26 เม.ย. 2020 เวลา 13:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
จริงอย่างโยดาว่า ทุกๆ ครั้งที่เราลองอะไรสักอย่าง มันก็คือการลงมือทำไปแล้วนั่นแหละ เพราะฉะนั้นการ "ลองทำ" จริงๆ มันไม่มี สุดท้ายเราก็ได้ทุ่มเวลา และแรงของเราลงไปแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า แต่มันต่างกันในแง่ของผลกระทบนะ เพราะหากการลองไม่ได้เกิดในสถานการณ์จริง ผลกระทบโดยเฉพาะในด้านเสียที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ได้รุนแรงเท่า หรือไม่มีเลย เพราะเราได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว ซึ่งเคเค่จะไม่เถียงในจุดนี้
เพราะนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ในวงการไอที พวกเราจะมี environment อย่างน้อย 3 environment ด้วยกัน นั่นคือ a. Development b. Stage (Acceptance, Testing) และ c. Production
Development เป็นจุดที่เหล่าไอทีมินเนี่ยนจะทำการเขียนโค้ด แก้ configuration ต่างๆ นานาตามที่มีการร้องขอมาจากยูสเซอร์ ข้อมูลใน environment นี้อาจจะไม่ครบถ้วนนัก แต่ไม่เป็นไร คิดซะว่าเป็นฝาผนังเก่าๆ ที่นักกราฟิตี้มาลงลวดลายใหม่เล่นกันก็ว่าได้
Stage หรือ Acceptance หรือ Testing เป็นจุดถัดมา กล่าวคือเมื่อโค้ดถูกเขียนใน Development เสร็จเรียบร้อย เราจะนำมันมาวางไว้ที่นี่เพื่อทดลองดูว่าที่เขียนมานั้นใช้งานได้หรือไม่ ฉะนั้นข้อมูลที่มีใน environment นี้จะใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด เพื่อจะได้เห็นผลกระทบจริงๆ ระหว่างทำการทดลอง
สุดท้าย Production นี่คือ environment สุดท้าย เป็นที่ที่ยูสเซอร์ใช้งานจริง ถ้าหากพูดถึงเวบไซต์ e-commerce สักเวบ ก็ที่นี่แหละ ที่ที่ลูกค้ากำลังเอฟสินค้า หยิบของใส่ตะกร้า จ่ายเงิน ตัดบัตร ฉะนั้นบริษัทจึงยอมไม่ได้ที่ Production จะได้รับผลกระทบแบบที่ไม่ได้คาดฝันไว้ เพราะเงินล้านอาจหายไปในพริบตา
นี่แหละเหตุผลที่เคเค่บอกว่าเคเค่จะไม่เถียงในตอนต้น แต่อย่างไรก็ยังยืนยันตามที่ท่านอาจารย์โยดากล่าวไว้ ไม่ว่าจะทดลอง หรือทำจริง สุดท้ายแล้วมันก็คือ "ทำ" น่ะแหละนะ
โฆษณา