28 เม.ย. 2020 เวลา 07:20 • กีฬา
ซัลฟอร์ด ซิตี้ ของ class of 92
เราอาจจะเคยทราบมาบ้างว่า 5 แข้งในยุคคลาสออฟ 92 ของแมนฯ ยูไนเต็ม ร่วมกันซื้อทีมในลีกระดับล่างของอังกฤษ เราอาจจะคิดในตอนแรกว่าพวกเขาจะจริงจังกับทีมนี้สักแค่ไหน หรือซื้อไว้เพียงแค่ประดับบารมี เรามาทำความรู้จักกับ ซัลฟอร์ด ซิตี้ (Salford city f.c.) กันครับว่า ทีมๆ นี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง พวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง และจะไปได้ไกลสักแค่ไหน เชิญติดตามได้เลยครับ
ซัลฟอร์ด ซิตี้ เป็นสโมสรที่อยู่ในเมืองซัลฟอร์ด ซึ่งห่างจากตัวเมืองแมนเชสเตอร์เพียง 3.6 ไมล์ สโมสรแห่งนี้เริ่มก่อตั้งในปี 1940 เพื่อส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลในระดับท้องถิ่น ซัลฟอร์ด ซิตี้ก็ดูไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากทีมในลีกระดับสมัครเล่นทั่วไป
แต่เมื่อปี 2014 คือจุดเปลี่ยนของสโมสรแห่งนี้ เมื่อ 5 แข้งคลาสออฟ 92 อย่าง ไรอัน กิ๊กส์, แกรี่, ฟิล เนวิลล์, พอล สโคลส์ และนิคกี้ บัตต์ ร่วมกับมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์อย่างปีเตอร์ ลิม ที่เป็นเจ้าของทีมบาเลนเซีย ร่วมทุนกันเทคโอเวอร์ ซัลฟอร์ด ซิตี้
ทำไมต้องซัลฟอร์ด ซิตี้
ที่นี่มีความหมายกับพวกเขา ก่อนที่ทัพปีศาจแดงจะย้ายไปฝึกซ้อมกันที่แคร์ริงตัน สนามฝึกซ้อมแห่งปัจจุบันของแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาเคยใช้สนามฝึกซ้อมในเมืองซัลฟอร์ดที่มีชื่อว่าเดอะคลิฟฟ์ (The Cliff ) เป็นสนามซ้อมมายาวนานถึง 61 ปี ซึ่งแข้งปีศาจแดงนั้นล้วนผ่านการฝึกซ้อมที่นี่ตั้งแต่วัยเยาว์จนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นของพวกเขา ซึ่งมันเป็นที่ที่มีความหมายต่อพวกเขามาก นอกเหนือจากนั้นพอลสโคลส์ เขายังเกิดที่นี่ และไรอัน กิ๊กส์ เขาก็ยังมีบ้านอยู่ที่นี่อีกด้วย
“ทุกคนรู้ดีว่าซัลฟอร์ด มีความหมายต่อผม ดังนั้นนี่คือการซื้อทีมที่น่าตื่นเต้น เราต้องการให้ฟุตบอลมีส่วนร่วมกับชุมชน เราจะใช้ประสบการณ์ ความรู้ด้านฟุตบอลของเรา สร้างแรงบันดาลใจ และบ่มเพราะเยาวชนในซัลฟอร์ด จึงทำให้มันน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น " ไรอัน กิ๊กส์ กล่าวหลังจากที่พวกเขาบรรลุข้อตกลงซื้อซัลฟอร์ด
“มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับซัลฟอร์ด ซิตี้ และฉันเชื่อว่าจะมีความสำเร็จอีกมากมายที่จะมาสู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยดีลนี้จะส่งผลให้ทีมมีอนาคตที่สดใส และเป็นโฆษณาที่ดี สโมสรจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเชื่อว่ามันจะเป็นไปในทางที่ดีสำหรับทั้งทีมซัลฟอร์ด และเมืองซัลฟอร์ด” คำกล่าวของคาเรน บาร์ด ประธารสโมสรซัลฟอร์ด
เมืองซัลฟอร์ดมีประชากรอยู่ถึง 245,600 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย หากทีมฟุตบอลประจำเมืองของพวกเขาเป็นทีมที่ดี ประสบความสำเร็จ ก็ย่อมได้รับการสนับสนุนจากคนในเมือง ทำให้ซัลฟอร์ด ซิตี้ เป็นทีมที่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้ไกลมากกว่านี้ พวกเขามองเห็นอนาคต และความเป็นไปได้ของทีมนี้ ที่พวกเขาจะสร้างให้ซัลฟอร์ดอยู่ในจุดที่ดีกว่านี้อีกหลายเท่า
จุดเริ่มต้น
ซัลฟอร์ด ซิตี้ เมื่อปี 2014 ที่เพิ่งถูกซื้อโดยแข้งผีแดงในตอนนั้นพวกเล่นอยู่ในลีก Evo-Stik First Division North หรือลีกระดับที่ 8 ของอังกฤษ หากลองคิดภาพซัลฟอร์ด ซิตี้ สามารถขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้มันคงจะดูไกลเหลือเกิน คุณจะจินตนาการภาพนั้นไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร หรือแม้แต่เข้าสู่ระบบลีกอาชีพใน EFL League Two ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เพราะจะต้องเลื่อนชั้นถึง 4 ครั้ง ถึงจะขึ้นสู่ลีกทูได้
“เรารู้ว่ามันยาก แต่เราจะมุ่งมั่นในสิ่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น และมีแผนการที่น่าตื่นเต้นในอนาคต” คำพูดของสโคลส์หลังจากการซื้อทีม ซึ่งสื่อให้เห็นว่าการมาของพวกเขานั้น ไม่เพียงแค่ว่ามีชื่อว่าเป็นเจ้าของทีมนี้ แต่พวกเขามีแผนที่จะพาทีมนี้เดินไปในอนาคต
พวกเขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างในทีม หนึ่งในสิ่งที่เปลี่ยนก็คือสีเสื้อประจำสโมสร จากสีส้ม,ดำ เปลี่ยนเป็น ขาว,แดง ในแบบแมนฯ ยูไนเต็ด รวมทั้งตราสโมสรที่ถูกเปลี่ยนไปจากเดิม
 
พวกเขาไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของทีม พวกเขาเปลี่ยนแปลงทีม พัฒนาทีมให้ดีขึ้น แค่เพียงฤดูกาลแรกเท่านั้น ที่กลุ่มคลาสออฟ 92 เข้ามาดูแลซัลฟอร์ด ซิตี้ พวกเขาสามารถทำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ และได้เลื่อนชั้นสู่ Northern Premier League ลีกระดับ 7 ของอังกฤษ หลังจากจมอยู่ในลีกระดับที่ 8 นี้มานานถึง 7 ปี
มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ
หลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมาพวกเขาไม่ทำให้แฟนบอลต้องรอนาน ซัลฟอร์ดใช้เวลาใน Northern Premier League เพียงหนึ่งฤดูกาล พวกเขาชนะในรอบเพลย์ออฟ และเลื่อนชั้นขึ้นสู่ National League North ลีกระดับที่ 6 ของอังกฤษ ซึ่งเป็นการเลื่อนชั้นสองฤดูกาลติดกัน
ฤดูกาล 2016–17 ใน National League North นั้น แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขามีทางเดียวคือ พาทีมเลื่อนชั้นให้ได้อีกครั้ง แต่ในฤดูกาลนั้นพวกเขาไปไม่ถึงเป้าหมาย พวกเขาจบด้วยการตกรอบเพลย์ออฟทำให้พลาดการเลื่อนชั้นในฤดูกาลนั้น ทว่าหากเป็นทีมอื่นที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา การทำได้เท่านี้ก็อาจจะคิดว่าดีแล้ว แต่สำหรับพวกเขามันไม่เป็นอย่างนั้น มันไม่เพียงพอกับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
และในฤดูกาล 2017-2018 นี้ ฤดูกาลที่สองใน National League North ลีกระดับที่ 6 พวกเขายังมีเป้าหมายเหมือนเดิมคือ พาทีมเลื่อนชั้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วฤดูกาลนี้มันก็เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ ซัลฟอร์ดสามารถเก็บได้ถึง 91 คะแนน คว้าแชมป์ลีกไปครองได้สำเร็จ และได้เลื่อนชั้นสู่ National League ลีกระดับที่ 5
ไม่เพียงเท่านี้ในฤดูการนี้นั้น พวกเขายังเหมือนได้บ้านหลังใหม่ เมื่อรังเหย้าของพวกเขาคือสนาม Moor Lane ที่มีความจุเพียง 1,600 คน ได้ถูกปรับปรุงใหม่อย่างที่เรียกได้ว่า แทบจะทำใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งเมื่อสนามแห่งนี้ถูกปรับปรุงแล้วสามารถจุผู้ชมได้ถึง 5,108 คน และเปลี่ยนชื่อสนามตามสปอร์นเซอร์ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนเป็น The Peninsula Stadium และที่นี่คือรังเหย้าที่ช่วยให้พวกเขาเก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำ และเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
ในฤดูการ 2018-2019 นั้น แม้จะเป็นทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใน National League แต่เป้าหมายของพวกเขายังคงเหมือนเดิม คือการพาซัลฟอร์ดเลื่อนชั้นสู่ EFL League Two ให้ได้
ซัลฟอร์ด ซิตี้ ไม่เพียงแค่เสริมผู้เล่นเพื่อเดินหน้าคว้าตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกทู พวกเขาผนึกกำลังร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นคลาสออฟ 92 อีกหนึ่งคน เดวิด เบ็คแฮม กลายเป็นผู้ถือหุ้นของซัลฟอร์ดคนที่ 7 โดยหกแข้งผีแดงอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, แกรี่, ฟิล เนวิลล์, พอล สโคลส์ ,นิคกี้ บัตต์ และ เดวิด เบ็คแฮม ถือหุ้นอยู่คนละ 10% ส่วนอีก 40% เป็นของ ปีเตอร์ ลิม เรียกได้ว่าพวกเขาเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อพาความสำเร็จมาสู่ซัลฟอร์ด ซิตี้
“มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่ผมได้เข้าร่วมกับปีเตอร์ ลิม และนักเตะคลาสออฟ 92 ในฐานะเจ้าของทีมซัลฟอร์ด ซิตี้ ปีแรกๆ ของผมในแมนเชสเตอร์ถูกใช้ไปในซัลฟอร์ด ผมโตมาจากที่นี่ วันนี้คือความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ซัลฟอร์ด ซิตี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ แฟนๆ ก็น่าเหลือเชื่อ และผมตื่นเต้นมากที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับซัลฟอร์ดอีกครั้ง” เบ็คแฮม กล่าวหลังเข้าถือหุ้น 10% ของซัลฟอร์ด ซิตี้ เมื่อต้นปี 2019
ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนของพวกเขา ซัลฟอร์ดได้รับการพัฒนาทีมในทุกๆ ด้าน จากกลุ่มผู้บริหารที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านฟุตบอล พวกเขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ทีมนี้ไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้
เมื่อเกมลีกฤดูกาล 2018/19 ใน National League แข่งขันกันมาจนจบฤดูกาล ซัลฟอร์ด ซิตี้ จบด้วยอันดับที่ 3 ในตารางมีแต้ม 85 คะแนน แม้จะยังไม่ได้เลื่อนชั้นในทันที แต่พวกเขาได้สิทธิ์ไปรอในรอบรองชนะเลิศในการเพลย์ออฟเพื่อหาอีกหนึ่งทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกทู
ในรอบรองชนะเลิศพวกเขาต้องพบกับทีม อีสต์ไลก์ เอฟซี (Eastleigh F.C.) ซึ่งซัลฟอร์ดได้สิทธ์เป็นเจ้าบ้าน ในเกมนั้นหากพวกเขาชนะจะได้ไปเล่นในรอบชิงที่ เวมบลีย์ ที่เป็นความฝันของนักฟุตบอลในอังกฤษทุกคน ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เล่นที่นั่น
รูปเกมในวันนั้นไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับพวกเขา ซัลฟอร์ด ซิตี้ ออกนำไปก่อน 1-0 ในช่วงครึ่งแรก แต่ก็มาโดนตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบ 90 นาที ด้วยผลเสมอ ต้องเล่นในช่วงต่อเวลา ทั้งสองทีมไม่สามารถใส่สกอร์เพิ่มได้ เมื่อจบ 120 นาที จึงต้องตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ
ในการดวลลูกจุดโทษซัลฟอร์ดเป็นฝ่ายได้ยิงก่อน แต่ผู้เล่นคนแรกของวัลฟอล์ดพลาดยิงออกไป ส่วนทางฝั่งอีสต์ไลก์ เขาไม่พลาดทำให้ผู้มาเยือนออกนำไปก่อน แม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกนำไปก่อน แต่คนที่เหลือของซัลฟอร์ดอีก 4 คน พวกเขาไม่พลาดยิงเข้าทั้งหมด แต่ทีมเยือนอย่างอีสต์ไลก์ กลับมาพลาดในคนที่ 3 และคนที่ 5 ที่อีสต์ไลก์ต้องยิงให้เข้าเพื่อตามตีเสมอ แต่ถูกผู้รักษาประตูของซัลฟอร์ดพุ่งปัดออกไปได้ ทำให้พวกเขาชนะในการดวลจุดโทษ 4-3
วินาทีนั้นแม้พวกเขาจะมีเกมนัดชิงรออยู่และยังไม่ได้เลื่อนชั้น แต่แฟนบอลที่เข้ามาเชียร์พวกเขาถึง 2,963 คน ต่างวิ่งกรูกันลงมาในสนามเพื่อแสดงความดีใจกับทีมที่เขารัก หากลองคิดย้อนไปในวันที่แข้งคลาสออฟ 92 เข้ามาซื้อสโมสรแห่งนี้พวกเขามีแฟนบอลหลัก 100-200 คนเท่านั้น แต่ภาพในวันนี้มันเหลือเชื่อมากๆ ภาพแฟนบอลวิ่งดีใจกระโดดกอดนักเตะของพวกเขามันสวยงามเหลือเกิน
“มันอาจเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่สุดยอดที่สุดที่ผมเคยดูเกม ซึ่งคุณควบคุมบางอย่างในตัวคุณไม่ได้ แต่ก็รู้สึกมาไกลมากๆ” ความรู้สึกของ ฟิล เนวิลล์ หลังซัลฟอร์ดผ่านเข้ารอบชิงเพลย์ออฟสู่ลีกทู
ในเกมนัดชิง ซัลฟอร์ด ซิตี้ จะพบกับ ฟลายด์ (A.F.C. Fylde) ที่เวมบลีย์ ในเกมนี้นั้นมีแฟนบอลของทั้งสองทีมเข้ามาชมในสนามถึง 8,049 คน แม้จะดูไม่ได้เป็นจำนวนที่มากอะไรนักกับสนามที่มีความจุ 90,000 ที่นั่ง แต่มันเป็นจำนวนแฟนบอลที่มากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา มันยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับซัลฟอร์ด ซิตี้
รูปเกมในวันนั้น ซัลฟอร์ดเล่นได้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างฟลายด์ พวกเขาออกนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 15 ก่อนที่ครึ่งหลังจะทำเพิ่มได้ออก 2 ประตูในนาทีที่ 53 และ 61 จบเกมซัลฟอร์ด ซิตี้เอาชนะไป 3-0 คว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกทูได้สำเร็จ
มันมหัศจรรย์มากพวกเขาใช้เวลา 5 ปี ในการเลื่อนชั้นถึงสี่ครั้ง จากทีมระดับสมัครเล่นมีแฟนบอลหลัก 100 คน เล่นอยู่ในลีกระดับที่ 8 ของอังกฤษ ตอนนี้พวกเขากำลังจะได้ขึ้นไปเล่นใน EFL League Two ลีกระดับอาชีพอย่างเต็มตัว พร้อมกับแฟนบอลของพวกเขาที่ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นจากหลัก 100 คน เป็นหลัก 3,000 คน ต้องบอกว่าพวกเขามาไกล และมาได้เร็วเหลือเกิน
“พูดตามตรงถึงแม้ผมจะอยู่ซัลฟอร์ดผมไม่อยากเชื่อเลย เมื่อห้าปีก่อนเราไปดูเกมแรกของซัลฟอร์ด ผม , นิคกี้ และไรอัน มีแฟนบอลเพียง 180 คนที่นั่น และเราคิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่ แต่คุณคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันอยู่ห่างออกไปหลายล้านไมล์” แกรี่ เนวิลล์ พูดถึงความรู้สึกหลังทีมของเขาเลื่อนชั้นสู่ลีกทูได้
“เราจะต้องเลื่อนชั้นขึ้นไปอีกในปีหน้า เรารู้ว่ามันจะยากมากยิ่งขึ้น แต่นั่นคือสิ่งที่เราเข้าหามันเสมอ” แกรี่ พูดถึงเป้าหมายของเขากับซัลฟอร์ดในลีกทู ที่แสดงให้เห็นการไม่หยุดอยู่กับที่ พวกเขายังต้องการเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ซัลฟอร์ดมีการเสริมทัพด้วยอดีตสองนักเตะปีศาจแดงอย่าง ดาร์รอน กิบสัน และเจมส์ วิลสัน ซึ่งในฤดูกาล 2019/20 ซัลฟอร์ด ซิตี้ รั้งอันดับที่ 10 ลีกทู แข่งไป 37 เกม มี 50 คะแนน ตามหลังโซนเพลย์ออฟอยู่ 8 คะแนน หากฟุตบอลลีกกลับมาแข่งได้หลังจากปัญหาการระบาดของไวรัส Covid 19 พวกเขาก็ยังมีโอกาสในอีก 9 เกมที่เหลือในการไล่ล่าตั๋วเพลยืออฟขึ้นสู่ลีกวัน
มองย้อนกลับไปหากมีใครสักคนบอกทีมอย่างซัลฟอร์ด ซิตี้ จะขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีก อาจจะเป็นเรื่องตลก แต่ถึงตอนนี้มันเป็นไปได้แล้วครับ เหล่าแข้งคลาสออฟ 92 และปีเตอร์ ลิม พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความจริงจัง ความทุ่มเทที่พวกเขามีให้กับซัลฟอร์ด ซิตี้ เราเริ่มจะเห็นความเป็นไปได้ในสิ่งที่พวกเขาฝันว่า ซัลฟอร์ด ซิตี้ จะได้แข่งกับแมยฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก
เราแนบลิ้งค์วิดีโอการแข่งขันของซัลฟอล์ดในรอบรอง และรอบชิงมาด้วยลองเข้าไปดูกันได้นะครับ
Writer : ฐกฤต กล่ำพันธ์ดี
#ฟุตบอล #แมนยู
โฆษณา