28 เม.ย. 2020 เวลา 15:08 • ธุรกิจ
ควรจะรีบซื้อหุ้นตอนนี้ไหม หรือ ควรจะรอ ทําไมไม่ทําทั้ง 2 อย่าง (ตอนที่ 1)
2
ตลาดหมีกับการสร้างพอร์ตเกษียณ (Facebook: @BarracudaStocks)
เรามักจะถูกถามบ่อยๆ จากคนรู้จักที่เริ่มมีเงินเก็บจากทํางานประจำ ว่าช่วงตลาดอ่อนแอแบบนี้ เหมาะไหมที่จะเริ่มลงทุนเพื่อการเกษียณ
คําตอบแรกของเรา คือ แน่นอน หากคุณยังไม่เกษียณอีกหลายสิบปี หุ้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดจะทําให้การลงทุนงอกเงย อาจจะมีช่วงที่ตลาดดูยากมาก แต่ถ้าระยะเวลาการลงทุนของคุณเป็นทศวรรษ การถือเงินไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด ไม่มีความจำเป็นที่จะเหนี่ยวไกที่ราคาใดราคาหนึ่ง เพราะไม่มีใครสามารถเอาชนะตลาดได้ตลอดไป
หากงานของคุณไม่เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น แค่กักส่วนหนึ่งของเงินเดือนมาลงทุนในหุ้น หากหุ้นถูก ก็ซื้อมากตัว หากหุ้นแพง ก็ซื้อหุ้นน้อยตัวลง อันนี้เป็นวิธี “cost averaging”
เนื่องจากคนส่วนมากจะเอาเงินที่ได้จากเงินเดือนแต่ละเดือนมาลงทุนในหุ้น ราคาหุ้นอาจจะแพงขึ้นเล็กน้อยในช่วงนั้น หากคุณสามารถกําหนดให้ลงทุนกลางเดือน (เช่น วันที่ 15 หรือ 2-3 วันหลังจากนั้น) หรือเมื่อไรที่ตลาดดูไม่คึกคัก คุณจะไม่เสียดายที่จะลงทุนช่วงนั้นหรอก
ต้นทุนเป็นตัวแปรที่สำคัญที่นักลงทุนเริ่มต้นสามารถทําให้เกิดความแตกต่าง ถ้าคุณซื้อ หุ้นปตท 1 หุ้น, หุ้น SCC 1 หุ้น, หุ้น BBL 2 หุ้น แต่ละเดือน (เหตุการณ์สมมตินะครับ) ต้นทุนต่อหุ้นจะสูงมาก ถ้ามีคนแนะนําให้ซื้อ Index ETF ที่ราคาหนึ่งๆ (flat fee) นั้นซะจะยังดีกว่า ลองช็อปรอบๆ หาดูตัวเลือกที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการลงทุนด้วยตนเอง คุณรู้ว่าคุณต้องการซื้อหุ้นอะไรบ้าง (สมมุติอีกทีว่า ลิตส์นี้มีหุ้นอยู่ 20 ตัว) คุณควรเลือกลงทุนในหุ้น 4-5 ตัวในลิสต์นี้ และหมุนเวียนลงทุนแบบ random ในแต่ละเดือน จนกระทั่งครบทุกตัวที่ตั้งใจไว้ ถ้าคุณสามารถลดต้นทุนในการลงทุนรายเดือนได้เพียงเล็กน้อยก็เก่งมากแล้ว สิ่งสําคัญที่เราอยากเตือน คือ ระวังอย่าจ่ายค่าคอมบ่อยเกินไป อย่าปรับพอร์ตบ่อย ปรับเมื่อจําเป็นเท่านั้น อย่าซื้อหรือขายเพียงเพราะคุณคิดว่า คุณฉลาดกว่าคนอื่นๆ คุณเบื่อ หรือโบรกเกอร์มาเชียร์ให้คุณเทรด
ขั้นตอนต่อไปที่สําคัญ คือ Time the market ด้วยตนเอง ซึ่งนี่เป็นศิลปะมากกว่าวิทยาศาสตร์ การกระจายความเสี่ยงยังใช้ได้ดี มีผลการวิจัยทางการเงินได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณลงทุนในหุ้น 15 ตัวจะได้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงดีกว่า แค่ถือหุ้นไม่กี่ตัว” ถ้าคุณคิดว่า ก็แค่ลงทุนในดัชนีอย่าง SET หรือ MSCI Thailand เอง ไม่เห็นจะยาก จงพึงระวังไว้ว่า PTT Group มีสัดส่วนนํ้าหนักถึง 20% ของดัชนีเหล่านี้ เงินลงทุนของคุณอาจจะกระจุกในอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป และไม่กระจายเท่าที่ควร พูดง่ายๆ คือ เราชอบ Equal weighting มากกว่า Weighting by market cap
คร่าวๆ เราอาจใช้ ทฤษฎีของพฤติกรรมของหุ้นที่ทําให้เกิดผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนของตลาดเรียกว่า Factor Investment ที่ทําให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (ค้นพบในปี 1993 Eugene Fama และ Kenneth French) กล่าวคือ
หุ้น small cap (Market cap < 10,000 ล้านบาท) ทําผลงานดีกว่าหุ้น big cap (Market cap > 50,000 ล้านบาท)
หุ้นคุณค่า (value stock) ดีกว่า หุ้นเติบโต (growth stock)
หุ้นที่ไม่ผันผวนจะดีกว่า หรือ ยิ่งหุ้นที่น่าเบื่อ ผลตอบแทนยิ่งดี
เงินปันผลสูง และไว้ใจได้
มีธรรมาภิบาล และรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
มีความได้เปรียบในทางตลาด
มีความรับผิดชอบต่อสังคม CSR (Corporate Social Responsibility) มีนโยบายที่เป็นธรรมและยั่งยืน
เราจะมาต่อในอาทิตย์หน้า เกี่ยวกับวิธีการจับเวลาในการลงทุน ทั้งเทคนิคอลและพื้นฐาน และ cycle theory รวมทั้งวิเคราะห์เพิ่มในสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น, ทอง และอสังหาริมทรัพย์ ครับ
#การลงทุน
#การออมหุ้น
#costaveraging
#factorinvestment
#covid19
อ้างอิง
โฆษณา