28 เม.ย. 2020 เวลา 09:28 • ครอบครัว & เด็ก
คุณแม่ขอเล่า Ep.5 ประสบการณ์การคลอดแบบธรรมชาติ
บล็อกนี้คุณแม่อยากจะแชร์ประสบการณ์ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นในวันที่คลอดน้องหนูดี ไว้ให้น้องหนูดีได้เข้ามาอ่านในตอนโต
บทความนี้จะยาวหน่อยค่ะ
หนูดีมีเรื่องเล่า
เรื่องราวเป็นดังนี้ค่ะ
ช่วงเดือนที่ 8 คุณแม่ได้ปรึกษากับคุณหมอว่าคุณแม่อยากคลอดแบบธรรมชาติ เพราะคุณแม่มีประวัติแพ้ยาแก้อักเสบ
คุณแม่ไม่เคยมีประวัติผ่าตัดค่ะ มีแต่ประวัติถอนฟัน กินยาแก้อักเสบไม่ได้ เศร้าใจทำไมต้องแพ้ยา
คุณหมอบอกว่า การผ่าคลอดจะไม่นาน จะเลือกผ่าแบบไม่ให้ยาสลบคุณแม่ เพราะจะดูอาการด้วย หรือ คุณแม่คลอดแบบธรรมชาติก็ต้องรอว่าจะมีอาการเตือนเมื่อไหร่ให้รีบมา อาการเตือนก็ คือ เจ็บท้องถี่ขึ้น แต่คุณหมอแนะว่าผ่าจะดีกว่า เพราะน้องตัวโต แต่ปัญหา คือ คุณแม่แพ้ยาแก้อักเสบด้วย คุณหมอว่าจะหายาตัวอื่นให้
หนูดีมีเรื่องเล่า
วันนัดหมายก็มาถึง เมื่อคุณแม่นัดผ่าคลอด คุณแม่ก็ต้องไปเตรียมตัวนอนรอที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อ เข้าจองคิวผ่าค่ะ และผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น
คุณแม่เตรียมอุปกรณ์ข้าวของเกี่ยวกับเด็กเล็กไปพร้อมค่ะ มี
1. ตระกร้าใบใหญ่ใส่ของ
2. ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน เล็ก ใหญ่
3. รองเท้าแตะ
4. ครีมอาบน้ำเด็ก
5. ผ้าอ้อม ผ้าห่อตัว
6. แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
7. ลำสี คอตตอนบัด
8. ถุงใส่ของ
9. เสื้อผ้าเบเบี๋
10. สมุดฝากครรภ์ เล่มสีชมพู
รูปจาก choco-demo
คุณแม่ออกเดินทางไปโรงพยาบาลตั้งแต่ 6 โมงเช้าค่ะ คุณหมอบอกให้มาเร็ว จะได้คิวผ่าเช้าในอีกวัน วันนั้นคุณแม่เดินไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ เหมือนตุงๆด้านล่างมาก เรียกว่า เดินขาถ่างได้เลย แต่ก็พยายามเดินไปที่ห้องคลอดเพื่อจองคิวผ่าตัด
เมื่อไปถึงคุณพยาบาลที่ห้องคลอดซักถามอาการ และ ประวัติ และให้คุณแม่ไปในห้องตรวจขึ้นเตียง เพื่อคุณพยาบาลตรวจปากมดลูกว่าเป็นยังไง
ปรากฏว่าปากมดลูกเปิด 1 เซ็นติเมตร คุณพยาบาลเลยโทรถามคุณหมอว่าจะยังไงให้กลับบ้านไปก่อน หรือ นอนรอดูอาการเพราะต้องผ่าคลอดพรุ่งนี้
คุณหมอแจ้งว่าให้อยู่นอนรอดูอาการเผื่อคลอดวันนี้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณพยาบาลจัดการเอาห้องมาเปลี่ยน และ ให้คุณแม่สวนค่ะ เพื่อกำจัดของเสียที่อยู่ในท้องออกให้หมด ไม่เกิน 5 นาที รีบไปโดยเร็วที่ซู้ดดดเลย
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วคุณแม่ก็ไปนอนรอที่เตียงด้านในค่ะ ในห้องก็จะมีทั้งคุณแม่ที่ใกล้คลอด และ คุณนอนดูอาการครรภ์ เช่น เด็กไม่หายใจ ตรวจหาอัตราการเต้นหัวใจไม่เจอ เข้ามาในห้องนี้ไม่สามารถนำโทรศัพท์มือถือติดตัวมาได้นะคะ
คุณแม่นอนรอคุณหมอจนถึง 9 โมง คุณพยาบาลมาเช็คปากมดลูกทุกชั่วโมง ปรากฏว่าเปิด มาอีก 1 เซ็นติเมตร เป็น 2 เซ็นติเมตร
รอบนี้ค่ะ คุณหมอเลยให้ยาเร่งกับคุณแม่เพื่อเร่งการคลอด
ช่วง 9 โมง ถึง 10 โมง คุณยังตอนเล่นๆชิวๆคุยกับคุณแม่เตียงข้างได้ มีป้าแม่บ้านมาถามมาคุยบ้าง เล่าว่าแม่บางคนร้องดังมากเพราะเจ็บ ท้องแรกจะร้องทั้งนั้น ฟังแล้วก็นึกหวาดเสียวตามและคิดปวดท้องคลอดเป็นแบบไหนนะ
พอเวลาเข้า 11 โมง อาการเริ่มมาเลยค่ะ เจ็บท้องคลอด
คุณแม่แนะนำควรพกยาดมติดตัวไว้ด้วยนะคะ ช่วยได้ในตอนที่ปวดมาก คุณแม่ใช้ส้มโอมือเลยค่ะ
+++ อาการปวดขั้นแรก คล้าย ปวดประจำเดือน จะมาแบบปวดนิดๆ เหมือนครั้งยังสาววัยละอ่อนเพิ่งเริ่มมีประจำเดือน จะปวดแบบนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง คุณพยาบาลจะเอาที่ตรวจการเต้นหัวใจมาคาดกับท้องคุณแม่เพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจน้องหนูดีค่ะ
+++ อาการปวดขั้นที่สอง เหมือนขั้นแรกค่ะ แต่เพิ่มความปวดมาระดับ 2 จะเริ่มมีการปวดหลังเพิ่มมานิดหน่อย ก็ยังชิวได้ค่ะ คุย หรือ นึกไรผ่อนคลายได้
คุณแม่ปวดขั้นที่ 2 อีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เวลาขณะนั้นก็ประมาณ 14:00 นาฬิกา คุณพยาบาลมาตรวจปากมดลูก ปรากฏเปิด 4 เซ็นติเมตร
คุณหมอเพิ่งยาเร่งมากกว่าเดิมค่ะ รอบนี้มหากาพย์ก็มาทันทีค่ะ
+++ อาการปวดขั้นที่สาม คงคล้ายอาการปวดประจำเดือน แต่ทวีคูณขั้นซุปเปอร์เซย่าเลยค่ะ ปวดแบบสาวๆที่มีอาการปวดประจำเดือนแบบหมดแรงเป็นลม นั่งงอท้อง งอตัว ตอนนี้คุณแม่เริ่มงอตัว หน้าตาเปลี่ยน อาการปวดจะมาทุก ครึ่งชั่วโมง
คุณแม่ดูอัตราการเต้นหัวใจที่หน้าจอและกระดาษยังปกติ แม่ก็ท่องในใจอดทน หายเจ็บหนอ หายปวดหนอ ท่องไปปวดไป
ช่วงเช้าคุณหมอได้เข้ามาคุยกับคุณแม่ว่า ถ้าวันนี้ผ่าได้จะผ่าเลยนะ คิวจะได้ประมาณบ่ายสอง คุณหมอเลือกให้ทั้้งสองทางผ่าและธรรมชาติ
แต่เวลาบ่ายสองคุณหมอ เข้ามาบอกว่ามีคิวฉุกเฉินเข้ามามีสายรกพันคอต้องรีบผ่าฉุกเฉินให้คุณแม่รอหน่อยนะ
พอเข้า 15:00 คุณหมอมาดูปากมดลูก ก็ยังคงที่ 4 เซ็นติเมตร ไม่ขยายขึ้น คุณหมอตัดสินใจเจาะถุงน้ำคร่ำ ตอนนั้นคุณแม่รู้สึกเจ็บระบมท้องไปหมด ดมแต่ยาดมเพื่อผ่อนคลายอาการที่มี
ตอนคุณหมอเจาะถุงน้ำคร่ำ ความรู้สึกเหมือนบิดลูกโป่งที่มีน้ำเต็ม แล้วได้ยินเสียงดังโป๊ะลูกโป่งแตก สักพักรู้สึกถึงน้ำไหลออกมาเต็มขา คุณแม่พยายามดู เป็นน้ำใสๆอุ่นๆไม่มีกลิ่น แต่มีเลือดออกมาผสมด้วย
เมื่อลูกโป่งแตกโพละ ความสนุกสานก็เริ่มขึ้นทันทีค่ะ สักพักเริ่มมีอาการปวด ปวดแบบร้องลั่นห้องเลยค่ะ รอบนี้เจ็บทุก 15 นาที เข้าสู่การปวดขั้นต่อไป
+++ อาการปวดขั้นที่ 4 รอบนี้มีอาการใหม่เพิ่มมาค่ะ เหมือนโดนบิดไส้ อาการจะปวดเหมือน ท้องเสียลำไส้อักเสบขั้นรุนแรง ปวดทุก 15 นาที ทุกครั้งที่ปวดจะกลั้นหาย จะกลั้นหายใจเองทั้งที่พยายามจะไม่กลั้น คุณพยาบาลบอกอย่ากลั้นหายใจเพราะจะมีผลต่อการรับอ็อกซิเจนของเด็กในครรภ์
เป็นครั้งแรกที่คุณแม่เข้าใจที่ว่าเจ็บท้องเป็นไง ปวดจนตายเป็นไง ปวดขนาดหน้าคุณแม่ซีดไม่มีเลือดฝาดเลยค่ะ ตอนนั้นคุณยายกังวลเลยเข้ามาดูว่าทำไมไม่ได้ผ่า คุณหมอก็ชี้แจงคุณยายก็เข้าใจและบอกให้คุณแม่ทนอีกหน่อย
บ่ายสี่ คุณหมอบอกได้คิวผ่านแล้วนะ หกโมงเย็น ตอนแรกได้หลังจากคิวบ่ายสอง แต่มีคิวด่วนมาอีกต้องเลื่อน
ตอนนั้นคุณแม่ปวดแบบเท้ากระตุกสั่นทั้งตัว คุณยายบอกอาการเหมือนปลาโดนตีหัวค่ะ คุณยายก็เปรียบเทียบเห็นภาพเลย
คุณแม่หมดแรงแต่มีสติคุยกับคุณหมอได้ คุณหมอเข้ามาลูบหัวคุณแม่แล้วบอก คุณหมอขอโทษไม่คิดจะเป็นแบบนี้ และนั่งทำสีหน้าเครียดข้างๆคุณหมอ
คุณหมอแจ้งกับพยาบาลว่าคุณหมออยู่รอที่นี่เลย เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน
+++ อาการปวดขั้นที่ 5 อาการขั้นรุนแรง รอบนี้ปวดผสมกันไปหมดแรงค่ะ ร้องลั่นในห้องรอคลอด ทั้งเขย่าเตียงเวลาเจ็บ ทั้งบีบมือจนแน่น กัดฟัน อาการปวดมาทุก 5 นาทีค่ะ คุณแม่ได้แต่จ้องมองเมื่อไหร่จะ หกโมงเย็น ลูบท้องไปคุยกับลูกไปว่า อดทนอีกนิดนะลูก ใจก็กังวลจะตัวเล็กจะเป็นยังไง
คุณหมอมาตรวจดูปากมดลูก รอบนี้เปิด 8 เซ็นติเมตรค่ะ ตั้งแต่16:00 นาฬิกา คุณพยาบาลมาเปลี่ยนผ้าปูให้คุณแม่ หนึ่งรอบค่ะเพราะเลอะน้ำคร่ำและเลือด
คุณแม่นอนท่องบทสวดมนต์ในใจบทอะไรที่นึกออกท่องผิดท่องถูกก็ท่องไปค่ะ เพราะต้องการให้ตัวเองมีสติ
เมื่อเวลา 18:00 นาฬิกา ก็มีคุณพยาบาลมาลากเตียงคุณแม่บอกว่า
"คุณแม่ได้คิวผ่าแล้วนะคะ พี่เป็นพยาบาลจากห้องผ่าคลอดมาพาไปค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าปวดร้องได้เลยไม่ต้องเกรงใจพี่จะพาไปทางลัด" และส่งยิ้มหวานๆให้
เหมือนได้ยินเสียงระฆังตีดังในหัวและกำลังใจมาเต็มที่ค่ะ เพราะอะไรหรอค่ะ เพราะขณะที่คุณแม่เจ็บท้องรอคลอด คุณพยาบาลในห้องคลอดมีบ่นคุณแม่ อาจเพราะคุณแม่ร้องเสียงดังไป คนเจ็บท้องคลอดนี่ค่ะ คุณพยาบาลไม่น่ารักกันเลย
ขณะเข็นเตียงไปเรื่อยๆพี่พยาบาลก็เล่าวิธีการผ่าตัดต้องทำอะไรบ้าง ฉีดยาบล็อกหลัง ว่าเจ็บแบบมดกัด เจ็บแบบมดกัดนี่น่ากลัวมากเท่าที่เคยได้ยิน แต่เวลานั้นไม่มีอะไรเจ็บเท่ากับที่ปวดอีกแล้วค่ะ เลยคิดว่า เอ้า...สู้ ทนได้
ขณะขึ้นลิฟต์ พี่พยาบาลก็เล่าเรื่องราวบรรยากาศในห้องผ่าตัดให้ผ่อนคลาย แต่คุณแม่ก็เจ็บท้องก็ร้อง พี่พยาบาลก็จับมือมากุม ลูบท้อง และพูดว่า
"ใกล้คลอดแล้วนะคะเด็กดีนะอย่าให้คุณแม่เจ็บนะ"
เมื่อลิฟต์เปิดเจอน้องบุรุษพยาบาล พี่พยาบาลรีบสั่งเลยค่ะ เปลี่ยนผ้าให้คุณแม่ใหม่เลย ทำไมที่นั่นปล่อยให้คุณแม่นอนจมเลือดแบบนี้นะ พอคุณแม่ได้ยิน
อุ๊ต๊ะ........จมกองเลือดเลยหรอ อยากเห็นแต่ลุกไม่ได้ แหะๆๆ
ระหว่างไปห้องผ่าตัด อยู่ดีๆคุณแม่ก็มีอาการลมเบ่งเกิดขึ้นค่ะ ตอนแรกไม่รู้ด้วยว่าลมเบ่งเป็นยังไง มันจะเบ่งยังไง
บรรลุธรรมเลยค่ะ อาการเดียวกับถ่ายหนักนี่เอง มันเบ่งมาเองแบบไม่ต้องช่วยเลยค่ะ เบ่งแบบกระจุยกระจายเลยค่ะ พร้อมเสียงราวกับเบ่งในห้องปลดทุกข์เลย
พี่พยาบาลบอกตายแล้วคุณแม่ น้องน่าจะใกล้คลอดแน่เลย เอื้อมมือมาจับที่ท้องบอกว่า
"หัวกลับมาด้านล่างเต็มที่แล้วคุณแม่ รีบเข็นเร็ว ลมเบ่งคุณแม่มาแล้ว เข็นระวังด้วยนะอย่าให้คุณแม่ตกเตียง" ห๊ะ.......ตกเตียงหรอ
ลมเบ่งนี่เบ่งออกมาหมดเลยค่ะ เลือด น้ำคร่ำที่ค้าง ของเสียรวมกันไปหมด
หมดกันผ้าใหม่ๆที่เพิ่งเปลี่ยน รู้สึกสะอาดไม่เกิน 5 นาที
น้องบุรุษพยาบาลดีมากเลยค่ะ บอกให้คุณแม่ไม่ต้องกังวลผ้าเปลี่ยนใหม่ได้มีอีกเยอะ และขออนุญาตทำความสะอาดให้ด้วย
เมื่อมาถึงหน้าห้องผ่า น้องๆบุรุษพยาบาลช่วยกันย้ายคุณแม่ไปอีกเตียง ระหว่างนั้นลมเบ่งก็มาเรื่อยๆ เมื่อย้ายเตียงเรียบร้อยก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดค่ะ
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เข้าห้องผ่าตัด ใจเต้นตึกตักมากเพระากลัว กังวลใจ คุณหมอบอกเห็นเตียงผ่าตัด คิดว่าทำไมเล็กจังเลย ลักษณะเตียงเป็นรูปลำตัวคนเลย โอ๊ย.........น่ากลัวมาก ใจก็กลัว อีกใจก็อยากผ่าให้เสร็จเร็วๆ เป็นห่วงน้อง
คุณหมอมาหาคุณแม่บอกไม่ต้องกังวลนะ หมอมารอคุณแม่ตั้งแต่ 5 โมงแล้วเผื่อเตรียมการผ่า
พี่พยาบาลบอกให้คุณหมอนอนกอดเข่าพยายามกอดให้ได้กอดแน่นเพื่อจะบล็อกหลัง ขณะกำลังจะแทงเข็ม แอบเห็นเข็ม น่ากลัวมาก ใจเต้นตึกตักๆๆ
แต่ลมเบ่งเจ้ากรรมก็เบ่งมาค่ะ คุณหงายตัวทันแล้วเบ่ง
เริ่มให้กันอีกรอบค่ะ ช่วยกันจับตัว รู้สึกเข็มที่ผิวแล้ว ลมเบ่งมาอีก คุณแม่บอกพี่พยาบาล เดี๋ยวค่ะๆๆๆ ลมเบ่งมา ก็เบ่ง อื๊บบบบบบบบ
แหะๆๆๆ พี่พยาบาลถามเอาไงดีคุณหมอ ลมเบ่งมาเรื่อยๆแบบนี้ฉีดไม่ได้นะ
คุณหมอตัดสินใจ คลอดธรรมชาติเลย
ปัญหาคือ ห้องผ่าตัดไม่มีขาหยั่งสำหรับคลอด จะใช้อะไร ก็ต้องคอน้องบุรุษพยาบาลเลยค่ะ น้องบุรุษพยาบาลบอกคุณหมอใช้คอพวกผมเลย โกลาหลไปหมดเลยค่ะ
ลมเบ่งก็มา คุณหมอรออีกนิด ดูว่าเบ่งเต็มที่รึยัง สัก 1 นาทีลมเบ่งมารอบนึง ระหว่างเบ่งขาก็กดคอน้องๆกัน น้องๆก็ตะโกนบอกคุณแม่ว่าส่งแรงมาเต็มที่เลยไม่ต้องเกรงใจ อื๊บบบบ เบ่งกันเข้าไป
และแล้วขาหยั่งที่พี่พยาบาลรีบไปหาให้ก็มาถึง ติดตั้งที่เตียงย้ายขาคุณแม่จากคอน้องบุรุษมาขาหยั่งแทน คราวนี้คุณหมอบอก เอ๊า.....พร้อมเบ่งอีกทีเลย
และแล้วลมเบ่งรอบนี้รุนแรงมากค่ะ เบ่งแรงและก็รู้ถึงถึงการกรีดช่องคลอด
พี่สาวคุณแม่เคยเล่าว่ากรีดไม่เจ็บเลย แค่รู้สึก ++ปรึ๊ด++
จริงค่ะแค่รู้เสียวแปล็บ ปรึ๊ด ไม่เจ็บ ของคุณแม่ไม่มีฉีดยาชานะคะ เพราะเจ็บท้อง มันเจ็บมากจนอันอื่นเจ็บน้อยกว่าแล้วค่ะ
นาทีที่คุณแม่กำลังคลอดน้องหนูดี พี่ๆน้องๆพยาบาลเข้ามาอยู่ในห้องเต็มไปหมดเลยค่ะ คุณหมอแซวมาอยู่อะไรในห้องนี้ ทุกๆคนบอกมาให้กำลังใจคุณแม่ น้องๆบางคนช่วยเบ่งด้วยค่ะ
ระหว่างเบ่งพี่พยาบาลแนะนำว่า
ระหว่างรอลมเบ่ง ทำปากห่อเป่า ฟู่ ฟู่ เป็นจังหวะ เวลาลมเบ่งมาให้เอาคางชิดหน้าอก เบ่งห้ามออกเสียง เพราะลมเบ่งจะไม่พอหายไปกลับเสียง มีน้องพยาบาลมากุมมือ 2 ข้าง พี่พยาบาลคอยช่วยยกหัว บรรยากาศคึกคักมากค่ะ พอคุณแม่ลมเบ่งมา น้องๆกองเชียร์ทำเสียงเบ่งไปด้วย คุณหมอก็ขำ
คุณแม่เบ่งไปอีก 15 นาที ลมเบ่งมา 5 ครั้ง
คุณหมอบอกว่าเห็นหัวแล้ว รอบนี้ถ้าลมเบ่งมาให้คุณแม่เบ่งแรงๆสุดกำลังเลย และคุณสั่งห้ามหุบขานะ เดี๋ยวคอน้องจะหัก
และลมเบ่งนั้นก็มาถึง น้องบุรุษพยาบาลมาช่วยล็อคขาให้เลยค่ะ คุณแม่เบ่งเต็มพิกัด สักพักรู้สึกถึงก้อนอุ่นๆนุ่ม คุณหมอบอกมาแล้ว น้องๆพยาบาลตื่นเต้นกัน และคุณหมอก็ใช้คีมช่วยล็อกไว้ และบอกคุณแม่เบ่งอีกรอบ
รอบนี้ลมเบ่งมาคุณแม่เบ่งสุดกำลังเลยค่ะ รู้สึกแบบว่า ++ ผลุ๊บ ++ และได้ยินน้องพยาบาลกองเชียร์เฮกันลั่น พร้อมกับเสียง
.... อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊ .....
พี่พยาบาลรู้จังหวะกันดีมากเลยค่ะ เมื่อคุณหมอดึงน้องออกมา
คุณหมอแซวว่า "โกรธหมอหรอให้หนูรอนาน"
พี่พยาบาลก็พาน้องไปล้างตัว ล้างไข ตัดเย็บสายสะดือ
ไม่น่าเชื่อความเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง
แต่เจ็บอีกครั้งตอนคลอดรก โอ๊ย................เจ็บสุดๆเลยค่ะ คุณหมอกดท้องแบบแทบจะทะลุเพื่อรีดรก รีดเลือดที่ค้างออกมาให้หมด
หลังจากที่คลอดรกเรียบร้อย ก็เย็บค่ะ รู้สึกถึงการเย็บและดึงด้าย ฟรืด ฟรืด และมัดปมด้าย กรรไกรตัดกริบ เสร็จแล้ว
เมื่อล้างไขเสร็จ พี่พยาบาลมาน้องมาให้คุณแม่เห็น ตัวขาวจั้วะเลยค่ะ
คุณแม่ขอบคุณคุณหมอ และ พี่ๆน้องๆพยาบาลทุกคนที่ให้กำลังใจ
ขอบคุณพี่พยาบาลที่อยู่ด้านบนหัวคอยแนะนำและปลอบให้กำลังใจ
ขอบคุณและขอโทษน้องพยาบาลที่จับมือคุณแม่ทั้ง 2 ข้าง มีจังหวะเบ่งที่ไปบีบแน่น หรือ จิกโดน
ขอบคุณและขอโทษน้องบุรุษพยาบาลที่ต้องมาเป็นขาหยั่งให้
น้องหัวหน้าพยาบาลบอกว่า คุณแม่เป็นคุณแม่คนที่ 3 ที่มาคลอดธรรมชาติในห้องผ่าตัด ขอบคุณคุณแม่มากๆที่ทำให้พวกหนูได้เห็นและลุ้นตื่นเต้นไปด้วย น้องๆบางคนบอกลุ้นจนจะเป็นลม ช่วยเบ่งราวกับตัวเองจะคลอดเอง
เมื่อคลอดเสร็จน้องหนูคุณหมอขอดูแผลบริเวณด้านข้างที่เกิดจากการใช้คีมครีบออกมา 1 คืนค่ะ
ในความรู้สึกของคุณแม่ คุณแม่รู้สึกประทับใจทั้งคุณหมอและทีมพยาบาลในห้องผ่าตัดในวันนั้นมาก รู้สึกอบอุ่นในการคลอด จากตอนแรกที่เข้าเห็นห้องผ่าตื่นเต้น กลัว เปลี่ยนเป็น คลอดแบบอบอุ่น มาช่วยลุ้นเต็มห้องหมดเลยค่ะ
หลังจากคลอดคุณแม่ก็กลับไปอีกรอบซื้อขนมนมเนยไปขอบคุณพี่ๆน้องๆพยาบาลที่ห้องผ่าคลอดค่ะ
หนูดีมีเรื่องเล่า
จากลิงน้อยสู่ลิงใหญ่
ขอบคุณที่อ่านบทความแชร์ประสบการณ์นะคะ
อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม และอ่านเรื่องราวใน Ep. ต่อๆไปกันด้วยนะคะ
โฆษณา