30 เม.ย. 2020 เวลา 12:43 • กีฬา
#SG My Story Steven Gerrard
.
ตำนานตลอดกาลแห่ง แอนฟิลด์
.
บทที่ 1 " การเผชิญหน้า " ตอนที่ 1 ( นักเตะข้างถนน )
การเผชิญหน้า บทที่ 1
.
ในตอนที่ผมยังเป็นเด็กตัวน้อยที่เล่นฟุตบอลทุกวันบนถนนไอรอนไซด์ หน้าบ้านของเราที่ บูลยจะได้เบลล์ เอสเตต ผมสวมบทบาทเป็น จอห์น บาร์นส์ ตอนนั้นเขาคงอายุมากกว่าผม 17 ปี เเละมีสีผิวที่เเตกต่างกัน
.
บนถนนคอนกรีตที่ทอดยาวไปจนถึงประตูรั้วหน้าบ้าน นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของลิเวอร์พูลเเละผม คืนคนๆเดียวกัน
.
ที่ซอยตันนั้นเอง ผมได้สมมุติตัวเองว่าเป็นเหมือน จอห์น บาร์นส์ทุกอย่าง ทั้งทักษะเเละความสามารถที่ยากจะต่อสู้ รวมทั้งยังเป็นเครื่องจักรที่พาบอล อีกทั้งนักเตะที่ทำประตูน่าประหลาดใจมากมายใส่ทีมพี่ชายคนโตของผมที่ชื่อพอล เเละเพื่อนๆของพอลที่มีอายุมากกว่าผม 3-5 ปี
.
พวกเขาเข้าสกัดบอลอย่างหนัก เเละบางครั้งก็ทำให้ผมล้มลง เลือดไหลที่หัวเข่า เเต่ผมยืนขึ้น เเละปฏิเสธที่จะร้องไห้เเล้วกลับมาเป็น จอห์น บาร์นส์ คนเดิมอีกครั้ง บนถนนนั้นเป็นยิ่งกว่าสนามสำหรับผม
.
ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างเหมือนกัน จอห์น บาร์นส์ สวมเสื้อหมายเลข 10 ให้ลิเวอร์พูล ซึ่งบ้านเลขที่ของผมนั้นก็หมายเลข 10 ตั้งอยู่บนถนนไอรอนไซด์ เราทั้งคู่ต่างรักฟุตบอล แม้ว่าเขานั้นจะย้ายมาจากจาไมกา มายังเมอร์ซี่ย์ไซด์ เเละผ่านการเป็นนักเตะของวัตฟอร์ตมาก่อน ในขณะที่ผมเกิดที่นี่ ที่เมืองลิเวอร์พูล...
Steven Gerrard
.
ผมเป็นเด็กตัวผอมบาง และหลายครั้งผมเล่นเป็นจอห์น อัลดริดจ์ ที่ไร้หนวดเครา เเต่ยิงประตูได้มากมาย หรือไม่ก็ปีเตอร์ เบียร์สลีย์ โดยพยายามวิ่งหลอกล่อไปมา เเละผ่านบอลสั้นๆ เเต่ที่ไม่สามารถเลียนเเบบเขาได้คือ สำเนียงชาวจอร์ดี ของเขา
.
ผมอาจเล่นเป็น รอนนี่ วีแลน ผู้นำสุดนิ่งในแผงมิดฟิลด์ หรือ สตีฟ เเม็คมาน นักเตะฮาร์ดแมนที่เข้าสกัดอย่างหนักหน่วง เเละเป็นเจ้าเเห่งการคลึงบอลกลับ โดยมีสำเนียงลิเวอร์พูลเช่นเดียวกับผม
.
ผมฝึกกลเม็ดเเบบ สตีฟ เเม็คมาน ที่คุณต้องวิ่งข้ามบอล ในขณะที่บอลยังคงไหลไปตามเส้นข้างสนาม ซึ่งผมทำมันซ้ำเเล้วซ้ำเล่า เหล่านักเตะดาวดังของลิเวอร์พูลพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของผม
.
เเละในหัวของผมก็กลายเป็นนักเตะเหล่านั้น เมื่อลงเล่นบนถนนไอรอนไซด์ เเม้ว่าคนอื่นๆจะตัวใหญ่และเเข็งเเรงกว่าผมมาก เเต่ความมุ่งมั่นของผมมีเทียบเท่าพวกเขาทุกครั้ง
.
ผมอายุ 8 ปี ตอนที่ผมได้รับการตอบรับจาก ลิเวอร์พูล เซ็นเตอร์ ออฟ เอ็กซ์ชาลเลนซ์ พ่อของผมพาผมไปที่ เวอร์นอน เเซงสเตอร์ สปอร์ตเซ็นเตอร์ ที่สเเตนลี่ย์ พาร์ค ซึ่งตอนนี้ได้ถูกรื้อไปเเล้ว
.
ผมเเละพ่อนั้นรู้สึกภูมิใจ ผมชอบใส่เสื้อสีแดงลิเวอร์พูล ที่เซ็นเตอร์ ออฟ เอ็กซ์ชาลเลนซ์ ของสโมสร เเละมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ผมและพ่อต้องต่อรถถึงสองต่อ เเม้ในยามฝนตกหรืออากาศหนาวเหน็บ ต้องเดินทางฝ่าน้ำเเข็งหรือหิมะ หรือเเม้เเต่ฤดูหนาว
.
"มันรู้สึกเหมือนว่าผม กำลังเล่นฟุตบอลท่ามกลางเเสงเเดดในทุกๆวัน"
.
เมื่อไรผมรู้สึกเหนื่อย นั่นเป็นเพราะผมยังเด็กมาก เเต่พ่อจะอยู่ที่นั่นเพื่อให้กำลังใจเสมอ บางวันที่ผมกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้าน เเละเอ่ยปากว่าผมเหนื่อยที่จะนั่งรถสองต่อเพื่อที่จะไปที่เวอร์นอน เเซงสเตอร์ พ่อจะเร่งให้ผมเตรียมตัวให้พร้อม เเละจะกล่าวกับผมเสมอว่า
.
"ลูกไม่เคยเหนื่อยเกินไปสำหรับการเล่นให้ลิเวอร์พูล" พ่อเตือนผม "เอาน่า เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผม เเละเราจะออกเดินทาง" เเต่เมื่อเดินทางมาถึง ศูนย์กีฬาผมก็เริ่มอยากจะเล่นอีกครั้ง ความเหน็ดเหนื่อยมันมลายหายไป...
.
ผมไม่เคยเลิกชอบ อัลดริดจ์, บาร์นส์, เบียร์สลีย์, เเม็คมาน, วีเเลน และนักเตะในทีมที่เหลือ เเต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลายเป็นวัยรุ่น ก็มีความคิดฝันที่แตกต่างเกิดขึ้นที่แอนฟิลด์
.
ช่วงเวลานั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมได้เห็น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ลงเล่นแดนหน้าให้ลิเวอร์พูล พร้อมกับเสื้อหมายเลข 9 อันเป็นเอกลักษณ์ เเละผมที่เป็นแฟนที่เหนียวเเน่น จึงเริ่มฝันถึงการลงเล่นทีมเดียวกับเขา ร็อบบี้ มาจากลิเวอร์พูลเหมือนกัน เเละเขาก็เป็นฮีโร่ของเราทุกคน เขาเป็นเด็กชายจาก ท็อกซ์เท็ธ ที่ได้รับฉายาว่า "ก็อต"
.
ผมเริ่มจินตนาการถึงการผ่านบอลในจังหวะถัดไปของผมที่ฉีกแนวรับ เพื่อส่งบอลให้ฟาวเลอร์ยิงอีกประตูหนึ่ง ผมเกือบทำให้เชื่อว่า หากพวกเราได้จับคู่กันจะไม่มีใครหยุดยั้งเราได้
.
เเล้วในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง...
.
.
บทที่ 1 "การเผชิญหน้า" ตอนที่ 2 ( การมาของ หลุยส์ )
Steven Gerrard
.
เเละเเล้วความฝันก็กลายเป็นจริง ผมกับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ไม่เคยได้เล่นพร้อมกันตอนที่เราทั้งคู่อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม แต่เราได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน ทั้งในสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ
.
เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2013 หลังจาก 20 ปีกับลิเวอร์พูล จากช่วงชีวิตที่มีความสุข ที่อคาเดมี 2 ปีที่สนุกสนานในฐานะนักเตะฝึกหัดของ วายทีเอส "YTS" ล่วงเลยมาถึงเวลาที่ผมสวมปลอกเเขนกัปตันทีมเเละพาทีมลิเวอร์พูลคว้าถ้วย ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก สมัยที่ 5 มันช่างน่าตื่นเต้น ผมรู้สึกถึงไฟอันลุกโซนเช่นเดียวกับบนถนนไอรอนไซด์และที่แอนฟิลด์ ผมอายุ 33 ปีเเต่ก็ยังรักสโมสรไม่เสื่อมคลาย
.
ผมยังรักสโมสรลิเวอร์พูล เเละชื่นชอบนักเตะอย่าง จอห์น บาร์นส์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ หลุยส์ ซัวเรช
.
เช่นเดียวกับที่ผมมองเห็นในตัวของ บาร์นส์, ฟาวเลอร์ ผมมองเห็นบางอย่างในตัวของ หลุยส์ ซัวเลช ซึ่ง หลุยส์ ซัวเรช ก็เป็นนักบอลข้างถนนเช่นเดียวกันกับผม เราทั้งคู่มีความหมกหมุ่นพรุ่งพล่านอยู่ในตัว ไม่ว่าจะมาจาก มอนเตวิเดโอ หรือ เมอร์ซี่ย์ไซด์ เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ฟุตบอลเป็นเจ้าชีวิตของเรา
Steven Gerrard
.
หลุยส์ ซัวเรช ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล วันที่ 31 มกราคม 2011 เเละในการซ้อมเต็มวันครั้งเเรกของในเมลวู้ด ความคลั่งไคล้ที่เขามีต่อฟุตบอลนั้นชัดเจนมาก เเละนั่นทำให้ผมเเทบหยุดหายใจ
.
หลุยส์ ซัวเรช เป็นนักฟุตบอลที่หายาก เขาซ้อมเเบบเดียวกับที่เล่นในสนามเมลวู้ด
.
เช้าวันอังคารที่ฝนพรำนั้นเหมือนกับคัมป์นู ในค่ำคืนวันเสาร์ที่น่าตื่นเต้น หลุยส์ ลงเล่นเพื่อเอาชนะในเกมฟุตบอลห้าคนในการซ้อม แบบเดียวกับที่เขาเล่นในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก, เวิลด์คัพ หากทีมของเขาเเพ้ในการซ้อม เขาจะกลับบ้านพร้อมความโกรธ เขาต้องการชัยชนะอยู่เสมอ
.
ผมชอบความเข้มข้นเเละเเพชชั่นของหลุยส์ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังชอบความสามารถและทักษะของเขา ผมเคยซ้อมกับนักฟุตบอลที่น่าทึ่งมาหลายคน ในระหว่างช่วงเวลาในอาชีพของผม ผมมีความเชื่อเสมอว่าผมอยู่ในกลุ่มนั้น นั่นคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดี่ที่สุด
.
คุณต้องการความเชื่อเช่นนั้นดังนั้น ผมจึงต้องการเหล่านักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ผมต้องการให้พวกเขามายกระดับลิเวอร์พูลเคยทำไว้ตอนที่ผมยังเป็นเด็กบนถนนไอรอนไซด์เมื่อทศวรรษ 1980 เเละที่เห็นแก่ตัวกว่านั้นคืิอ
เจอร์ราร์ด, คล็อปป์
.
" ผมต้องการพิสูจน์ให้นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้เห็นว่า ผมสมควรลงเล่นเคียงข้างพวกเขา "
.
หลุยส์ ซัวเรช มอบโอกาสต่างๆ อันงดงามให้ทั้งลิเวอร์พูลเเละผม เขายังมอบโอกาสให้เรา เพื่อลงเเข่งขันกับเงินตรา, อำนาจ ของ เเมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, เเมนเชสเตอร์ซิตี้, เชลซี
.
ทั้งในสนามซ้อมเเละสนามแข่งขัน หลุยส์ ซัวเรช พิสูจน์ให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาเป็นนักเตะที่มีระดับเเตกต่างจากคนอื่น ผมต้องพยายามมากกว่าเคยในการเล่นให้ได้เท่าเขา แต่หลุยส์เป็นนักเตะที่ดีกว่าผม
.
มันยากเสมอในการเลือกเพื่อนร่วมทีมที่ดีที่สุดในอาชีพที่ทอดยาวนานมากกว่า 17 ฤดูกาล เเต่เมื่อผมคิดถึงมัน คำตอบทุกๆอย่าง ก็ชัดเจนขึ้น มีนักเตะสี่คนที่โดดเด่นขึ้นมาในช่วงเวลาระหว่างที่ผมอยู่ลิเวอร์พูลเเละในทีมชาติอังกฤษ
.
นักเตะสามคนเเรกเป็นนักเตะที่ทำให้ผมเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น ทั้งสามคนพูดภาษาสเปน และเเต่ละคนก็ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ของผมเเละเหล่าเเฟนๆลิเวอร์พูลทุกคน
.
เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซาบี อลอนโซ, หลุยส์ ซัวเรช
.
เวย์น รูนี่ย์ อีกหนึ่งสเกาเซอร์เเต่เป็นพวก"บลูโนส" (เเฟนคลับทอฟฟี่สีน้ำเงิน) เขาเป็นนักเตะเอฟเวอร์ตันที่ย้ายทีมในปี 2004 จากกูดิสัน พาร์ค สู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สมควรได้รับจัดกลุ่มเคียงข้างกับอีกสามคน ในการฝึกซ้อมเเละในเกมทีมชาติอังกฤษ เวย์นได้แสดงออกถึงพรสวรรค์เเละความปรารถนาเช่นเดียวกัน
.
อลอนโซ่, ตอร์เรส, ซัวเรช, รูนีย์
.
ทีมบาร์เซโลน่ามี เมสซี่, เนย์มาร์ และ ซัวเรช ในเเนวรุกก็สามารถจัดทีมแฟนตาซีของผมเอง ที่มี อลอนโซ เเละ เจอร์ราร์ด ท่ามกลางความร้อนแรงของการแข่งขัน โดยสามเเดนหน้านั้นมี ซัวเรช, ตอร์เรส, รูนีย์ ลงล่าประตู
.
ซัวเรช เป็นของแท้ เขาไม่ใช่นักเตะในเกมแฟนตาซี หรือทีมในจินตนาการ เขาวิ่งไล่กดดัน สู้เพื่อแย่งบอล เเละวิ่งอีกครั้ง ในขณะที่ได้สร้างสรรค์การเคลื่อนที่อย่างไม่เหมือนใคร รวมทั้งประตูที่ยอดเยี่ยมต่างๆมันมีช่วงเวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน เมื่อได้เล่นกับหลุยส์ เหมือนได้อยู่ภายใต้เวทมนตร์ ทำให้ผมประทับใจด้วยพรสวรรค์ของเรา
.
เฟร์นันโด ตอร์เรส ใกล้เคียงที่สุดกับ หลุยส์ ซัวเรช ผมใช้เวลาสองปีกับเฟร์นันโด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นนักเตะที่ไร้เทียมทาน ผมรู้เสมอว่าเขาอยู่ตรงไหน เเละเขาจะเคลื่อนที่ไปที่ไหนในจังหวะต่อเนื่อง ผมไม่ใช่นักเตะในตำเเหน่งหมายเลข 10 โดยธรรมชาติ เเต่ในช่วงสองสามปี เฟร์นันโดช่วยให้ผมได้เป็นเช่นนั้น ผมมีฤดูกาลที่ดีที่สุดในเวลานั้น ในฐานะนักเตะตำเเหน่งหมายเลข 10 เเละนั่นมาจากการช่วยเหลือของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ในฤดูกาล 2007-2008
.
ผมมีสถิติที่น่าประทับใจในฤดูกาลนั้น ผมยิงไป 24 ประตูเเละ 9 แอสซิสต์ ทุกครั้งที่ผมลงสนามกับ ตอร์เรส ผมมั่นใจว่าไม่เขาก็ผมต้องทำประตูได้ เเละเราจะชนะในเกม ผมรู้สึกเช่นเดียวกันกับ ซัวเรชเเละบางครั้งกับรูนีย์ ผมลงสนามกับรูนีย์ก่อนเกมสำคัญๆ ในทีมชาติ เเละคิดว่าเรามีโอกาสที่จะชนะในเกมนี้เพราะเรามีเขา(รูนีย์)
.
ไมเคิล โอเว่น เป็นกองหน้าที่เก่งอีกคน ผมเล่นกับเขาในตอนที่เราเด็กมาก ไมเคิลเป็นนักเตะในฝันสำหรับผมในฐานะกองกลาง เเต่ในที่สุดเเล้วหลุยส์ ซัวเรชโดดเด่นที่สุด ผมอยากเล่นกับหลุยส์ตอนที่ผมมีอายุน้อยกว่านี้มากๆ เเละอยู่ในช่วงพีค เราทั้งสองคนคงสร้างปรากฏการณ์ด้วยกันไปอีกหลายปี เเละนั่นคือสิ่งเล็กๆที่ผมเสียดายเมื่อนึกถึงเขา (หลุยส์ ซัวเรช)
.
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2012 ผมทำเเฮตทริกเเรกในรอบสามสิบปีของเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้เเมตช์ นับตั้งแต่ เอียน รัช เคยทำเเฮตทริกได้ที่กูดิสัน พาร์คในปี 1982 มีคนบอกว่าผมทำสถิติแรกในเกมดาร์บี้แมตช์ที่แอนฟิลด์ นับตั้งเเต่ปี 1935 ประวัติศาสตร์ส่วนเป็นส่วนหนึ่งในความรักของผมที่มีต่อฟุตบอล เเต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่ากับความรู้สึกเมื่อผมได้เล่นเคียงข้างกับ หลุยส์ ซัวเรช ในค่ำคืนนั้น
.
ผมยิงในเกมมันเป็นประตูที่สวย ผมจดจำมันในฐานะเกมที่ผมชอบที่สุดในแอนฟิลด์ ซึ่งไม่ใช่เเค่เราเอาชนะเอฟเวอร์ตัน ผมชอบเอาชนะในเกมดาร์บี้แมตช์ เพราะแฟนๆเอฟเวอร์ตัน กล่าววิจารณ์ผมอย่างมากมายในหลายปีที่ผ่านมา เป็นคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เจ็บใช้ได้เลย
.
ดังนั้นมันจึงเป็นความหอมหวานอย่างเหลือเชื่อที่ทำประตูใส่พวกเขาถึงสามประตู เเละมันดีมากขึ้นด้วยมนต์วิเศษอันโอบอ้อมของหลุยส์ ซัวเรช ที่ร่ายใส่ผมในค่ำคืนนั้น มันเป็นการผสมผสานที่หายากในการเป็นนักฟุตบอลทีี่มหัศจรรย์ ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ของเขาในการเเอสซิสต์ เเละสร้างสรรค์โอาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ทำประตูเช่นเดียวกับ ลีโอเนล เมสซี่ ในความยิ่งใหญ่ของหลุยส์ นั้นก็ยังมีการถ่อมตนนั้นซ่อนอยู่
ลิเวอร์พูลแฟนคลับ
.
หลุยส์ ไม่ใช่นักบุญ เขาจะทำเช่นเดียวกันเเบบนี้กับ สเตอร์ริดจ์ หรือไม่ มันมีความเป็นคู่เเข่งเล็กๆน้อยๆในทีมเสมอ ระหว่าง สเตอร์ริดจ์ กับ ซัวเรส เเต่เมื่อไรที่เป็นผมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมกับเอฟเวอร์ตัน หลุยส์ไม่ได้เล่นอย่างที่เคย เขาช่วยทั้งลิเวอร์พูลเเละผมให้ยิ่งใหญ่เหมือนราชา
.
ทุกคนที่ด่า หลุยส์ ซัวเรช โดยไม่เคยได้พบเขา จะรู้สึกแปลกใจ หากมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากความตั้งใจที่จะอุทิศตนให้กับทีมโดยไม่เห็นเเก่ตัว เขาจะวิ่งลงสนามเช่นเดียวกับที่ทำในคืนนั้น ส่องประกายดุจเพชรที่ไม่มีวันแตกสลาย ผมยิงแฮตทริกได้ ในขณะที่ซัวเรชวิ่งไปทั่วสนาม และฉายประกายอยู่รอบตัวผม เขาสร้างโอกาสในการทำประตูให้ผม สองประตูเเบบง่ายๆ
.
ผมมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมในการเฝ้ามองเขาเล่น ได้มองดูเขาทุกๆวัน รวมทั้งวิธีที่เขาทุ่มเททุกสิ่งอย่างให้กับฟุตบอล
.
เขาไม่ต้องเข้าห้องฟื้นฟูการบาดเจ็บ เขาเป็นนักรบที่เเท้จริง หลุยส์ ซัวเรช เบียด เฟร์นันโด ตอร์เรส อย่างเฉียดฉิวเพราะจิตใจเขาเป็นเช่นนั้น ความเเข็งเเกร่งซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่พลาดการฝึกซ้อมหรือเกมการเล่น เขาทำประตูได้มากมาย เขาสร้างสรรค์การทำประตู เขาเเข็งเเกร่ง เเละน่ากลัวในการต่อกร เขาพร้อมเสมอ คุณมีโอกาสเสมอในการเอาชนะคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นใครในโลก เมื่อเรามีเขาอยู่ในทีม หลุยส์ ซัวเรช...
.
ทุกครั้งที่ผมชะเง้อมอง หลุยส์ ซัวเรช มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเเละหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้ผมปวดสมองเเละทรมานสองสามวัน ผมได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ขณะที่หลุยส์ซ้อมห่างจากเราไปสองสนาม มันเกิดอะไรขึ้น...
.
.
บทที่ 1 "การเผชิญหน้า" ตอนที่ 3 ( ปืนใหญ่ มือที่ 3 )
ลิเวอร์พูลแฟนคลับ
.
ทุกครั้งที่ผมชะเง้อมอง หลุยส์ ผมรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้ผมปวดสมองเเละมันทรมานไปสอง-สามวัน
.
ผมได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ส่วนหลุยส์ ซ้อมกับโค้ชฟิตเนสซึ่งอยู่ห่างจากผมไปถึงสองสนาม เขามีเพียงโค้ชฟิตเนสอยู่เป็นเพื่อน เเละในบางครั้งเขาอาจได้รับอนุญาตออกมาซ้อมได้ก็ต่อเมื่อทีมชุดใหญ่นั้นซ้อมเสร็จสิ้นเเล้ว
.
-" การเผชิญหน้าระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ หลุยส์ ซัวเรช นั้นได้กลายเป็นความขมขื่น"
.
ผมนั้นตกอยู่ในฐานะคนกลาง ฝั่งหนึ่งคือ "แฟนเวย์" เจ้าของทีมชาวอเมริกัน นำโดย จอห์น เฮนรี่, ทอม เวอร์เนอร์ เเละ เบรนเดอร์ ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมของเรา
.
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลุยส์ ซัวเรช เขาอยู่ที่เส้นหลังสุดของขอบสนามซ้อมเมลวู้ด
.
หลุยส์โกรธแฟนเวย์ เเละ โมโหเบรนเดอร์ หลุยส์โกรธมากเสียจนในช่วงหนึ่งสัปดาห์ของต้นเดือนสิงหาคม หลุยส์ไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อเพื่อลงซ้อมเลยเเม้เเต่นิดเดียว หลุยส์พยายามทำให้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เขาผิดหวังในตัว เบรนเดอร์ ร็อดเจอร์ส
หลุยส์ ซัวเรช
.
-" เพราะเขาถูกทำให้เข้าใจว่า ผู้จัดการทีมหรือบางคนที่มีตำแหน่งที่สูงกว่าในเเฟนเวย์ได้โกหกเขา" -
.
หลุยส์ ต้องการเเค่เพียงเล่นฟุตบอล สำหรับเขาการที่ไม่ได้ลงซ้อมหนึ่งสัปดาห์ มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ความคิดเดิมๆ วนเวียนอยู่ในหัวของผม ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า
.
- "มีใครบอกให้ หลุยส์ประพฤติตัวแบบนี้ไหม" -
.
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นความคิดของใครที่ลงโทษเขา เเต่ที่ผมคิดคือ เบรนเดอร์ ร็อดเจอร์ส มีอำนาจชี้ขาดเรื่องนี้ เขาคงคิดว่า...
- "ผมคงไม่สามารถให้เขาลงซ้อมร่วมกับทีมได้ หากเขาไม่ยอมเริ่มต้นซ้อมเลย ผมเข้าใจในการตัดสินใจ เเต่ก็ยังรู้สึกว่าผมต้องเข้าไปช่วยเหลือ" -
.
ช่องว่างระหว่าง หลุยส์ และ เบรนเดอร์ เเละ นักเตะกับสโมสร ยิ่งเป็นรอยลึกเเละกว้าง มันยากมากที่จะนำทั้งสองกับมารวมกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็ตาม
.
- ต้นตอของปัญหาที่เเท้จริงคือ อาร์เซน่อล หลังจากที่ อาร์เซน่อลยื่นข้อเสนอที่ต่ำจนน่าขัน โดยเสนอเงินให้ลิเวอร์พูล 1 ปอนด์ กับอีก 40 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อ หลุยส์ ซัวเรช -
.
ผมไม่รู้รายละเอียดสัญญาของหลุยส์ว่ามีอะไรบ้าง เเต่จากข่าวลือบอกว่า หากมีใครให้ข้อเสนอเกินกว่า 40 ล้านปอนด์ จะเข้าข่ายในข้อสัญญาการปล่อยตัวหลุยส์ ซัวเรช
หลุยส์ ซัวเรช
- เงิน 1 ปอนด์ ที่เป็นส่วนเกินในข้อเสนอนั้น -
.
- "ดูเป็นการเหยียดหยาม และเป็นพฤติกรรมที่น่าประหลาดใจ ผมคิดว่าเป็นการล้อเลียนอย่างรุนเเรง -
.
โดยปกติเเล้ว อาร์เซน่อล เป็นทีมที่มีระดับมาก พวกเขามีผู้จัดการทีมที่มีระดับอย่าง อาร์แซน เวงเกอร์ เเละนักเตะมีระดับหลายคน พวกเขาเล่นฟุตบอลได้ดี สวยงามตัวผมนั้นให้ความนับถืออาร์เซน่อลมาก เพราะพวกเขาจัดการสิ่งต่างๆได้อย่างถูกต้องเเละเหมาะสม เเต่ไม่ใช่ครั้งนี้...
.
การล่าตัว หลุยส์ ซัวเรช ของพวกเขา ทำให้เจ้าของทีมของเราไม่พอใจอย่างมาก เเละหลุยส์ก็หัวเสียอย่างมาก เพราะเเฟนเวย์ปฏิเสธที่จะขายเขา
.
สถานการณ์ทวีความตึงเครียดมากในช่วงสี่เดือนเเรก ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์กับหลุยส์ในเเบบที่จะส่งข้อความทางโทรศัพท์หาทุกวัน หรือรับประทานอาหารกลางวันกับเขานอกสโมสร เเต่เมื่อเราอยู่ด้วยกันที่เมลวู้ด เราสนิทกันมาก ผมชอบนิสัยเขา มันน่าติดตาม เเละภาษาอังกฤษของเขาพัฒนาขึ้นตลอดเวลา
..
หลุยส์ กับผมสามารถคุยกันเเบบลูกผู้ชาย เพราะความยอมรับนับถือในสิ่งที่มีให้แก่กัน เรานั่งข้างกันในห้องเเต่งตัวนักเตะ ซึ่งหมายเลขเสื้อสำหรับการซ้อมเรียงตั้งเเต่หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 37 ซึ่งแน่นอนว่าหมายเลข 7 และ 8 นั่งติดกัน ผมสนิทกับเขามากพอที่จะพูดกันซึ่งๆหน้าว่า
.
"เอาน่า หลุยส์ เกิดอะไรขึ้นกับนาย"
.
ในตอนเเรกเป็นการพูดคุยกันธรรมดา หลุยส์ ตอบว่า...
" ฟังนะ ตอนนี้มีหลายสโมสรกำลังรุมจีบฉันอยู่" หรือ"ฉันอยากจะเล่นในเเชมป์เปี้ยนลีก"
หลุยส์ ซัวเรช
.
หลายเดือนก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับอาร์เซน่อล ผมรู้สึกเป็นกังวลว่าเรากำลังจะเสียเขาไป เพราะผมรู้ว่าเขาเล่นได้ดีเเค่ไหน
.
ช่วงปลายฤดูกาล 2012-2013 เขายิงไป 51 ประตู ในการลงเล่น 96 เกมให้กับลิเวอร์พูลเเละ 30 ประตูเป็นการทำได้ในฤดูกาลนั้นมันเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการของทีม
.
ภายใต้การคุมทีมของ เบรนเดอร์ ร็อดเจอร์ส ในฐานะผู้จัดการทีมในปีเเรก หลังจากที่เขารับช่วงต่อจาก เคนนี่ ดัลกลิช เมื่อฤดูร้อนปี 2012 มันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับกรณีของ เฟร์นันโด ตอร์เรส
.
เมื่อนักเตะที่ดีที่สุดอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนเเรงเเละยิงได้เเทบทุกสัปดาห์ หลังจากนั้นสโมสรใหญ่ๆในยุโรป ต่างวนเวียนมาจับตามอง เเละเมื่อคุณไม่ได้ลงเล่นในเกมเเชมป์เปี้ยนลีก แต่นักเตะดาวเด่นของทีมคุณกำลังเล่นได้ดี ทีมมีความเสี่ยงมันไม่ง่ายในการกันทีมคู่แข่ง ทีมที่พร้อมจะทุมเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวนักเตะอย่าง ตอร์เรส เเละ ซัวเรช ไปจากเรา
.
ผมรู้ว่ามันรู้สึกเช่นไรเมื่อต้องตกเป็นเป้าหมายในความสนใจนั้น ในฐานะนักเตะ เมื่อปี 2005 ไม่กี่เดือนหลังจากผมนำลิเวอร์พูลคว้าเเชมป์รายการเเชมป์เปี้ยนลีก โชเซ่ มูรินโญ่ เกือบชวนผมย้ายทีมได้สำเร็จ อีกเเค่พริบตาเดียว ผมเกือบจะตอบตกลงไปร่วมทีมเชลซี
Steven Gerrard
.
- จนกระทั่งผมรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันทีกับความคิดที่จะหันหลังให้ลิเวอร์พูล หลังจากมีความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น สำหรับการต่อสัญญาใหม่ -
.
- ผมตัดสินใจในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกเสียดาย ผมผูกมัดตัวเองให้กับลิเวอร์พูล ข้อเสนอต่างๆไหลพรั่งพรูเข้ามาเรื่อยๆ -
.
- ตอนที่ผมเล่นฟุตบอลได้ดีที่สุด น่าจะเป็นปี 2006 และ 2009 ที่ผมมีโอกาสครั้งใหญ่ในการไปจากสโมสร เเละเป็นเชลซีอีกครั้ง เรอัลมาดริด สองครั้ง เเละครั้งที่สองนั้นมันช่างเย้ายวนใจ เพราะเป็นอีกครั้งที่ มูรินโญ่ ต้องการตัวผม การลงเล่นให้ มูรินโญ่ ในชุดขาว ของเรอัลมาดริด ที่เบอร์นาบิว นะเหรอ มีเพียง ลิเวอร์พูล ที่ทำให้ผมตอบปฏิเสธไปอีกครั้ง -
.
เเม้กระทั่งหลังยูโร 2012 ที่ผมได้ลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษอย่างสม่ำเสมอนั้น ผมเล่นได้ดีในทัวร์นาเมนต์นี้ จนมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมที่ โปเเลนด์-ยูเครน(เจ้าภาพร่วมยูโร 2012)
.
จนมีทีมยักษ์ใหญ่ สนใจในตัวผมขึ้นมาอีกทีม เขาเเค่ติดต่อผ่านเอเยนต์ของผม เเละถามผมว่าอยากมาร่วมงานกับทีมไหม เขาถามเเค่นี้ เเค่ผมโอเค ทุกอย่างจะเรียบร้อย...
.
.
บทที่ 1 "การเผชิญหน้า" ตอนที่ 4 ( เพื่อนของผม )
Steven Gerrard
.
ศึกชิงแชมป์เเห่งชาติยุโรป 2012 ทัวร์นาเมนต์กับทีมชาติอังกฤษ ผมติดทีมยอดเยี่ยมยูโร 2012 บาเยิร์นมิวนิค ติดต่อกับเอเยนต์ของผม พวกเขาต้องการรู้ว่าผมสนใจจะย้ายไปร่วมงานกับเขาหรือไม่ มันเป็นช่วงฤดูร้อนก่อนฤดูกาลถัดไปที่บาเยิร์นได้คว้าสามเเชมป์
.
บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของ จุปป์ ไฮน์เกส โดยเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบชิงชนะเลิศเเชมป์เปี้ยนลีก ที่เวมบลี่ย์ เมื่อปี 2013 ไม่เเน่ว่าผมอาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม เเต่ผมได้ตัดสินใจไปเมื่อ 8 ปีที่เเล้วว่าผมจะอยู่ที่ลิเวอร์พูล
.
ตอนที่ผมปฎิเสธการย้ายไปร่วมทัพเชลซี ผมรู้ว่าผมไม่สามารถย้ายออกจากลิเวอร์พูลได้ ผมจะเป็นนักเตะที่เล่นให้สโมสรเดียวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้เเละนานที่สุดเท่าที่ผมจะเล่นฟุตบอลในยุโรป
.
ผมเข้าใจว่าจะมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกเยินยอ เเละการถูกไล่ล่าตัวมาร่วมทีมกับ มูรินโญ ที่ผมชื่นชมมากๆ ในฐานะผู้จัดการทีม เขาได้คุยกับผมถึงการพยายามเซ็นมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์ เเชมป์เปี้ยนลีก บาร์เซโลน่าก็มาด้อมๆมองๆ อยู่รอบๆตัวผม เเต่ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะให้ความสำคัญในตัวผมเป็นพิเศษ
Steven Gerrard, Fernando Torres
.
- ผมคิดว่าพวกเขารู้นะ พวกเขารู้ว่าผมผูกพันเเละภักดีกับ สโมสรลิเวอร์พูล มากเเค่ไหน -
.
แน่นอนพวกคุณเป็นนักเตะอเมริกาใต้ รัศมีของทีมบาร์เซโลน่าเเละรีลมาดริด เป็นสิ่งที่เเทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทาน เเต่ทว่า "อาร์เซน่อล"
.
- มันคงทำให้หัวใจผมเเตกสลาย หาก หลุยส์ ซัวเรช ย้ายจากลิเวอร์พูลไปร่วมทีมอาร์เซน่อล -
.
ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งในตอนเเรก เพราะแบรนเดอร์เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด เขากับหลุยส์ยังคุยกันอยู่ เเต่หลังจากที่ผมเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้กับ เฟร์นันโด ที่ต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการเก็บเขาไว้ที่ลิเวอร์พูล
.
ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องอีก ผมมีเกมฟุตบอลที่ต้องกังวล ทั้งตำแหน่งของผมในฐานะกัปตันทีม และความรับผิดชอบของผมต่อนักเตะสามสิบกว่าคนในทีมชุดใหญ่ของสโมสร
.
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ยาวนานของผมกับลิเวอร์พูล มันมีความหมายว่าผมอาจจะแตกต่างกับกัปตันทีมคนอื่นๆ ในการเล่นเกมใน บาร์เคลย์-พรีเมียร์ลีก นักเตะลิเวอร์พูลสามารถเข้าถึงผมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาหาผมพร้อมกับข้อกังวลเเละข้อสงสัยต่างๆ เเละผมพยายามที่จะช่วยพวกเขาทุกๆคน
.
ผมรู้สึกถึงความหนักอึ้งในตำแหน่งของผม มันคงจะผิดที่จะเรียกว่าภาระ นั่นเป็นว่าทุกครั้งที่ผมนั้นรู้สึกว่าเป็นเกียรติ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเดินเข้ามาในเมลวู้ด ผมจะเห็นถอยคำของ บิลล์ เเชงคลีย์ ผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่ของเรา
.
มันถูกเขียนสลักไว้บนกำเเพง มันสรุปถึงสปิริตของ บิลล์ แชงคลีย์ เเละทุกคนที่ได้ติดตามเขา เราได้ถูกย้ำเตือนในทุกๆวันถึงสิ่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่า...
.
-" เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องการเป็นที่จดจำ ในฐานะชายที่ไม่มีความเห็นเเก่ตน เป็นผู้ที่บากบั่นเเละกังวล เพื่อให้คนอื่นๆสามารถเเบ่งปันความรุ่งโรจน์ เเละเป็นผู้ที่สร้างครอบครัวของเหล่าผู้คนที่สามารถเชิดหน้า เเละกล่าวว่า เราคืิอ ลิเวอร์พูล" -
Steven Gerrard
.
บิลล์ เเชงคลีย์ พลิกโฉมลิเวอร์พูล จากสโมสรในดิวิชั่นสอง สู่ยักษ์ใหญ่เเห่งยุโรป เขาได้ปลูกฝังค่านิยมให้เราหวงเเหนสโมสรแห่งนี้
.
ผมเป็นเพียงเเค่นักเตะคนหนึ่ง เเต่ผมเข้าใจว่าในถ้อยคำนั้นมันหมายถึงอะไร มันคือความเชื่อ บุคลิก ลักษณะที่ผมพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ได้เสมอเหมือน ในที่เล็กๆของผม ที่อยู่ในหัวใจหลักของสโมสรเเห่งนี้
.
ดังนั้นมันจึงเป็นความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่ผมรับไว้ตลอดเวลาสิบกว่าปีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูล ผมรู้สึกว่าผมต้องช่วยเหลือเหล่าแฟนๆ ที่น่าทึ่งของพวกเรา
.
สิ่งที่สำคัญอย่างใหญ่หลวงนั้น มันหมายความถึง การพยายามรั้งนักเตะสตาร์ของทีมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ตอร์เรส หรือ ซัวเรชก็ตามเเละผมต้องพยายามช่วยผู้จัดการทีมเช่นกัน
ลิเวอร์พูลแฟนคลับ, This is Anfield
.
ในขณะที่ฟังนักเตะซึ่งไม่ได้เป็นเเค่เพียงเพื่อนร่วมทีม แต่ยังเป็นเพื่อนของผม เขาได้ร้องขอให้ผมช่วยเหลือในการต่อสู้กับสโมสร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยาก มันเครียด เเม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับความท้าทายที่ บิลล์ เเชงคลีย์ ทำได้สำเร็จในยุค 60 ก็ตาม...
.
ผมต้องรับมือกับมหากาพย์การย้ายทีมถึงสองครั้งในช่วงเวลาสี่ปี ผมทำอย่างสุดความสามารถในการรั้ง เฟร์นันโดเเละหลุยส์ เเละไม่ใช่เเค่เพียงมันคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับลิเวอร์พูล
.
ในมุมมองที่เห็นแก่ตัว ผมรู้ว่างานของผมในฐานะนักเตะ เเละในฐานะกัปตันทีมจะง่ายขึ้นมาก เมื่อมีทั้งสองคนนั้นอยู่ในทีม
.
พวกเขาทั้งสองสำคัญมากคุณคงไม่รู้ได้หากว่าคุณไม่เคยร่วมงานกับเขาทั้งสอง....
.
ติดตาทตอนที่ 5 - 8 เร็ว ๆ นี้
เพจ ลิเวอร์พูลเเฟนคลับ ®️ 💢 กลุ่มThis is Anfield ®️ 💢🅰️EY ®️
ขอบคุณที่รับชม... ♥️
🤷♂️โปรดเสพข่าวอย่างมีสติ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน แอดมินเพจลิเวอร์พูล เเละ กลุ่ม This is Anfield...
.
ร่วมเเสดงความคิดเห็นในคอมเม้นต์ด้านล่างครับ โปรดเเสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน
.
💢✍️ anonymous aeyliverpool ®️ 💢เพจ ลิเวอร์พูลเเฟนคลับ ®️
💢 กลุ่มThis is Anfield ®️ 💢🅰️EY ®️
พูดคุยข่าวสารทีมลิเวอร์พูล อัพเดตตรงจากอังกฤษ
โฆษณา