แกรี่ ลินิเกอร์ คือหนึ่งในตำนานดาวยิงที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ เขาเคยคว้าดาวซัลโวลีกสูงสุดแดนผู้ดีถึง 3 สมัย กับ 3 สโมสร คือ เลสเตอร์, เอฟเวอร์ตัน และ สเปอร์ส โดยยิงประตูรวมกันถึง 145 ประตูในศึกดิวิชั่น 1 เดิม
ในศึกฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก แม้ใครๆ จะจดจำว่ามันคือรายการของ ดีเอโก้ มาราโดน่า แต่ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตกเป็นของ ลินิเกอร์ ที่ซัดไป 6 ประตูในทัวร์นาเมนต์
ด้วยผลงานโดดเด่นในศึกบอลโลกครั้งนั้น ทำให้ บาร์เซโลน่า ทุ่มเงิน 2.8 ล้านปอนด์ กระชากตัวไปร่วมทีมทันที และจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี ที่ยังไม่มีนักเตะชาวอังกฤษคนไหนได้ไปเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่าอีกเลย
อีกสิ่งที่น่าทึ่งก็คือตลอดอาชีพนักเตะของ ลินิเกอร์ เขาไม่เคยโดนใบเหลืองแม้แต่ใบเดียว และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับฉายา "มิสเตอร์ไนซ์กาย"
แต่อีกเหตุการณ์ที่น่าทึ่งยิ่งกว่า ก็คือการถ่ายอุจจาระกลางสนาม แถมเป็นเกมระดับฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกต่างหาก!!
วันที่ 11 มิถุนายน 1990 ทีมชาติอังกฤษ ต้องลงสนามเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม พบกับชาติประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ที่สนามสตาดิโอ ซานเตเลีย เมืองกายารี่ ประเทศอิตาลี
ลินิเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเต็งดาวซัลโวของรายการ สามารถพังประตูให้ทีมสิงโตคำรามออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 แต่ ไอร์แลนด์ มาตีเสมอได้ในนาที 73 จาก เควิน ชีดี้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จากเกมนั้นที่มีคนดูย้อนหลังในยูทูบมากที่สุด ไม่ใช่ 2 ประตูที่เกิดขึ้น แต่เป็นช็อตที่ แกรี่ ลินิเกอร์ ไถก้นตัวเองกับพื้นหญ้า เพราะเรื่องราวที่เขา “ขี้แตก” กลางสนาม กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่ฮาที่สุดในวงการฟุตบอล
ล่าสุด ลินิเกอร์ ออกมาเล่าย้อนเหตุการณ์สุดเพี้ยนในครั้งนั้นผ่านพอดแคสต์รายการ แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ ของบีบีซี ว่าจริงๆ แล้วที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไร
"ผมป่วยอยู่ตลอดคืน และมันเป็นนัดเปิดสนามของรายการ แล้วก่อนแข่งผมก็ต้องตื่นมาหลายครั้งเพราะมีอาการท้องร่วง"
"ผมไม่อยากบอก ไบรอัน ร็อบสัน (ผู้จัดการทีม) เพราะผมคิดว่าเขาอาจตัดผมออกจากทีม และผมเองก็ต้องการลงเล่นอยู่เสมอ"
"อย่างไรก็ตาม เกมได้เริ่มขึ้นและผมก็โอเค จากนั้นในนาทีที่ 20 ผมเริ่มมีอาการปวดๆ เกร็งๆ แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ทนจนพักครึ่ง และผมคิดว่าผมจะยังไหว"
"พวกเราออกมาเล่นในครึ่งหลัง แล้วผ่านไปสัก 10-15 นาที ผมก็เริ่มเกร็งๆ อีกครั้ง และผมคิดว่าตัวเองต้องมีปัญหาแล้วล่ะ”
"จากนั้นลูกบอลก็ไปอยู่ที่บริเวณฝั่งซ้ายมือของพวกไอริช และผมก็วิ่งตามไปแล้วพยายามจะบล็อค ผมเสียหลักลงไปกับพื้นแล้วรู้สึกผ่อนคลายไปวินาทีหนึ่ง แล้วมันก็ "ตู้ม" เลย"
"มันรู้สึกประมาณว่า "โอ้ พระเจ้า" มันใช้ได้สุดๆ ไปเลย ถ้าคุณเคยได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ แกรี่ สตีเว่นส์ เข้ามาถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วผมก็ตอบว่า "กูขี้แตก" ซึ่งผมไม่รู้ต้องทำยังไง”
"ขอบคุณพระเจ้าที่ผมสวมกางเกงสีเข้มในวันนั้น ผมใช้มือขุดดิน แล้วก็ถูก้นตัวเองบนพื้นหญ้าเหมือนหมาเลย มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก ที่ผมเจอพื้นที่กว้างพอหลังจากช็อตนั้น ซึ่งตัวผมเหม็นฉึ่งทีเดียว"
"สุดท้าย บ็อบบี้ (ร็อบสัน) ต้องเปลี่ยนผมออก ผมจำได้ว่า สตีฟ บูล ลงแทนผม แล้วผมก็ไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนาม"
"ในทุกสนามส่วนใหญ่เขาจะมีม้านั่งสำรองติดกับอุโมงค์ แต่สำหรับที่นี่ไม่ใช่ ม้านั่งสำรองทั้ง 2 ทีมมันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอุโมงค์ ซึ่งผมต้องออกไปนั่งบนม้านั่งร่วมกับตัวสำรองทุกคน"
"คุณจะเห็นได้เลยว่าทุกคนขยับหนีผมกันหมด ตอนที่ผมนั่งลง ผมนี่เศร้าใจกับตัวเองจริงๆ"
อย่างไรก็ตาม ในศึกฟุตบอลโลกปี 1990 ลินิเกอร์ ยิงได้ถึง 4 ประตู พาทีมชาติอังกฤษไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่ต้องร่วงตกรอบเพราะแพ้ เยอรมนีตะวันตก ในการดวลจุดโทษ ก่อนจะได้แค่อันดับ 4 เพราะพ่ายต่อเจ้าภาพ อิตาลี ในเกมนัดชิงอันดับ 3
บางคนอาจจะเกิดไม่ทันเหตุการณ์ดังกล่าว แต่หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวสุดฮานี้มาแล้ว
และช่วงเวลาที่ไร้ฟุตบอลเตะแบบนี้ ดูเหมือนว่าอะไรที่เป็นการย้อนอดีต จะถูกนำมาพูดถึงไม่รู้จบยิ่งกว่าช่วงปกติแน่นอน
หมายเหตุ : วันนี้ผมเขียนสั้นๆ นะครับ เพราะมันดึกพอสมควรแล้ว แต่คิดว่าน่าสนใจดีนะครับ ไว้เรื่องต่อไปจะจัดเนื้อหามาให้เน้นๆ เลย
#เสียบสามเหลี่ยม #Lineker #England #MisterNiceGuy #Ireland #WorldCup1990 #RetroFootball
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
