27 เม.ย. 2020 เวลา 12:53 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ถ้าสมมติเอา ทฤษฎีตามความเชื่อ ว่าเวลาบนสวรรค์ 1 วันบนสวรรค์เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์
แล้วเอามาเปรียบเทียบกับหลักจักรวาลวิทยา สิ่งเดียวที่จะบิดเบือนกาลและอวกาศ จนเวลาของสถานที่หนึ่งช้ากว่าอีกสถานที่หนึ่งนั้น ก็คือแรงโน้มถ่วงของหลุมดำนั่นเอง
นอกจากสถานที่นั้นจะอยู่ใกล้กับแรงโน้มถ่วงของหลุมดำมากแล้ว จะต้องไม่ถูกอิทธิพลของหลุมดำแทรกแทรงได้ และสถานที่นั้นเวลาจะไหลผ่านตัวเรา แทนที่เราจะไหลตามกาลเวลาอย่างปกติ
และในจักรวาลนี้ไม่มีวัตถุใดๆที่จะหนีพ้นแรงดึงดูดของหลุมดำได้เลยแม้แต่แสงเองก็ตาม ทฤษฎีหนึ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เรื่องของมิตินั่นเอง โลกที่เรารับรู้ในปัจจุบัน ที่เราสัมผัสได้มีเพียง 4มิติ เท่านั้น คือ กว้างคูณยาวคูณสูง และบวกด้วยเวลา
แต่มีมิติที่สูงขึ้นไปอีก ตามทฤษฎีแล้วอาจมีมากถึง 10 มิติ แล้วสวรรค์หล่ะ อยู่มิติไหน เอาแค่มิติที่ 5 ก็พอครับ ก็เกินที่เราจะรับรู้ถึงแล้ว เพราะว่าด้วยเรื่องของคลื่นความโน้มถ่วง ที่อยู่เหนือปริภูมิเวลา หรือ กาลอวกาศนั่นเอง
และสิ่งที่เราเรียกว่ามิติที่5 สามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงได้ ฉะนั้นการเคลื่อนที่ด้วยระยะทางที่ไกล ด้วยการบิดการโค้งงอของอวกาศได้ไม่ไช่เรื่องแปลก
ถึงแม้มิติที่5 จะอยู่เหนือแรงโน้มถ่วง แต่พวกเขาทำได้เพียงผู้สังเกตุการณ์เท่านั้นไม่สามารถควบคุมการไหลของเวลาได้ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือย้อนกลับ คำถามที่ว่าสวรรค์อยู่ส่วนไหนของจักรวาล คำตอบตามทฤษฎีก็คือไม่มีอยู่ในมิติที่เราอาศัยอยู่ แต่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเรา เวลาที่พวกเขาใช้ถูกบิดด้วย วัตถุที่มีความโน้มถ่วงสูงมาก และสถานที่ที่พวกเขาอยู่ก็มี อนุภาคหรือสสารที่สามารถต่อต้านแรงโน้มถ่วงมหาศาลนั้นได้ ทำให้เวลาไหลผ่านตัวพวกเขาไปแทนที่จะไหลตามเวลาแทนเหมือนมนุษย์โลกนั่นเอง
1
ปล นี่เป็นแนวคิดส่วนตัวของกระผมเองนะครับ อ้างอิงตามทฤษฎี หลายอย่างประกอบกัน ส่วนหนึ่งอิงจากทฤษฎี การเดินทางข้ามดวงดาวผ่านรูหนอน จากเรื่อง Interstellar ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โฆษณา