#ล้มได้แต่ต้องลุกให้เร็ว
.
.
@เช้าวันหนึ่ง
หลังจาก "เจ้าของร้านเครื่องเสียงรถยนต์" ทราบข่าวว่าเกิดเหตุไฟไหม้ตึกแถวที่ร้านของเขาตั้งอยู่ เขาก็รีบขับรถไปดู
เมื่อถึงร้าน เขาก้าวลงจากรถ ภาพที่เขาเห็นจากฝั่งตรงข้ามของถนนก็คือ เปลวเพลิงกำลังลุกลามตึกแถวหลายคูหา รวมถึงร้านของเขาด้วย
แม้พนักงานดับเพลิงจะช่วยกันดับเพลิงอย่างแข็งขัน แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะช้าเกินไปซะแล้ว
ชายหนุ่มหันไปมองผู้คนรอบข้าง ภาพที่เขาเห็นคือ
หลายคนร้องไห้ ฟูมฟาย
หลายคนทรุดลงไปกองกับพื้น หมดเรี่ยวหมดแรง
หลายคนมีคนประคองแขน
บางคนยืนกอดคอกันร้องไห้
ส่วนตัวเขา ร้านตกแต่งเครื่องเสียงรถยนต์ที่เขาสร้างมากับมือ เป็นธุรกิจเดียวของครอบครัว หายไปในกองเพลิง เขาได้แต่กระพริบตาถี่ๆ บีบไล่น้ำตาให้ไหลออกมาเร็วที่สุด
ขณะยืนมองดูการดับเพลิงของเจ้าหน้าที่
เป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงแดด แสงแรกของวันใหม่มาเคาะประตู
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เขาใช้มือขวาปาดน้ำตา เช็ดกับแขนเสื้อ
มือซ้ายล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
"สวัสดีครับ ร้าน....ใช่มั๊ยครับ" ปลายสายพูด
.
.
"สวัสดีครับ ร้าน....ครับ ผม...พูดสายครับ" เจ้าของร้านตอบ
"พี่ครับ ผมจะนำรถไปติดตั้งเครื่องเสียงหน่อย ราวๆ 11 โมง ขอเป็นชุด A นะครับ รถผมรถเก๋งครับ" ปลายสายพูดต่อ
เจ้าของร้านเงยหน้ามองสภาพร้านที่เหลือแค่ตึกกับเถ้าถ่าน และควันโขมง เขาตอบปลายสายกลับไปว่า
"ได้ครับพี่ แต่วันนี้พิเศษหน่อยนะครับ พี่ไม่ต้องมาร้านผม ผมไปติดตั้งถึงบ้านพี่เลย ขอที่อยู่ด้วยครับ 11 โมงเจอกันครับ" เจ้าของร้านตอบ
เมื่อกดวางสาย เขาเดินไปที่รถ สตาร์ทรถ แล้วขับออกไปหาซื้อเครื่องเสียง และขอยืมอุปกรณ์ต่างๆ จากร้านเพื่อนที่รู้จัก
เย็นวันนั้น ในวันที่ร้านทั้งร้านโดนไฟไหม้ทั้งหมด เขามีรายได้เข้ากระเป๋า 18,000 บาท จากการติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์
ในขณะที่คนอื่นที่สูญเสียเหมือนเขา ยังคงร้องไห้ไม่หยุด ยังอาลัยกับสิ่งที่เสียไป เขาก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่....
เขาถือคติที่ว่า "ล้มได้แต่ลุกขึ้นให้เร็ว"
"หมดอะไรหมดได้ แต่อย่าหมดกำลังใจ"