26 เม.ย. 2020 เวลา 07:49 • ไลฟ์สไตล์
ช่วงเวลาทำให้เราได้อะไรมาบ้าง ?
เวลา...คำนี้ผู้เขียนเชื่อว่าทุกท่านต้องเข้าใจความหมายได้ดีเวลาเป็นตัวกำหนดที่ทำให้เรารู้ถึงช่วงขณะใดขณะหนึ่งในการทำกิจกรรมใดๆในชีวิตประจำวัน อดีตที่ผ่านมาตัวชี้วัดเวลาที่นิยมใช้เป็นตัวบ่งบอกเวลานั่นคือ ดวงอาทิตย์ซึ่งอาศัยการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ตั้งเวลาเช้าไปจนถึงเวลาค่ำต่อมาก็ไดมีการสร้างตัวบ่งบอกเวลาขึ้นมาแทนที่การเดินของดวงอาทิตย์มาเป็นนาฬิกามีทั้งนาฬิกาจากแสงเงาดวงอาทิตย์ นาฬิกาน้ำ นาฬิกาทราย ฯลฯปัจจุบันมีการสร้างนาฬิกาซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บ่งบอกเวลาให้เราได้แม่นยำมากขึ้นจะมีรูปลักษณะที่แตกต่างกันออกไปซึ่งก็มีอยู่หลายรูปแบบจนถึงขั้นการสร้างนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงมากถึงขั้นเป็นนาฬิกาอีเลคตรอนกันเลยทีเดียว
เวลา...คือสิ่งมหัศจรรย์เป็นมิติหนึ่งซึ่งเราไม่สามารถที่จะจับต้องได้ไม่มีรูปร่างตัวตนที่แท้จริงเวลาจึงเป็นนามธรรมชนิดหนึ่งซึ่งมีไทม์ไลน์เป็นมิติของตัวเองผูกพันธ์ระยะทาง ผูกพันธ์กับการเคลื่อนย้าย ผูกพันธ์กับความเร็ว ผูกพันธ์กับสถานที่ มิติของเวลาจะถูกซ่อนอยู่ในอีกมิติหนึ่งซึ่งมีความลึกลับซับซ้อนยากที่จะอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ เจ้ามิติอันซับซ้อนที่ว่านี้ทุกท่านสามารถรับรู้รับทราบได้ดีกันทุกคนมิติที่ว่านี้ก็คือ...จิต...ของเราทุกคนนั่นเองมีความมหัศจรรย์จนยากจะหยั่งถึงได้มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลสามารถบันจุหรือบันทึกเรื่องราวต่างๆได้นับไม่ถ้วน เราสามรถย้อนกลับไปดูบันทึกในอดีตที่ผ่านได้เราสามารถเดินหน้าค้นหาในอนาคตได้...ในที่นี้ผู้เขียนขอเชิญชวนทุกท่านลองเข้าไปสู่มิติแห่งจิตโดยการย้อนกลับไปดูบันทึกในอดีตว่าเป็นเช่นไร..
ช่วงที่1.... เอาแบบรวบรัดตัดความเมื่อเราถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามเราต่างก็ผ่านช่วงเวลาของการเป็นเด็กทารกนอนแบเบาะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแล้วเติบโตมาเป็นเด็กน้อยน่าตาน่ารักๆหัวเราะเริงร่า...ในช่วงนี้เวลาทำให้เราได้รับความรักความเมตตาความอบอุ่นจริงใจ เวลาทำให้เราเป็นผู้ที่มีจิตใจใสสะอาดไม่รู้จักชิงดีชิงเด่นกับใคร เวลาทำให้เราได้เรียนรู้จากสิ่งรอบข้างตัวเรา เวลาทำให้เราได้เรียนรู้และรู้ตีว่าใครคือพ่อแม่ญาติพี่น้องของเรา.พื้นที่ฮาร์ดดิทในมิติแห่งจิตของเราบ่งบอกให้เรารู้ว่าเรได้รับความสุขใจและเรายังมีพื้นที่และเวลาอีกมากมายที่พร้อมจะบันทึกเรืองราวไว้ในจิตของ
ช่วงที่ 2...เมื่อเราเติบโตขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเริ่มจากการเป็นนักเรียนในระดับต่างจนมาถึงเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เวลาจะให้เราได้รับการเรียนรู้ที่นอกเหนือจากที่เราเคยพบมาเป็นการศึกษาหาความรู้แขนงใหม่ที่เราไมเคยพบเจอ เวลาทำให้เรารู้การวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคต เวลาทำให้เรามีสังคมกว้างขึ้นมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น เวลาทำให้เราได้รู้จักความรักระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่ม เวลาทำให้เรารู้จักกับความโกรธ ความหลงใหลในรูปลักษณ์ต่างๆ เวลาทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี
ช่วงที่3....เวลาทำให้เราได้มีความรับผิดชอบต่อการดำรงค์อยู่ในชีวิตประจำวันของเราและคนรอบข้างมากขึ้นไม่ว่าเรื่องของการทำงานเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวทั้งสามี ภรรยา บุตร พ่อแม่..ในช่วงนี้เราจะพบว่ามิติจิตของเรานั้นเริ่มที่จะบันทึกเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆไว้มากมายมากกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา มีทั้งความรัก ความเกลียดความโลภ ความหลง ความหยิ่งทะนงถือตัวอวดดี แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด หรือบันทึกความดี ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความมีน้ำใจ การเสียสละ การสร้างบุญกุศล เวลาจะทำให้เราได้บันทึกทั้งดีและไม่ดีไว้ในจิตซึ่งช่วงนี้ต้องใช้พื้นที่บันทึกมากเพราะมีเรื่องราวมากขึ้นเพาร์เวอร์ของเวลาและจิตมีความเข้มข้นมาก
ระยะที่4...เวลาทำให้เราได้เริ่มนึกถอยหลังกลับไปในอดีตเพาร์เวอร์เริ่มอ่อนแรงไม่มีแรงมากพอที่จะฉุดพลังความฝันให้พุ่งทะยานขึ้นมาได้อีกเพราะพื้นที่ฮาร์ดดิทของจิตเหลือพื้นที่น้อยลงเราได้ใส่ซอร์ฟแวร์เข้าไปในจิตมากเกินไปทำให้มีน้ำหนักมากแรมและแรงของเราจะเหลือน้อยบันทึกต่างๆในจิตทั้งเรื่องดีและไม่ดีจะดึงจิตเราให้ตกลงไปเบื้องล่าง...ช่วงนี้ต้องพยายามดึงกลับคืนมาให้ได้โดยใช้บันทึกที่เป็นส่วนดีๆกรรมดีๆทั้งหมดซึ่งเป็นบันทึกมีความเบามาเป็นตัวช่วยดึงจิตขึ้นมา...ชอบคุยเรื่องเก่า ชอบเล่าเรื่องความหลัง...ช่วงนี้คือสิ่งที่เราจะได้พบเจอแน่นอนทุกๆคนเมื่อถึงช่วงเวลานี้
เมื่อจิตถูกดึงดิ่งให้จมลงกับความหลังที่ผ่านมาทั้งความดีความชั่วต่างๆในชีวิตของเรา...ขอเพียงเราใช้ความเบาในจิตของเราให้มาช่วยเป็นตัวดึงให้ขี้นมาเราก็จะพ้นจากวังวลของความทุกข์ ความเจ็บช้ำน้ำใจ ความผิดหวังต่างๆได้...ใช้ความเบาของจิตที่ว่ามานี้คือ ทาน ศีล ภาวนา เป็นตัวช่วยให้จิตของเรายกสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง...เวลา ผูกพันธ์กับการเดินทาง ผูกพันธ์กับความเร็ว ผูกพันธ์กับระยะทาง ผูกพันธ์กับสถานที่...ทั้งหมดนี้มีรวมอยู่ในมิติแห่งจิตเท่านั้น มีภพ มีภูมิ เป็นของตัวเอง...สัจธรรม อนัตตา
โฆษณา