Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะใจสว่าง
•
ติดตาม
1 พ.ค. 2020 เวลา 02:54 • การศึกษา
ข้อคิดจากสุนัขขี้เรื้อน
จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล
1
ทุกๆเช้าที่ข้าพเจ้าเดินขนสำรับกับข้าวไปนั่งรอใส่บาตรที่ปากซอยทางเข้าบ้าน ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ ๑๐๐ เมตร ข้าพเจ้าจะพบสุนัขสีค่อนข้างดำตัวหนึ่งนอนอยู่ข้างถนน มันไม่เห่าคนในซอยทุกคน เพราะมันรู้จักและจำได้ รวมทั้งคนส่งนมส่งหนังสือพิมพ์ จะเห่าเฉพาะคนแปลกหน้าเท่านั้น
สุนัขตัวนี้ให้ข้อคิดแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่เกิดเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ ในบ้านเจ้าของของมัน แต่เจ้าของนำมาตอนที่มันตัวโตแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเห็นมันครั้งแรก ข้าพเจ้ารู้สึกว่า มันกำลังจะตายภายในวัน สองวันนี้กระมัง
"นี่เธอ มานี่เร้ว..มาดูหมาพันธุ์ใหม่ตัวนี้แน่ะ"
เสียงเด็กลูกจ้างของบ้านหนึ่งเรียกอีกบ้านหนึ่ง แล้วพวกเขา ต่างคนก็มารุมดู พร้อมกับถามเจ้าของว่า
"มันเป็นหมาพันธุ์ไม่มีขนเหรอคะ"
เจ้าของสุนัขตอบปฏิเสธ พร้อมทั้งชี้แจงว่า
"มันเป็นสุนัขไทยพันธุ์ธรรมดา เคยมีขนสวยเป็นมัน มีสีลายเหมือนเสือซ่อนอยู่ในขนสีเทาอมดำ ตอนนี้มันเป็นขี้เรื้อน เพราะเมื่อปีที่แล้วเอาไปฝากคนอื่นเลี้ยง คนเลี้ยงคงไม่ดูแล มันจึงทั้งอดทั้งเป็นโรค"
ข้าพเจ้าไปดูสุนัขตัวนั้นด้วย มันไม่มีขนติดตัวเลยแม้แต่เส้นเดียว มีแต่หนังสีเทาแห้งๆ ตลอดทั้งตัว ผอมหนังหุ้มกระดูก ตาเจ็บแฉะ มีขี้ตาเต็มจนลืมขึ้นได้ข้างเดียว เวลาเดินก็เซเป๋ไปเป๋มา มาวันแรกมันกินข้าวที่เจ้าของคลุกให้ถึง ๓ ชาม กินอิ่มก็กระอักออกมาหมด แล้วก็กินเข้าไปใหม่ กินที่มันกระอักออกมานั่นแหละ กินครั้งหลังมันไม่กระอัก ข้าพเจ้าว่ามันตะกละเพราะคงอดอยากมานาน
สองสัปดาห์แรกที่มันมาอยู่ เจ้าของพามันไปหาสัตวแพทย์เพื่อดูแลรักษา ตลอดจนทายาที่ผิวหนังรักษาโรคเรื้อน ข้าพเจ้าได้ข้อคิดจากสุนัขตัวนั้นตั้งแต่เห็นมันครั้งแรก
"เจ้าหมาตัวนี้มันน่าจะตายก่อนเจ้าของกลับไปรับมา เพราะมันแทบไม่มีแรงลุกเดินไปไหนแล้ว นี่บังเอิญให้เจ้าของมีธุระไปที่บ้านซึ่งเอามันไปฝากไว้จึงช่วยเอามารักษาทัน มันคงจะเคยช่วยชีวิตใครไว้ จึงได้
ทันรอดตาย แล้วพอมาอยู่ที่นี่ เจ้าของให้กินอาหารอย่างดี มีไก่ทอดเป็นประจำ เวลาหนาวก็เอาเสื้อยืดมาใส่ให้ นอนบนผ้าห่มผืนหนา และยังมีผ้าสำหรับห่มอีกผืนหนึ่ง ผ้าห่มใหม่กว่าของเราเสียอีก นี่มันคงจะเคยทำทานไว้ในอดีตแน่ๆ ตอนนี้บุญตามมาให้ผลทันแล้ว ได้อยู่ดีกินดีรอดตาย "
ในระหว่างเวลาที่ยังไม่หายจากเป็นโรคเรื้อน ข้าพเจ้าผ่านไปครั้งใด ก็จะเห็นมันอยู่ในอาการเดียว คืออาการเอาเล็บเกาไปตามตัวของมันแกร็กๆ ๆ ยืดคอขึ้นสูงแล้วก็นั่งเกาอยู่นั่น ไม่เลิกรา ใครจะเดินไป เดินมามันไม่สนใจทั้งสิ้น ตั้งหน้าตั้งตาเกาๆ น้ำลายสอปาก แหงนหน้ามองฟ้า บางทีเกาไปคางหงิงๆ หงังๆ เบาๆ ในลำคอไปด้วย มันคงอร่อย แล้วก็มันอย่างภาษาวัยรุ่นใช้ แม้ว่าผิวหนังบางแห่งจะถูกเล็บขูดจนเลือดออกมาซิบๆ มันก็ไม่เลิกเกา หรือแสดงความเจ็บปวดแต่อย่างใด จะหยุดเกาบ้าง ก็ตอนที่มีแมลงวันมาตอมกินเลือดที่ผิวหนัง มันจึงหันมางับซ้าย งับขวาไล่กินแมลงวัน งับไม่ทันก็เลิกสนใจแล้วกลับมาเกาแกร็กๆ ต่อ อร่อยจนลืมตัว บางทีรถยนต์แทบจะชนตายก็ยังนั่งเกาอยู่กลางถนน ไม่ยอมลุกหนี
เห็นอาการของสุนัขเกาผิวหนังเพราะเป็นโรคเรื้อนครั้งใด ข้าพเจ้าอดเอามาคิดเปรียบเทียบกับอาการของคนเราไม่ได้ เดินยกของมาใส่บาตรผ่านสุนัขเกาขี้เรื้อน นั่งรอใส่บาตรพระก็คิดไป
"หมามันอร่อยจากการเกา มันไม่เลิกเกาแน่ๆ เลย ถ้ายังเป็นขี้เรื้อนอยู่ โน่นแหละ เมื่อไหร่หายจากโรค ไม่รู้สึกคัน จึงจะเลิกเกา มนุษย์เราก็เป็นโรค เป็นโรคชอบเรื่องการเสพกาม เวลาเสพก็ดูเอร็ดอร่อย เหมือนหมาเกาขี้เรื้อน ใครที่ตกอยู่ใต้อำนาจกาม คนนั้นก็พอกันกับหมาขี้เรื้อน นั่งแสวงหาสิ่งต่างๆ มาบำเรอเลี้ยงกาม ชอบรูปเลี้ยงตา ชอบเสียงเลี้ยงหู ชอบกลิ่นเลี้ยงจมูก ชอบรสเลี้ยงลิ้น ชอบเย็นร้อน อ่อนแข็งเลี้ยงกายสัมผัส เลี้ยงเท่าไหร่ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ มีตัณหาหิวอยู่เรื่อย ต้องแสวงหามาเสพ การตั้งหน้าตั้งตาแสวงหามาเสพมาใช้ นั่นแหละ คือการเกา เสพแล้วก็มองไม่เห็นทุกข์ในความอยากเสพกลับเห็นเป็นสุข เห็นเป็นของดี ชอบใจ พอใจ ก็ต้องเกาอยู่อย่างนั่น เกากันตั้งแต่รู้ความ จนกระทั่งตาย ตายแล้วไปเกิดในภูมิอื่น ก็ไปเกาต่อ เกิดอีกเกาอีก เกาไม่รู้จบ "
"การเกาที่ไม่รู้จบ นี่แหละนะ เป็นวัฏฏะ "
ข้าพเจ้าคิดไปโน่น คิดแล้วก็เบื่อหน่ายในกามคุณทั้งปวง อยากหลุดอยากพ้น ไม่อยากเกิดแล้วเกิดอีก ทำยังไงนะจึงจะเลิกเกิดเสียได้ตั้งแต่ชาตินี้
ท่านผู้อ่านคงนึกไม่ถึงว่า ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ทุกครั้ง คิดทุกเช้า ที่เห็นสุนัขตัวนั้นเกาขี้เรื้อน ยังคิดต่อเนื่องไปในที่อื่นๆ อีก เวลาเห็นสุนัขตัวอื่นเกาในอาการเดียวกัน
เรียกว่าคิดกันอยู่เป็นเดือน ในที่สุดสุนัขตัวที่เล่าถึงมันได้รับการรักษาจากเจ้าของเป็นอย่างดี มันหายจากโรค ขนของมันขึ้นเต็มตัว แม้สีจะไม่สวย แต่ขนสวยมากคือเป็นมันเงาเลื่อม ดูอ่อนนิ่ม มันหายสนิท ก็เลิกเกาอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็หางานอย่างอื่นทำเพื่อให้ข้าพเจ้าเกิดข้อคิดต่อไป บ่อยครั้งมันคาบเอากระดูกแท้ๆ ไม่มีเนื้อติดอยู่เลย มานอนแทะ ข้าพเจ้าไปยืนดูใกล้ๆ ไม่เข้าใจว่ามันจะเอร็ดอร่อยอย่างไร เพราะไม่มีเนื้อแม้แต่นิดเดียว มีแต่น้ำลายของสุนัขออกมาเต็มปาก เปียกท่อนกระดูก
เห็นแล้วทำให้นึกถึงคำสอนในพระไตรปิฎกที่ว่า กามเหมือนกระดูกก็คงอย่างนี้เอง คือกระดูกนั้นแท้ที่จริงเป็นอาหารไม่ได้ กินก็ไม่อร่อยอะไร แต่ที่สุนัขหลงแทะ เพราะพอแทะแล้วน้ำลายของมันไหลออกมา มันได้ลิ้มรส ของน้ำลายมันเองนั่นแหละ แล้วก็หลงว่าอร่อย จึงพยายามแทะไม่ยอมเลิก แทะให้ปากให้ลิ้นให้ฟันมันเมื่อยมันเจ็บไปเปล่าๆ
กาม อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพารมณ์ที่ผู้คนหลงใหล ความที่จริงก็เป็นสิ่งไม่มีประโยชน์ ไร้สาระเหมือนกระดูกนั่นแหละ แต่เมื่อไม่มีปัญญารู้ตามความเป็นจริง ก็หลงแสวงหา เหมือนอาการแทะของสุนัขไม่ผิดกัน
โรคเรื้อนของสุนัข พอรักษาหายก็เลิกเกา แต่โรคชอบแทะกระดูก จนทุกวันนี้ข้าพเจ้ายังไม่เห็นมันเลิกชอบสงสัยว่ามันคงจะโง่ พอๆ กับคนที่หลงกามในทำนองเดียวกัน
เรื่องสุนัขเกาขี้เรื้อน พอหายมันก็เลิกเกานั้น ข้าพเจ้าเอามาคิดต่อแทนมันว่า
"นี่แน่ะ เจ้าหมาเอ๊ย.. ตอนเอ็งเกาขี้เรื้อนน่ะ เอ็งต้องรู้นะว่าเวลาไม่เป็นน่ะ มันสบายแค่ไหน การสบายเพราะเกาน่ะมันสู้สบายเพราะไม่เป็นโรคไม่ได้หรอก ใช่มั้ยล่ะ แล้วแต่ก่อนเจ้าก็เคยรู้จักความสบาย เพราะไม่เป็นโรคมาแล้ว เพราะแต่เดิมเจ้าไม่เป็น ตอนเจ้าเกาแกร็กๆ อยู่น่ะ เจ้าเคยนึกถึงความสบายเมื่อก่อนมั่งรึเปล่า ฮึ เจ้าคงนึกไม่ออกหรอกนะ ถ้าเจ้านึกได้ เจ้าก็รู้นี่ว่าเจ้าของจับเจ้าทายาเพื่อให้มันหาย หายแล้วจะได้สบายเหมือนเก่า แต่เจ้ากลับวิ่งหนี ถ้าถูกจับบังคับทาจริงๆ เจ้าก็วิ่งไปคลุกขี้ฝุ่น แล้วสะบัดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องการให้ยาหลุดออกไปให้หมด
แหม อาการของเจ้ามันช่างโง่เง่าเหมือนคนจังเลย..ตอนเด็กๆก็ไม่เคยต้องแบกภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียหรือเป็นสามี ชีวิตแสนที่จะอิสระ กิน นอน แล้วก็เล่น การเล่นก็เล่นไปตามวัย เล่นตุ๊กตา เล่นขายของ หรือวิ่งเล่น ร้องรำทำเพลง เป็นชีวิตแสนสุข
ต่อมาอุตริเป็นโรคเรื้อน คือหลงใหลในกามคุณ มีครอบครัวลูกเต้า แบกภาระความรับผิดชอบหนักแปร้ หาให้ตนเองกินปากเดียว ท้องเดียวไม่พอ ต้องหาให้คนอื่นอีกจิปาถะ หมดอิสรภาพลงสิ้นเชิง
ตื่นแต่เช้ามืดแข่งกับนกกาไปหากิน หากินด้วยอาชีพต่างๆ ซ่อก ซ่อก ซ่อก ตลอดวัน กลับบ้านจนมืดจนดึก นอนหลับไม่ทันเต็มตื่น เช้ามืด ไปอีกแล้ว ทำซ้ำๆ ซากๆ อยู่ยังงี้ทุกวัน..ทุกวัน คนก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นโรคเรื้อน
บางทีเกิดการพลัดพราก ทำให้จากกันไป แทนที่จะดีใจ กลับเป็นทุกข์ ถึงตาย ถึงบ้า อยากอยู่กับโรคขี้เรื้อนต่อไปตลอดกาลนาน
ยิ่งพอพระภิกษุสงฆ์ท่านนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสอน ให้รู้ว่ากามเป็นที่ตั้งของตัณหา ตัณหานำทุกข์มาให้ ก็ไม่ยอมฟัง
หาเหตุผลร้อยแปดมาปฏิเสธ นั่นแหละมันเข้าทำนอง เจ้าของพยายามจะรักษา หมามันกลับไม่ยอมให้ทำ มันอยากเป็นขี้เรื้อน จะได้เกาอร่อยๆ มันถือว่าโรคคันเป็นของดี
แต่ยังไงก็ตาม หมาขี้เรื้อนที่เกาไม่ยอมเลิก หรือหมาแทะกระดูก แทะอยู่นั่นแล้ว มันทุกข์เพราะเกา มันจะทุกข์เพราะแทะ มันก็เป็นทุกข์อยู่ชั่วคราว เมื่อใดโรคหาย มันก็เลิกเกา หรือเมื่อใดมันไม่มีฟัน แก่จนฟันหักหมดแล้วมันก็เลิกแทะ ยังไงๆ มันก็ยังดีกว่าคน คนต้องเกาเพราะกาม ต้องแทะเพราะกามจนตาย ตายแล้วก็ยังไปเกาไปแทะต่อในชาติใหม่ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร กว่าจะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพบคำสอนของพระองค์แล้วปฏิบัติตามได้ผลจึงจะเลิกเกาเลิกแทะได้ ต้องใช้เวลานานนับกัปไม่ถ้วนเชียวแหละ
ดูเถอะ ข้าพเจ้าเห็นอาการบางอย่างของสุนัขตัวเดียว คิดอะไร ต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้เป็นเวลานานๆ เขียนให้ท่านผู้อ่านอ่านกันเป็นหน้าๆ ไม่ใช่ต้องการให้ท่านเชื่อตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า เพียงแต่ต้องการให้ท่านเห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้นว่า
"ของที่เห็นอย่างเดียวกัน คนที่มองอาจคิดไม่เหมือนกันเลย "
อ่านเพิ่มเติม
http://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=19464
++++++++++
สาระดีๆมีไว้เเบ่งปัน กัลยาณมิตร ติดตามหลายช่องทางได้ที่ :
webkal.org
youtube.com/webkalmusic
facebook.com/webkal
twitter.com/webkal
LINE ID: webkal
ขออนุโมทนาขอบคุณ
ที่มาเจ้าของบทความ อุบาสิกาถวิล วัตติรางกูร
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย