หลักการ Agile ช่วยธุรกิจรอดจริงไหม
บทความโดย อ.เหรียญชัย
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่า Agile คือ อะไร
Agile ไม่ใช่เครื่องมือ แต่เป็นแนวความคิดในการทำงาน และไม่ใช่ที่จะมาเน้นเป็นรูปแบบหรือขั้นตอนกระบวนการการทำงานเป็นที่ละ step และ Agile สามารถใช้ในการพัฒนาการทำงานในทุก Function ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Mindset ของทั้งผู้บริหารและตัวพนักงานเองที่จะยอมรับการแนวความคิดนี้ไหม ทั้งนี้ keyword ที่สำคัญ ของ Agile คือ เน้นไปที่ผลลัพธ์ของลูกค้า ซึ่งในความหมายของลูกค้านั้น ขึ้นอยู่กรอบการทำงานของหน่วนงานนั้น ๆ ถ้าเป็นหน่วยงานภายใน กระบวนการถัดไป คือ ลูกค้าของคุณ เพื่อที่จะทำอย่างไร ให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และเกิดคุณค่าในมุมมองของลูกค้า แต่ทั้งนี้ในมุมมองแนวความคิดในการทำงานจะตอบโจทย์ในรูปแบบ Agile ได้ เพราะ Agile มีหลักการทำงาน คือ
1.เน้นเรื่อง ลูกค้าเป็นหลัก หรือ ผู้ใช้งานเป็นหลัก มากกว่าทำตามสัญญา ที่ให้ไว้
2.ปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลง และติดตามสถานการณ์ มองให้ออกต่อจากกการเปลี่ยนแนวทาง
3. เน้นการส่งของได้ทันเวลา
4. เน้นการทำงานโดยมุ่งที่ ผลลัพธ์ โดยเน้นการปรับปรุงเพื่อการพัฒนา มากกว่าการทำตามแผนที่วางแผนเอาไว้
5. ปฏิบัติการสื่อสาร เน้นการสื่อสารทันที เน้นเรื่องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่าเครื่องมือต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วย
6. แนวคิดในการยอมรับการเปลี่ยนแปลงพร้อมที่จะให้ตรวจสอบพร้อมการชี้แนะ
7. ทำอะไรให้ง่าย สั้น กระชับ โดยลดขั้นตอน และลดงานด้านเอกสารลง
8.ประหยัดตันทุนการดำเนินลง
ในการทำ Agile ทั้งในส่วนงานสำหรับเพื่อลูกค้าของบริษัท หรือ ขององค์กร หรือ เพื่อลูกค้าภายในองค์กร เอง นั้น ปัจจัย keyword อีกคำหนึ่งที่ต้องทราบ เพื่อให้ผู้ที่จะมาอยู่ในทีม Agile ทำงานได้รวดเร็วและถูกต้อง คือ ความต้องการของผู้ใช้ หรือ ของลูกค้า หรือ ที่เรียกว่า User Story ในส่วนของความต้องการของลูกค้า จะต้องมีอีกสี่ปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ
1. As a ปัจจัยนี้จะเป็นตัวระบุว่า บทบาทของลูกค้าขององค์กร ทำอะไร หรือ บทบาทของผู้ใช้งานในหน่วยงานที่เราจะเข้าไป support นั้นเขามีหน้าที่บทบาททำอะไร เพื่อที่จะตอบปัจจัยข้อต่อไป
2. I want เป็นปัจจัยที่บอกให้ทราบว่าลูกค้า หรือ ผู้ใช้งานนั้น เขาต้องการอะไร หรือ มี ปัญหา (Pain Point) อะไรเกิดขึ้น
3. So that เป็นปัจจัยที่จะบอกว่าลูกค้าหรือ ผู้ใช้งานั้นจะได้รับอะไร จากทีมงาน Agile
4. Acceptance criteria เป็นปัจจัยทางด้านการวัดผลว่า ผลลัพธ์ของทีม Agile นั้นสามารถวัดผลในด้านการตอบสนองความต้องการได้ดีอย่างไร
ดังนั้นถ้าทีมงาน Agile ได้เข้าใจในมุมมองของลูกค้า หรือ ผู้ใช้งาน และเห็นภาพความต้องการ หรือ เห็นภาพปัญหา ที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานประสบอยู่ (ตรงส่วนนี้อาจจะต้องทำ สำรวจ (Empathy) ว่าลูกค้า หรือ ผู้ใช้งานมีประเด็นปัญหา หรือ ความต้องการที่แท้จริง คือ อะไร จะทำให้ทีม Agile วางแผนการทำงานได้ตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนสุดท้ายของบทความนี้ คือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องงานของ Agile มีใครบ้างและมีการทำงานกันอย่างไร เป็นพื้นฐานเพื่อประกอบความรู้เบื้องต้น
ผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
1. Stakeholders คือ ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ในงาน หรือ ผลลัพธ์ เช่น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์, ลูกค้า, ผู้ใช้งาน หรือ เจ้าของบริษัท
2. Product Owner ผู้เป็นเจ้าของงาน เจ้าของโครงการ เป็นผู้นำทีมในการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนอง Stakeholders
3. Developer ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ตามที่ออกแบบไว้ให้เกิดขึ้นจริง
วิธีการทำงานแบบ Agile
1. เริ่มจาก Stakeholders มี ปัญหาหรือความต้องการ ที่ต้องการให้ตอบโจทย์
2. ผู้เป็นเจ้าของงาน อยากทำการแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการนั้น
3. ผู้เป็นเจ้าของงาน แปลงความต้องการให้เป็นความต้องการของลูกค้า หรือ ของผู้ใช้งาน เพื่อให้ ผู้พัฒนา นำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์
4. ผู้พัฒนา จะดำเนินการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่ได้รับ โดยมีตัววัดว่าสำเร็จคือ Acceptance Criteria
5. ผู้พัฒนา จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับ Stakeholders นำไปใช้งาน
6. Stakeholders อาจมี การตอบสนอง หรือความต้องการเพิ่มเติม เพื่อส่งกลับไปหา ผู้เป็นเจ้าของงาน เพื่อไปปรับปรุงแก้ไข หรือ พัฒนาให้ดีขึ้น
ดังนั้นการทำงานแนวทาง Agile หัวใจสำคัญ คือการลด Feedback Loop ดังกล่าวให้สั้นที่สุดเพื่อจะได้นำมาปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือ ลูกค้าได้อย่างสมเหตุสมผล และสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับกับลูกค้าได้อย่างมั่นใจและสร้างความพึงพอใจสูงสุดได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้อีกด้วย
บรรณานุกรม
Agile Project Management by Richard Wall จาก Amazon
Agile Product Management by PaulVII จาก Amazon
Agile Project Management A complete Beginner’s Guide to Agile Project Management
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
