28 เม.ย. 2020 เวลา 00:43 • ธุรกิจ
ธุรกิจยุคใหม่ต่อจากนี้จึงต้องหันมาแข่งกันที่ความดีเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้บริโภควันนี้ใช้เงินโหวตว่าจะให้แบรนด์ไหนอยู่และแบรนด์ไหนไป หรือที่เรียกกันว่า Brand Democracy นอกจากสินค้าไม่ต่างกัน ความน่าเชื่อถือของคุณภาพไม่ต่างกัน ความสะดวกในการเข้าถึงไม่ต่างกัน ราคาไม่ต่างกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ธุรกิจหรือแบรนด์ต้องมาแข่งกันที่ความดี ใครดีกว่าก็คว้าเงินในมือลูกค้าไปการทำดีแบบผิวเผินแบบนี้ของธุรกิจเราเรียกว่า Philanthropy หรือสรุปได้ว่ามีกำไรค่อยให้คืน และการทำดีของภาคธุรกิจก็พัฒนามาอีกขั้นที่เราคุ้นเคยกันที่เรียกว่า CSR ที่ย่อมาจาก Corporate Social Responsibility เป็นการจัดตั้งหน่วยทำความดีขึ้นมา ผิดกับแบบแรกคือมีค่อยให้ ถ้าไม่มีก็ไม่ให้ ดังนั้น CSR มีหน้าที่ต้องทำดีให้เป็นประจำ ทำไปทุกวันทำซ้ำทุกปี
และนั่นก็ทำให้เราก้าวเข้ามาสู่การสร้างแบรนด์ยุคใหม่ ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับโลกและสังคม หรือที่เรียกว่า CSV ย่อมาจาก Creating Share Value หรือการที่ภาคธุรกิจหาทางสร้างคุณค่าไปพร้อมกับสร้างผลกำไร จากเดิมการทำธุรกิจคือการเผาผลาญทรัพยากรเพื่อทำเงิน แต่วันนี้ธุรกิจที่จะอยู่ต่อและเติบโตได้ ต้องหาทางสร้างกำไรจากการทำให้สังคมหรือผู้คนดีขึ้นไปพร้อมกัน
ธุรกิจยุคใหม่จึงต้องหาทางทำดีให้สังคม ทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของตัวเอง
โฆษณา