26 เม.ย. 2020 เวลา 07:03 • สุขภาพ
มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของภาครัฐ
เป็นเวลา 3 เดือน มีนาคม - พฤษภาคม
ตามที่ได้ประกาศพอสรุปได้ประมาณนี้
1) เราต้องดูว่าเราเป็นผู้ใช้ไฟประเภทไหน (1.1 ,1.1.1) หรือ (1.2 -1.1.2)หรือ (1.3-1.1.3)
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นประเภท 1.2 และ 1.1.2 เพราะใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย และเป็นบ้านพักอาศัยขนาดกลาง
ถ้าเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.2 - 1.1.2 หรือ 1.3-1.1.3 จะมี 4 กรณี
กรณีที่ 1 ค่าไฟน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์
--> จ่ายตามบิลจริง
(ข้อกำหนดนี้เขาไม่ได้ดูว่าเป็นบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ไม่ว่าจะจ่ายหลักพัน หรือหลักหมื่นต่อเดือน แต่ถ้าเราใช่ไฟน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ก็ไม่ได้ส่วนลด)
กรณีที่ 2 ค่าไฟมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ และหน่วยการใช้ไม่เกิน 800 หน่วย--> จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์
กรณีที่ 3 ค่าไฟมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ และหน่วยการใช้มากกว่า 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3000 หน่วย
--> จ่ายค่าไฟ = (ค่าไฟเดือนกุมภาพันธ์ + 50% ของค่าไฟหน่วยที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์)
กรณีที่ 4 ค่าไฟฟ้ามากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ และหน่วยการใช้ไฟมากกว่า 3000 หน่วย
--> จ่ายค่าไฟ = (ค่าไฟเดือนกุมภาพันธ์ + 70% ของค่าไฟหน่วยที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์)
ผมยกตัวอย่างกรณี
สมมุติเดือนกุมภาพันธ์ใช้ไฟฟ้า 600 หน่วย คิดเป็นเงิน
150 @3.2484 =487.26
250 @4.2218 =1055.45
200 @4.4217 =884.34
รวมเป็นเงิน 2427.05 บาท (ยังไม่รวมค่าบริการ ค่า FT และ VAT)
เดือนมีนาคมใช้ไฟฟ้า 750 หน่วย
150 @3.2484 =487.26
250 @4.2218 =1055.45
350 @4.4217 =1547.59
รวมเป็นเงินประมาณ 3090.30 บาท (ยังไม่รวมค่าบริการ ค่า FT และ VAT)
จะคิดค่าไฟเท่าเดือนกุมภาพันธ์ คือ 2427.05 เท่ากับประหยัดค่าใช้จ่าย 663 บาท หรือลดประมาณ 20% เมื่อเทียบกับค่าไฟฟ้าจริง
และก่อนหน้านี้ที่มีมาตรการลดค่าไฟ 3 % ก็จะถูกคำนวนหลังจากมีการลดจากมาตรการนี้อีกด้วย
โฆษณา