Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
no name
•
ติดตาม
29 เม.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เฟอร์กี้ : อย่าคิดเปิดร้านเหล้า! ]
ช่วงทศวรรษ 60 ถึง 70 ความนิยมในหมู่อดีตนักเตะทั้งหลายหรือที่เพิ่งรีไทร์จากการค้าแข้งคือเปิดผับ
เพราะผับเป็นเสมือนลมหายใจ รวมทั้งวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนอังกฤษ การเข้าไปนั่งดื่ม สนทนา ดูเกมฟุตบอล คริกเก็ต ลุ้นม้าแข่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แม้ผับกับแข้งอาชีพควรจะเป็นเส้นขนาน แอลกอฮอล์ควรอยู่ให้ห่างจากนักเตะทั้งหลาย แต่ความจริงแล้วตรงกันข้าม
ในยุคนั้นหลังซ้อมเสร็จผู้เล่นหลายคนต่างนัดกันไปเจอที่ผับประจำ ไสแก้วชนนั่งสนทนากันสัก 2-3 ไพน์ เรียบร้อยแล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้าน แต่ก็มีไม่น้อยที่รากงอกนั่งยาว
ว่ากันว่าใครอยากเจอนักเตะดัง สัมผัสตัวเป็นๆ ถ่ายรูปด้วยหรือขอลายเซ็น ลองไปเตร่แถวผับได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง
แล้วพวกอดีตนักเตะที่เพิ่งแขวนสตั๊ดมีต้นทุนอยู่แล้ว เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป โดยเฉพาะแฟนบอลท้องถิ่น ฉะนั้นเมื่อควักตังค์เปิดกิจการ ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างดี
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สมัยยังไม่มียศเซอร์นำหน้าและเพิ่งหย่าขาดจากการเป็นแข้งอาชีพ ก็เดินตามรอยนั้นด้วยเช่นกัน
ตอนรีไทร์ในปี 1974 เฟอร์กี้ ยังไม่มีแนวความคิดนี้หรอก แต่เมื่อได้รับเสียงเชียร์แรงยุจากคนรอบข้างและพรรคพวกก็เลยตัดสินใจเจียดเงินที่เก็บไว้ส่วนหนึ่งมาเปิดผับเลย
ผับแรกมีชื่อว่า "เบิร์นส์ คอตเทจ" มาจากชื่อเฉพาะของสถานที่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ละแวกโกแวนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มาจากพวกคนงานท่าเรือ ชนชั้นกรรมาชีพต่างๆ โดยตั้งราคาเครื่องดื่มและอาหารไว้แบบย่อมเยาว์ไม่ลำบากกระเป๋านัก เพราะรู้ดีว่าผู้ใช้บริการทั้งหลายไม่ได้ร่ำรวยอะไร
ตัวเองก็มีรากเหง้ามาจากลูกคนงานอู่ต่อเรือ จึงเข้าใจเรื่องสภาพเศรษฐกิจอย่างดี ไม่ได้หวังกำไรอะไรมากมาย ถือเป็นความผ่อนคลายอย่างหนึ่งและเป็นจุดศูนย์รวมให้เพื่อนฝูงมาสังสรรค์
เบิร์นส์ คอตเทจจึงเหมาะกับผู้คนคอเดียวกัน ไม่ใช่แค่ทุกข์เท่านั้นต้องมาเข้าผับ เวลามีความสุขทุกเทศกาลก็มาฉลองได้เช่นกัน ที่นี่ยินดีต้อนรับ โดยไม่มีแบ่งชั้นวรรณะทางสังคมทั้งสิ้น
นอกจากเครื่องดื่มช่วยย้อมใจแล้ว เฟอร์กี้ ยังลงทุนจ้างวงดนตรีแบนด์ดังในท้องถิ่นมาขับกล่อมอารมณ์อีกต่างหาก
ฉะนั้นลูกค้าจึงมีตั้งแต่คนงานท่าเรือ พวกช่างหลากหลายสาขา ไปจนถึงนักหนังสือพิมพ์ กวี นักดนตรีหรือแม้แต่นักธุรกิจ
ส่วนหนึ่งเพราะรู้ดีว่าเจ้าของผับคือ เฟอร์กี้ อดีตนักเตะดังที่เคยค้าแข้งกับกลาสโกว์ เรนเจอร์สมาแล้ว
อีกทั้งเวลานั้นยังผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมเซนต์ เมียร์เรนสโมสรระดับกลางของประเทศ จึงมีการขยายฐานลูกค้าไปยังพวกกองเชียร์ได้อีกไม่น้อย
แม้จะเหนื่อยกว่าเดิม จับงานสองทาง วิ่งรอกวุ่นไม่หยุด แต่ เฟอร์กี้ ก็มีความสุขอย่างมาก เวลานั้นพลังเต็มเปี่ยมไฟในกายลุกโชน
เฟอร์กี้ ต้องจ้างผู้จัดการสักคนมาดูแลแบบฟูลไทม์ด้วย ลูกค้ามาอุดหนุนกันเนืองแน่น ขายดีแทบเสิร์ฟกันไม่ทัน บางครั้งต้องลงไปช่วยแบ่งเบาด้วยตัวเอง
แต่อย่างหนึ่งที่เลี่ยงเด็ดขาดคือให้ เคธี่ ภรรยามาช่วยเหลือ เขาบอกเลยว่าให้เธอมีหน้าที่ดูแลลูกๆและเรื่องภายในบ้านเท่านั้น ส่วนตรงนี้ขอรับผิดชอบทุกอย่าง รวมถึงค่าใช้จ่ายในครอบครัวทุกเพนนี
พอเห็นว่าผับขายดีมากขึ้น จึงเกิดไอเดียเปลี่ยนโฉมและรีโนเวทบางส่วน ภายใต้ชื่อใหม่ว่า "เฟอร์กี้ส" หรือ "FERGIE S" ไม่ต้องมากเรื่องอะไร แบบตรงไปตรงมาชัดเจนดี
เขาให้ความสำคัญบริเวณห้องโถง ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้สำหรับนักดนตรีมากๆ นี่คือแหล่งรวมลูกค้า ที่พากันมาขยับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นลุกขึ้นเต้นอยู่กับโต๊ะหรือออกมาโชว์ลีลาตรงฟลอร์
เฟอร์กี้ ต้องกู้เงินธนาคารมาบางส่วนด้วย จึงเหมือนบังคับให้ต้องเน้นทุกอย่างไล่ตั้งแต่รสชาติอาหาร บริการที่ยอดเยี่ยม บรรยากาศความเป็นกันเอง ล้วนแต่คือหัวใจหลักของการธุรกิจผับ
พอหลายอย่างไปได้สวยก็เลยตั้งใจว่าจะเปิดต่อไปเรื่อยๆ
เท่านั้นไม่พอเมื่อเพื่อนฝูงบางคนเห็นว่า เฟอร์กี้ มือขึ้นในเรื่องนี้ ก็เลยชวนมาลงหุ้นเปิดที่ใหม่อีก
น้ำขึ้นต้องรีบตักไม่ได้เป็นสุภาษิตสอนคนไทยเท่านั้น ฝรั่งอั้งม้อก็คล้ายๆกัน
ด้วยความเห็นว่าไม่ต้องมาดูแลผับใหม่ด้วยตัวเองมากนัก จึงตอบโอเคไป พร้อมทั้งมองไกลไปถึงเรื่องขยายแบรนด์ด้วย
เปิดผับควบคู่กันไปกับคุมสโมสรฟุตบอล มันทั้งสนุกและลงตัวมากจริงๆ
ย่านที่เฟอร์กี้สผับตั้งอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกชนชั้นใช้แรงงานอาศัย จึงมักจะมีคดีความจากการทะเลาะวิวาทหรือลักเล็กขโมยน้อยให้เห็นบ่อยๆ
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนัก หากไม่เกิดเรื่องในผับตัวเอง
ค่ำคืนหนึ่งแก๊งหัวขโมยเข้ามาโวยวายและหวิดจะลงไม้ลงมือกันในผับ ต้นตอมาจากการขัดผลประโยชน์ แบ่งกันไม่ลงตัว
สองแก๊งนี้ร่วมมือกันฉกวิสกี้อย่างดีที่ท่าเรือ รวมมูลค่าไม่น้อยกว่า 40,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากๆในสมัยนั้น เปรียบตอนนี้ก็เกือบสิบเท่า
ปรากฏว่าวิสกี้ที่ขโมยมานั้นอันตรธานไปดื้อๆ อีกฝ่ายคิดว่าตนถูกหักหลัง จึงใช้เฟอร์กี้สผับเป็นสถานที่เคลียร์
บังเอิญเหลือเกินลูกค้าประจำคนหนึ่ง ซึ่งรูปร่างหนาล่ำสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัวมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ผู้จัดการผับเห็นท่าไม่ดีลนลานโทรบอก เฟอร์กี้ จนต้องต่อสายแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการ
พอตำรวจมาถึงปรากฏว่า ลูกค้าคนดังกล่าวหายตัวไปแล้ว จำต้องมีการสอบสวนและสืบพยาน ซึ่งส่งผลต่อผับไม่ใช่น้อย อีกทั้งเสียเวลาวุ่นวายพอสมควร
หนักกว่านั้นเห็นจะเป็นตอนหลังเกิดเหตุไม่นานลูกค้าร่างบึ้กประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตแบบมีเงื่อนงำอำพรางและลานจอดรถบรรทุกของเขาถูกเผาเหี้ยน
ตอนนั้น เฟอร์กี้ จึงหวาดผวามากว่าเรื่องจะลุกลามแล้วลากตัวเองไปเกี่ยวข้องด้วย
ความคิดจะขายหุ้นทิ้งจึงผุดขึ้นมา ประกอบกับผับอีกแห่งที่ให้เพื่อนบริหารก็ไปได้ไม่สวยเท่าไรนัก ประสบปัญหาขาดทุนด้วย
ขณะที่ลังเลอยู่นั้นเกิดเรื่องคาดไม่ถึงซ้ำอีกแผล
ด้วยความที่มีรสนิยมและอยากให้ผับดูหรูหรามีคลาส เฟอร์กี้ จึงลงทุนซื้อเครื่องแก้วคริสตัลสวยๆ มาไว้ใส่ค็อกเทลเพื่อดึงดูดพวกลูกค้าสาวๆอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามคืนแรกผ่านไป แล้วมานับจำนวนในวันรุ่งขึ้น ผลคือหายไปเกินครึ่ง มีการฉกไปเป็นของที่ระลึกดื้อๆ
มันคงจับมือใครดมไม่ได้ เฟอร์กี้ จึงได้แต่กำชับลูกน้องให้คอยสอดส่องดูพวกแมวขโมยให้ดีหน่อย อย่างนี้ต้นทุนผับจะสูงขึ้นอีกมาก
แล้วฟางแห่งความอดทนเส้นสุดท้ายก็ขาดผึงจนได้
เย็นวันหนึ่งมีคู่ผัวเมียขาประจำมาใช้บริการ ทะเลาะกันลั่นผับ บางจังหวะก็รักกันดูดดื่ม ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ไม่ยากว่าคงเมาเต็มที่ ไม่มีใครให้ความสนใจนัก
แต่พอจะกลับ ยังหิ้วแก้วคริสตัลออกไปหน้าตาเฉย ร้อนถึงผู้จัดการผับต้องเอะอะโวยวายว่าไม่ได้นะ อย่าทำอย่างนี้
ฝั่งนั้นยืนเถียงไม่พอใจ ตัวผู้ชายที่มาด้วยเลยตัดความรำคาญบอกให้เอาคืนไปซะ ก่อนผลักประตูเสียงดังออกไป คิดว่าเรื่องน่าจะสงบ แต่เปล่าเลย
ผู้ชายคนนั้นและพรรคพวกออกอาละวาดอีกรอบ คราวนี้กลับมาพร้อมขว้างขวดเบียร์ใส่มาข้างในผับด้วย แล้วก็วิ่งหนีเตลิดไปด้วยความสะใจ
โชคร้ายขวดเจ้ากรรมนั้นไปโดนนักดื่มร่างยักษ์คนหนึ่ง จึงวิ่งไปคว้าตะขออันเขื่องที่แขวนไว้หน้าประตู ก่อนตามไปจัดการ
ผลคือมือขว้างขวดนั้นนอนจมกองเลือด มีแผลเหวอะที่หน้าและคอ เสียงผู้หญิงกรีดร้องดังลั่น ด้วยความตกใจและกลัวสุดขีด
เฟอร์กี้ ต้องปวดหัวอีกมาก ไหนจะเป็นพยาน ไหนจะขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องร้องกัน ตำรวจเข้ามาวุ่นวายที่ผับเสมอ จนลูกค้าหายเกือบหมด
"เลิกเถอะ" เคธี บอกสามีตัวเอง
อีกไม่นาน "เฟอร์กี้สผับ" ก็ปิดกิจการเหลือไว้เพียงแค่ความเป็นตำนาน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
www.cheerball.com/news/talk
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Line :
https://line.me/R/ti/p/@cheerball.com
Facebook :
www.facebook.com/cheerball
Twitter :
www.twitter.com/cheerballth
Website :
www.cheerball.com
Youtube :
www.youtube.com/cheerballTH
ขอบคุณครับ
2 บันทึก
51
2
2
51
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย