29 เม.ย. 2020 เวลา 10:15 • ไลฟ์สไตล์
"ถึงเวลามีน้อย แต่เราต้องสามารถจัดสรรและใช้มันอย่างคุ้มค่า"
ไปเที่ยวนอกเวลางานกับวินดากันค่ะทุกคน ^.^
ไปภูเก็ตครั้งนี้ วินดาไม่ได้มีเป้าหมายไปเที่ยวเป็นหลัก เพราะด้วยงานจึงต้องเดินทางไปกับทีม และช่วงที่ไปคือกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี2020 ช่วง Covid-19 กำลังเริ่มก่อตัวเข้าไทย ทำให้อะไรอะไรในเมืองนี้ไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเมืองท่องเที่ยวแบบปีก่อนที่ได้มีโอกาสมาทำงานหลายครั้ง(ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง)
ช่วงปลายปีที่แล้ว มายังได้เที่ยว ได้เห็นความคึกคักในเมืองที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติเดินกันมีสีสันบรรยากาศ มาคราวนี้เงียบเหงา ผู้คนในภูเก็ตบ่นกันทุกอาชีพที่เจอตั้งแต่ลงจากเครื่อง ทั้งบริษัทให้เช่ารถ พ่อค้าแม่ค้า ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร... ทุกอาชีพเชื่อมโยงกระทบไปตามๆกัน
อย่างโรงแรมที่พวกเราได้พักกัน 3 คืน มาถึงเงียบจนเหมือนมีแค่เฉพาะทีมงานเราเท่านั้น เหมือนจะได้ความสงบส่วนตัว แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่ที่อยากเจอ มันเป็นความสงบที่เหี่ยวเฉา ไม่ใช่สงบแบบสุขใจ เพราะสถานการณ์ไม่สู้ดีจนไม่นานกลายเป็นวิกฤตให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลงทั้งชั่วคราวและถาวร
Lobby โรงแรมสุพิชฌาย์ พูลแอคเซส จ.ภูเก็ต
แต่ในความรู้สึก อึน อึน นี้ วินดายังได้รอยยิ้มและมิตรภาพที่ดี น่ารัก จนเรียกว่าประทับใจเลยค่ะ ทุกวันนี้นึกถึงยังพายิ้มได้ เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ
มีน้องพนักงานสองคนที่อยู่ประจำหน้า Front Office สาวมีน้ำใจจากภาคกลาง และ Bell Boy ผู้ทำได้ทุกอย่างด้วยความเต็มใจ
ด้วยสถานการณ์และวินดาต้องอยู่ทำงานในเมือง แถมเวลาว่างที่มีน้อยนิดไม่อาจไปเที่ยวลงเรือทำกิจกรรมในทะเลได้ อีกอย่างในเมืองพวกเราก็ไปกันบ่อยจนอยากเปลี่ยนบ้าง ดูรีวิวก็มีแต่ที่เดิมๆไปเที่ยว ไปกินกันมาหมดแล้ว แล้วนี่พอเข้าห้องพัก Wi-Fi ก็ดันใช้ไม่ได้อีก ใจตอนนั้นเริ่มหงุดหงิดแต่ต้องข่มใจไว้เพราะจะไปเหวี่ยงวีนกับคนอื่นก็ใช่เรื่อง ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ไปที่ ฟร้อนเลยดีกว่า
น้องผู้หญิงเป็นคนรับสาย(ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าน้องชื่อหยก มารู้ตอนที่ได้มีโอกาสคุยกับน้องบ่อยๆ) ทางเราก็อธิบายปัญหาที่ใช้ Wi-Fi ไม่ได้สักทีพยายามมาหลายครั้งแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าน้ำเสียงวินดาไม่ได้โมโหหรือพูดจาไม่ดี แต่ค่อนข้างจริงจังเพราะเราจำเป็นต้องใช้จริงๆ
เมื่ออธิบายเสร็จ น้องหยก ขอโทษผ่านมาทางโทรศัพท์ (คือน้องฟังเราจนจบไม่พูดแทรกเลยนะคะ) และบอกว่าอาจจะเป็นที่การตั้งค่าในมือถือแต่ก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะไปดูให้ ไม่ถึง 2 นาทีก็มีคนมาเคาะประตู
น้องหยกมาเองค่ะ ตอนแรกวินดานึกว่าจะให้พี่ช่างมาดูให้ซะอีก น้องขอมือถือไปดูอย่างมีมารยาทพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีเต็มใจช่วย น้องเปิดเช็ตการตั้งค่าพร้อมอธิบายถึงข้อผิดพลาดในเรื่องการจำเครือข่ายเครื่อง (พี่ก็งงๆ แต่ก็พอเข้าใจจากที่เห็นน้องทำไปด้วย) เรียบร้อยไม่ถึง 1 นาทีวินดาก็ใช้ Wi-Fi ได้อย่างสบายตลอด 3 คืนที่พักอยู่ที่นี่
ภายในห้องพัก โรงแรมสุพิชฌาย์ พูลแอคเซส จ.ภูเก็ต
ลองมาคิดดูมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยและน้องก็ไม่ต้องมาเองก็ได้ แต่ทุกอย่างที่น้องหยกทำมันสร้างความประทับใจและเห็นถึงความจริงใจที่น้องทำให้กับลูกค้าให้พักที่นี่ได้อย่างสะดวกใจที่สุด(มีพนักงานแบบนี้เจ้านายรักแย่เลยค่ะ)
และแล้วครึ่งชั่วโมงผ่านไปบ่ายแก่ๆความเริ่มอยากกินขนมก็มา วินดาเลยออกจากห้องไป Minimart เล็กๆของโรงแรม วินดาเดินผ่านน้องหยกที่หน้าฟร้อน น้องลุกยืนทักทายและยังถามด้วยว่า "มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ?"
วินดายิ้มแล้วขานไปว่า "พี่อยากกินขนมค่ะ" แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน(โมเม้นน่ารักอะ) น้องพาเราเดินไปช่วยหา ช่วยเลือกขนมและเครื่องดื่ม จ่ายตังค์ แฮปปี้กันไป
ได้ขนมยิ้มกว้างกลับไปกินที่ห้องเลยค่ะ
จากสองเหตุการณ์นี้เราได้คุยกับน้องหยกมากขึ้น ทุกครั้งที่เจอมักจะเป็นช่วงที่น้องอยู่หน้าฟร้อน(น้องอยู่ช่วงกลางวันถึงค่ำๆ) และถ้าเจอน้องหยกก็จะเจอน้อง Bell Boy ชื่อเบียร์(น้องหยกแนะนำให้รู้จัก) น้องเบียร์มักจะยืนคอยตักใบไม้ในสระน้ำ ยืนคุยกับลูกค้า ช่วยลูกค้ายกของ ถือของอย่างกระตือรือร้น วินดาก็ชวนน้องคุยกึ่งแซวและถามไปว่า “น้องเบียร์ มีหน้าที่อะไรหรอค่ะ?” ทั้งน้องเบียร์น้องหยกหันมาหัวเราะกัน ก่อนที่จะตอบว่า "ผมมีหน้าที่ Bell Boy เป็นหลักแล้วก็ควบตำแหน่งแม่บ้าน 555" น้องเบียร์ทำทุกอย่างค่ะ ใครให้ช่วยอะไรทำได้ก็ทำหมด น่ารักจริงๆ
วิวจากห้องพักค่ะ
ทีมที่วินดามาทำงานพวกเราจะว่างกันเฉพาะช่วงเย็นและ 1 วันสุดท้ายก่อนกลับ พวกเราเลยปรึกษาและขอคำแนะนำจากน้องสองคน พร้อมเล่าเรื่องความหลังที่เคยไปเที่ยว ไปกินในเมืองมาหมดแล้ว อยากไปที่ที่ไม่เคยไปบ้าง แต่เวลามันก็มีไม่มากนัก
ถือเป็นโจทย์ยากของน้องสองคนเลย แต่น้องๆก็พยายามช่วยแนะนำ หาให้ที่คิดว่าน่าสนใจ และวินดาก็มีพี่ที่รู้จักกันเขามาภูเก็ตบ่อยแนะนำเมนูอาหารที่เราไม่เคยกินมาให้ด้วย พวกเราเลยเอาทุกอย่างมาเรียบเรียงและจัดเวลาไปกันค่ะ
ไปกันที่อาหารก่อนก็เก็บเอาตอนเย็นวันละอย่างสองอย่างนะคะ มี 3 เมนูที่อยากแนะนำทุกคนด้วยเผื่อมีโอกาสได้ไปจะได้ไปตามหามาลองค่ะ เป็นสามเมนูที่วินดาไม่เคยกินมาก่อนเลย ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ถือว่าแปลกและอร่อย ถ้ามีโอกาสจะไปหาอีกค่ะ
แกงคั่วหอยจุ๊บแจง
เมนูแรก "แกงคั่วหอยจุ๊บแจง" เป็นไงค่ะ แค่ชื่อก็แปลกแล้ว คนพื้นที่บอกว่าเป็นหอยพื้นบ้านที่คนภูเก็ตชอบเอามาทำกินกัน (แกงถุงนี้ลูกค้าซื้อมาให้ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านไหนค่ะ แต่เขาว่าเป็นร้านข้าวแกง) รสชาติคล้ายแกงคั่วหอยขม แต่แกงจะมีความเข้มข้นกว่า เนื้อหอยจะหนึบๆกว่าค่ะ กินกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยไม่ลืมแน่นอน
เนื้อปลาสะเต๊ะ ร้านทุ่งคา กาแฟ จ.ภูเก็ต
เมนูที่สองเป็น "เนื้อปลาสะเต๊ะ" จากร้านทุ่งคา กาแฟ เนื้อปลากรอบนอกนุ่มในกินคู่กับอาจาด อร่อยไม้เดียวไม่พอแน่นอนค่ะ นอกจากอาหารแล้วกาแฟร้านนี้ก็โด่งดังขึ้นชื่อใครมาต้องลอง "กาแฟเย็นทุ่งคา" แต่วินดาว่าหวานไปนิดค่ะ
ปลายัดไส้ ร้านหมอมูดง จ.ภูเก็ต
เมนูสุดท้าย "ปลายัดไส้" ร้านหมอมูดง เมนูนี้แปลกมากและอร่อยด้วย จะกินเล่นก็ได้ จะกินกับข้าวก็อร่อย รสชาติเหมือนปลาทอดยัดไส้ห่อหมก กรอบ หอม เครื่องแน่น คุ้มค่าที่ไปจริงๆค่ะ
นอกจากสามเมนูที่สุดแสนอร่อยแล้ว เรายังมีเวลาไปเที่ยวชม Phuket Aquarium ค่าเข้าชม 50 บาทเท่านั้นเองค่ะ ที่นี่ดีกว่าที่คาดไว้ ตั้งแต่บรรยากาศอาคารอยู่ติดทะเล เข้าไปสถานที่ก็สะอาด แอร์เย็น มีปลาและสัตว์น้ำจัดแสดงไว้อย่างเป็นสัดส่วนพร้อมป้ายบอกคำอธิบายสัตว์แต่ละชนิด เด็กๆน่าจะชอบเลยค่ะ ขนาดเด็กโข่งอย่างวินดายังชอบเลยค่ะ อิอิ สัตว์น้ำบางชนิดเราเคยเห็นแต่ในหนังสือ ทีวี พอมาเห็นตัวจริงก็อดตื่นเต้นไม่ได้ 555
เดินกันไปเรื่อยๆตามทางก็จะเจอกับห้องวีดีทัศน์ที่จะเปิดจอฉายเรื่องราวน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานที่หรือท้องทะเล แต่วินดามาไม่ทันรอบฉายเลยอดดูไปค่ะ ในห้องมีจอขนาดใหญ่และที่นั่งคล้ายโรงภาพยนตร์ขนาดย่อม แอร์เย็นน่านั่งค่ะ
เดินออกมาจากห้องวิดิทัศน์ต่อมาอีกนิดก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ตรงนี้วินดาได้กระเป๋าเป้ปลาน้อยมาฝากหลานสำหรับเข้าเตรียมอนุบาลด้วย น่ารักมุ้งมิ้งมากเลย หลานชอบมากจนเอามากอด มาสะพายติดตัวอยู่หลายวัน
กระเป๋าเป้ปลาน้อยได้ใจเบบี๋
พอถึงทางออก พวกเราก็โฉบไปเก็บภาพวิวทะเลสวยๆเป็นที่ระลึกก่อนกลับกันสนุกเลย เพราะถึงแดดจะแรงแต่เราก็สู้เพื่อได้รูปนะคะ
ถ่ายจากนอกอาคาร Phuket Aquarium ค่ะ
จบไปอีกหนึ่งทริปเที่ยวนอกเวลางานค่ะ ถึงเวลาจะไม่เยอะแต่ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้ไปในที่เดิมๆ ได้กินอะไรที่ไม่คิดว่าจะมีเมนูแบบนี้ให้กินด้วย ที่สำคัญได้มิตรภาพที่ดีระหว่างเดินทางอย่างน้องหยก น้องเบียร์ ซึ่งจริงๆแล้วเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้ แต่สิ่งที่น้องๆทำมันเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ ไม่ลืม ย้อนนึกถึงทีไรก็สุขใจ อมยิ้มทุกครั้ง
ขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลา ประสบการณ์จะพาเราให้ได้มากกว่าได้ไป😊
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าชอบกดไลด์แสดงความรู้สึกส่งถึงกันเพื่อเป็นกำลังใจ คอมเม้นพูดคุย แนะนำได้เลยนะคะ และถ้าประทับใจจะแชร์ส่งต่อก็ยินดีมากๆค่ะ🥰
แล้วพบกันใหม่นะคะ👋🏻
#windasharing

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา