27 เม.ย. 2020 เวลา 06:00
ยอดโค้ช เดอะซีรี่ย์
Ep.2 อเลฆันโดร เมเนนเดซ กับการผจญภัยสุดมหัศจรรย์ในสเปน
ช่วงปี 2013 เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างสำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนแปลงกุนซือหัวเรือใหญ่ หลังการจากไปของสก๊อตต์ คูเปอร์ ก่อนเกมไทยลีกระหว่างโอสถสภา สระบุรี และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจะเริ่มขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ทีมต้องดันกิลเยโม โอไรโอล โค้ชกองหน้าของทีมมาคุมแทนแบบฉุกเฉิน ซึ่งหากดูในช่วงนั้น เหล่าทีมงานสต๊าฟฟโค้ชของบุรีรัมย์ เป็นชาวสเปนแทบจะทั้งหมด ดังนั้นหัวเรือใหญ่คนใหม่ที่จะมาคุมทีม ก็ต้องเป็นสนิชเหมือนกันจึงจะเหมาะสม นั่นจึงเป็นการเข้ามาของอเลฮันโดร เมเนนเดส กุนซือร่างท้วมชาวสเปน การเข้ามาของเขา ทำให้แฟนๆหลายคนเนื้อเต้นไปตามๆกัน เพราะเขามีดีกรีเป็นถึงโค้ขของทีมเรอัล มาดริด กาสติยา หรือทีมบีของเรอัล มาดริดนั่นเอง แน่นอนผลงานในสนามเป็นสิ่งที่คนสนใจมากที่สุด รองลงมาคือดีกรีของเขา ว่าถึงขนาดได้คุมเรอัล มาดริดทีมเล็ก ก็น่าจะมีฝีมือไม่ธรรมดาแน่นอน
จุดเริ่มต้นเส้นทางการคุมทัพของเมเนนเดซ นั่นคือสปอติ้ง กิฆอนชุดเยาวชนในปี 2002 ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในระดับเยาวชนของประเทศสเปนได้สำเร็จ ก่อนที่ปี 2005 เขาจะได้รับโอกาสคุมทีมเรอีล มาดริด ชุดเยาวชนในช่วงฤดูกาล 2007-2008 เมเนเนเดซเคยได้คุมเซลต้า บีโก้ บี มาก่อน ในลีกเซกุนด้า ดิวิชั่น 2 หรือลีกดิวิชั่น 4 ของสเปน ซึ่งตอนนั้นมีอันเดรส ตูเญซอยู่ด้วย ก่อนที่ในปี 2009 เขาจะได้รับการทาบทามให้ไปคุมเรอัล มาดริด กาสติย่า และประจวบเหมาะกับในช่วงปี 2010 เป็นการเข้ามาคุมทีมเรอัล มาดริดชุดใหญ่ของเดอะ สเปเชี่ยล วัน โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งแน่นอนว่าทางเมเนนเดซเอง ก็ได้ซึมซับวิชามาจากมูรินโญ่อีกด้วย
“เขาเป็นคนใจดีที่ให้ผมได้เห็นการทำงานของเขา ผมได้เห็นการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแท็กติกทีม วางแผนการเล่น เขาเป็ฯคนที่มีทักษะการสื่อสารที่น่าทึ่งมากๆซึ่งผมเชื่อง่ามันติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด สำหรับผมเขาเป็นโค้ชที่ดีที่สุด” เมเนนเดซกล่าวกับ The Telegraph India
นอกจากโชเซ่ มูรินโญ่แล้ว เขายังเคยได้มีโอกาสพูดคุยกับยอดผู้จัดการทีมในตำนานของอิตาลี อย่างอาร์ริโก้ ชาคคี ผู้เคยพาเอซี มิลานคว้าแชมป์บิ๊กเอียร์ยุโรปได้สองสมัย “ผมเคยได้มีโอกาสพูดคุยกับชาคคี ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นประธานเทคนิคของมาดริดในฤดูกาล 2004-2005 การพูกคุยครั้งนั้นทำให้ผมขนลุกมากๆ” เมเนนเดซกล่าว
“เขาพูดถึงเรื่องไอเดียเกี่ยวกับฟุตบอล และได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการเอาชนะบาร์เซโลน่าได้ ของเอซี มิลานในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกปี 1994” ซึ่งในเกมนั้น เอซี มิลาน ถล่มเอาชนะบาร์เซโลน่าไปได้อย่างขาดลอย 4-0 ทั้งที่เกมนี้คือนัดชิงชนะเลิศ
และทันทีเมเนนเดซเข้ามาคุมทัพเรอัล มาดริดชุด U-19 ในปี 2005 เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ทันที “เมื่อผมได้มาคุมมาดริดในปี 2005 ผมได้รู้ว่าทีมชุด U-19 ไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆมาครองได้ถึง 9 ปี แต่แล้วเราก็คว้าแชมป์ได้ และปีต่อมาเราก็คว้าอันดับที่สองได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมได้รับมาจากมาดริด คือประสบการณ์ ซึ่งผมเองได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับผู้จัดการทีมชุดใหญ่ของมาดริดหลายคน ทั้งมูรินโญ่, ฟาบิโอ คาเปลโล่, มานูเอล เปเยกรินี่, ฆอร์เฆ บัลดาโน่ และชาคคี ซึ่งมาดริดก็เหมือนกับมหาวิทยาลัยและผมเป็นนักศึกษาจาก MBA” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มีโค้ชน้อยคนที่จะได้ทำงานกับเหล่าตำนานเยอะขนาดนี้”
การเข้ามาคุมทีมกาสติย่า เป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆสำหรับเมเนนเดซ และเขาก็เป็นหนึ่งในบุคคลพิเศษสำหรับทีมชุดเล็ก “ในทีมกาสติย่า จะมีเฉพาะอดีตผู้เล่นของมาดริด ที่ก้าวไปเป็นซูเปอร์สตาร์เท่านั้น ที่จะมาคุมทีม ผมเองก็ไม่เคยลงเล่นในลา ลีกามาก่อน มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ ผมได้มีโอกาสคุมนักเตะกาสติย่า ที่สุดท้ายพวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชื่อดังระดับโลก ภายในช่วงเวลาการดูแลของผม มีนักเตะจากทีมกาสติย่าถึงแปดคน ได้ก้าวขึ้นไปเล่นในทีมมาดริดชุดใหญ่ได้”
“ทำไมผมถึงพูดแบบนี้ นั่นก็เพราะมันเป็นเรื่องยากที่นักเตะจากทีมบี จะทำลายกำแพงขึ้นมาทีมชุดใหญ่ของมาดริดได้ ทั้งแดนี่ กาบาฆาล, นาโช่, มากอส อลอนโซ่ และอัลบาโร่ โมราต้าเป็นผู้เล่นบางส่วน ที่อยู่ภายใต้การคุมทีมของผม ที่ได้เลื่อนขั้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ได้ แม้จะอายุน้อย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันล้นเหลือ การได้ทำงานร่วมกับพวกเขานั้น เป็นเรื่องที่น่าจดจำ” เมเนนเดซกล่าวถึงลูกทีมของเขา ที่ได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักเตะชื่อดังระดับโลก
นอกจากนี้ เขายังได้พูดถึงอะคาเดมี่ของบาร์เซโลน่าอย่างลามาเซีย ที่สร้างนักเตะชื่อดังขึ้นมามากมาย และเปรียบเทีบกับทีมกาสติย่าของเขา ว่ามีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
“มาดริดต้องการที่จะพัฒนาผู้เล่นที่สามารถอิมแพ็ค คนที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ พวกเขาเลือกที่จะโฟกัสไปที่นักเตะแค่ห้าถึงหกคนที่มีทักษะดีเท่านั้น ส่วนลามาเซีย พวกเขาเลือกที่จะพัฒนาทักษะการผ่านบอล ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น จากเยาวชนถึงชุดใหญ่ นี่คือความแตกต่างระหว่างปรัชญาของทั้งสองอะคาเดมี่” ในฤดูกาล 2009/2010 เมเนนเดซพาทีมกาสติย่า จบอับดับที่แปด ของลีกเซกุนด้า ดิวิชั่นสอง หรือดิวิชั่นสี่ของสเปน
ในโลกฟุตบอลเคยมีคำกล่าวไว้ ว่าเกมรับ จะช่วยให้ทีมเป็นแชมป์ลีกได้ ไม่ใช่กองหน้า แต่เมเนนเดซคิดว่าทีมเวิร์ค ที่จะทำให้ทีมชนะ
“ทำไมบาร์เซโลน่าถึงคว้าแชมป์ลีกได้แปดสมัย จากสิบเอ็ดฤดูกาล? นั่นเป็นเพราะทีมเวิร์ค แน่นอนว่าพวกเขามีลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก แต่สุดท้ายแล้วที่พวกเขาชนะ เพราะพวกเขาเล่นเป็นทีม” เมเนนเดซเล่าถึงมุมมองของเขาต่อบาร์เซโลน่า
แล้วอะไรล่ะที่มันทำได้ยากกว่ากัน? ระหว่างแข่งลีกที่กินเวลาถึงสิบเดือน หรือแชมเปียนส์ลีก ที่กินเวลารวมสามเดือน เมเนนเดซเลือกเกมลีก “สำหรับผมการเล่นเกมลีกนั้นยากกว่าแชมเปียนส์ลีก สุดท้ายในเกมลีก ทุกทีมจะแสดงให้เห็นว่า พวกเขาดีขึ้นกว่าสิบเดือนก่อนหน้านี้ ในขณะที่แชมเปียนส์ลีก ช่วงเวลาที่ดีทีสุด จะมาในเกมนัดชิงเท่านั้น”
และนี่คือมุมมอง การผจญภัยสุดพิเศษ ของอเลฆันโดร เมเนนเดซ ในสเปน กับโอกาสที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครง่ายๆ และมุมมองของเขาต่อฟุตบอลที่รัก ก่อนจะจะย้ายไปคุมราซิ่ง ซานตาแดร์ในช่วงสั้น แล้วก็มาพาบุรีรัมย์คว้าแชมป์ในปี 2013
#BuriramXII #BuriramUnited
โฆษณา