28 เม.ย. 2020 เวลา 07:07 • บันเทิง
#7เรื่องสำคัญในชีวิตจากเหล่าสหายผู้กอง
#CrashLandingonYou (3) #ปักหมุดรักฉุกเฉิน
กด Like Page BMFH : Beware my foolish heart
#ดังนั้นสิ่งที่เขียนต่อไปนี้จึงไม่เหมาะกับคนยังไม่ได้ดูซีรีย์
และไม่อยากถูกสปอย)
เรื่องที่ ห้า “ดูดอกไม้ที่บานในฤดูนั้น กินของที่มีในฤดูนั้น”
“ยิ้มให้เต็มที่ซาบซึ้งจากใจ” คือ “ไลฟ์สไตล์”
ที่สหายผู้กองแนะนำยุนเซรี
“ความสุข”ต่างจาก “ความสนุก”ตรงที่ไม่ขึ้นกับเงิน ..
นั่นคือสิ่งที่ทุนนิยมไม่ยอมบอกเรา
ชีวิตในกรุงโซลสำหรับเหล่าสหายพลทหารสนุกและสะดวกสบาย
แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่มีความสุขที่เกาหลีเหนือ
เพราะความสุขสำหรับเหล่าสหาย
เรียบง่าย แค่ชีวิตกินอิ่มและนอนหลับ
ในขณะที่บ้านของเซรีมีแค่น้ำกับยานอนหลับ
และเธอกลับกินอิ่มและนอนหลับดี
ในดินแดนแปลกแยกอย่างเกาหลีเหนือ
การมีสหายผู้กองอยู่ข้างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง
แต่ยังมีคนอื่นๆ ไม่ว่าจะสหายพลทหาร หรือสหายแม่บ้าน
ที่สุดท้ายเธอก็ได้เรียนรู้ว่า
“ขับรถอย่ามองไปข้างหน้าอย่างเดียว มองไปข้างๆ ด้วย”
การกินอาหารง่ายๆ แบบหอยเผา มันเผา ช้าวโพดย่าง
ไข่ต้มกับคนอื่นๆ นั้น มีความสุขกว่ากินอาหารมิชิลินคนเดียว
ชีวิตจึงไม่ใช่การเอาชนะ เพื่อจะได้บินอยู่สูงเหนือคนอื่น
แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์กับคนรอบข้าง
และการนอนหลับโดย “คิดถึงคนที่เรารัก” ย่อมดีกว่า
ความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการจดจำคนที่ทำให้เราเสียใจ
หก “ผมก็ลองตามแบบของผม คุณก็ลองตามแบบของคุณ”
เป็นข้อความสุดท้ายจากสหายผู้กอง
ที่ทิ้งไว้พร้อมกับเมล็ดดอกเอเดลไวส์ ตอกไม้ประจำชาติ
สวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนที่ทั้งสอง “หวังว่า” จะได้พบกันอีกครั้ง
เนื่องจากคนเราไม่ได้เกิดมาในสุญญากาศ
อย่างที่เซรีบอกกับลูกชายของสหาย
มันบก ว่า “โลกไม่ได้สวยงามอย่างนั้น”
“ความหวัง” จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการมีชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง
หรือกระทั่งครอบครัว ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรา
และบางครั้งมันก็ใหญ่เกินกว่าที่เราจะเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบหมายเกณฑ์ทหาร ระบอบการปกครอง
หรือ..การถดถอยทางเศรษฐกิจ
ความหวังช่วยประโลมใจ ตั้งแต่ความหวังลมๆ แล้งๆ
ของคนที่พยายามทำดีกับ “ลูกชายอธิบดีปกครอง” เ
ผื่อกว่าจะได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
ไปจนถึงความหวังที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
ของแม่ที่รอลูกกลับมาจากสงคราม
ที่ “ความหวังหล่อเลี้ยงให้สามารถมีชีวิตต่อไปได้”
“เอเดลไวส์(Edelweiss)” เป็นดอกไม้เล็กๆ
ที่เติบโตและบานอย่างกล้าหาญ ท่ามกลางความหนาวเย็น
และไม่มีวันร่วงโรย จึงไม่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของ
ความรักอย่างสุดซึ้งของสหายผู้กองต่อยุนเซรี
ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ของความหวังสำหรับยุนเซรี
ที่ครั้งหนึ่งเคยเลือกจะจบชีวิต จากการขาดความหวังและกำลังใจ
สุดท้ายตัวละครสำคัญ (อาจจะที่สุด) “ลม”
ที่อาจจะพัดเราตกลงบนแผ่นอกกว้างๆ ของสหายผู้กอง
หรือพัดคนที่รักเราที่สุดกลับมาในเวลาสั้นๆ
ก่อนที่จะพัดหายไปตลอดกาล
เหมือนความรักที่แสนสั้นของกูซึงจุนกับซอดัน
ลมไม่ต่างจากโชคชะตา
ในกรณีของความรัก
“แค่ถูกคนยังไม่พอ ต้องถูกที่และถูกเวลาอีกด้วย”
ไม่ว่าอย่างไร การแบกเป้ขึ้นหลัง หาชีวิตของตนเองกับซอดัน
ก็เจ๋งไม่แพ้การใช้เวลาสองสัปดาห์ต่อปีบนเทือกเขาแอลป์กับผู้กอง
เพราะ สิ่งที่ดีที่สุดของ “ความรัก” ก็คือ
การค้นพบพลังบวก ที่ทำให้เราปรารถนาที่จะเป็น
“คนที่ดีกว่าเดิม”
ขอให้ความรักและความหวังอยู่กับทุกคนต่อไป
ด้วยความคิดถึง “สหายผู้กอง”อย่างท่วมท้น
แม้เราอาจไม่ได้พบกันอีก
แต่ยังคงมีความหวัง...เสมอ
โฆษณา