัญกับคนดู โดยดูทุกคอมเมนท์ที่สร้างสรรค์และนำมาพัฒนาเพิ่มเติม 3.มีวินัยลงคลิปสม่ำเสมอและทำตามวันเวลาที่กำหนดไว้ และ 4.คอนเทนท์ต้องดึงดูดผู้ชมไม่ใช่เพียงแค่คลิกเข้ามาดู แต่จะต้องดูคลิปของเราจนจบ
โดยเขาปิดท้ายว่า “เวลาลงคลิปวิดีโอออกไป คนจะดูไหม? และถ้าเป็นเรา เราจะแชร์ไหม?’”
สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ทางยูทูป : https://youtu.be/Q1N2NTs4xXo
ขอขอบคุณ Bie The Ska, The Ska Flim, Sanook, Bangkokbiznews, Springnews, MushroomTV, Mgronline BNK48
โฆษณา