Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ยิงตรง
•
ติดตาม
2 พ.ค. 2020 เวลา 05:22 • กีฬา
เส้นทางสุดดราม่าสู่เทพนิยายเดนส์
เทพนิยายคือเรื่องเล่าในจินตนาการที่มีตัวละคร ที่มาพร้อมความสามารถพิเศษอย่างเช่น มีเวทมนต์ บินได้ หรือบรรดาทวยเทพต่างๆ ที่มีพลังวิเศษ มีความสามรถเหนือมนุษย์ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง แต่ในโลกของฟุตบอลแล้วนั้น มีเหตุการณ์ที่เรียกว่าเทพนิยายเกิดขึ้นแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันจะอยู่ในความทรงจำของเราอย่างไม่เคยเลือนลาง
เทพนิยายในโลกของฟุตบอลนั้นไม่ต่างจากเทพนิยายในหนังสือสักเท่าไหร่ มันคือสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่สำหรับในโลกของฟุตบอล มันได้เกิดขึ้นจริงแล้วครับ เราจะพาทุกท่านไปพบกับ เทพนิยายของทีมชาติเดนมาร์กที่เกิดขึ้นในศึกยูโร 1992 เชิญติดตามได้เลยครับ
ในการแข่งขันฟุตบอลเราอาจจะได้เห็นทีมเล็กที่มีศักยภาพน้อยกว่า สามารถพลิกล็อกเอาชนะทีมที่ใหญ่กว่าได้บ่อยครั้ง แต่จะมีสักกีครั้งที่ทีมเล็กๆ เหล่านั้นจะสร้างปาฏิหาริย์ในการไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ เราจึงเรียกเหตุการณ์เหล่านี้นั้นว่าเทพนิยายยังไงหละครับ เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้
ทว่าเหตุการณ์แบบนี้นั้นมันได้เกิดขึ้นแล้วไม่ว่าจะเป็น เทพนิยายกรีซ ในยูโร 2004 , เทพนิยายเดนมาร์ก ในยูโร 1992 หรือเทพนิยายเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูการ 2015\16 ซึ่งหากลองจิตนาการภาพว่าทีมเหล่านี้นั้นจะจบด้วยการคว้าแชมป์ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้
และเทพนิยายของทีมชาติเดนมาร์ก คือหนึ่งในเรื่องราวที่เรียกได้ว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะพวกเขาหมดโอกาสแม้แต่จะได้ลุ้นสร้างปาฎิหาริย์ไปแล้ว แต่อยู่ๆ โอกาสก็ลอยมาหาพวกเขาซะอย่างนั้น
ทีมชาติเดนมาร์กในรอบคัดเลือกเพื่อไปเล่นในศึกยูโรปี 1992 พวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับ ยูโกสลาเวีย , ไอซ์แลนด์เหนือ , ออสเตรีย และหมู่เกาะแฟโร ทีมแชมป์ของกลุ่มเท่านั้นที่จะได้ผ่านไปเล่นในรอบสุดท้าย (ซึ่งในตอนนั้นในศึกยูโรรอบสุดท้าย จะมีทีมเพียงแค่ 8 ทีม การนับคะแนนในตอนนั้น ทีมชนะจะได้แต้ม 2 คะแนนเท่านั้น เสมอจะได้ 1 คะแนน)
ทีมชาติเดนมาร์กอยูภายใต้การคุมทีมของ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซน ที่เข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติเดนมาร์กในปี 1990 เพื่อที่จะพาทีมไปสู่เป้าหมายในการผ่านไปเล่นในศึกยูโรรอบสุดท้ายที่สวีเดนในปี 1992 การมาของนีลเซนนั้น เขาไม่ใช่ตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการมารับตำแหน่งนี้ นีลเซนไม่ใช่โค้ชชื่อดังเหมือนอย่างตัวเลือกก่อนหน้าเขา เขาเป็นเพียงผู้ช่วยของกุนซือคนก่อนในทีมชาติเดนมาร์ก ที่เขาได้งานนี้ก็เพราะว่าตัวเลือกก่อนหน้าเขาปฎิเศษที่จะรับงานนี้ เขาเป็นตัวเลือกสุดท้ายซะด้วยซ้ำในตำแหน่งนี้
แม้เดนมาร์กจะไม่ได้เป็นชาติมหาอำนาจในวงการฟุตบอล นักเตะส่วนใหญ่เล่นอยู่ในประเทศตัวเอง แต่ก็มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่างสองพี่น้อง ไมเคิล และ ไบรอัน เลาดรู๊ป , ปีเตอร์ ชไมเคิล ที่เรียกได้ว่าเป็นนักเตะระดับโลก
การที่นีลเซนไม่ใช่กุนซือชื่อดังที่ได้รับการพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ทำให้เป็นเรื่องยากที่เขาจะได้รับการยอมรับจากนักเตะ ยิ่งนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ที่ผ่านการร่วมงานกับยอดกุนซือมามากมาย จึงเป็นเรื่องยากที่กุนซือโนเนมอย่างเขาจะทำให้นักเตะเหล่านั้นเชื่อในตัวเขา ซึ่งไม่ใช่งานง่ายของนีลเซนในการรับมือกับนักเตะระดับโลกเหล่านั้น
ในการเล่นรอบคัดเลือกนั้นเดนมาร์กออกสตาร์ทด้วยการเปิดบ้านเอาชนะหมู่เกาะแฟโรไป 4-1 ผลการแข่งขันก็ดูจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ทว่ารูปแบบการเล่นนั้นนีลเซนเน้นไปที่การเล่นเกมรับ แม้แต่การพบกับทีมที่เป็นรองกว่า เขาก็ให้ลูกทีมใส่ใจกับการเล่นเกมรับเป็นหลัก ซึ่งมันเป็นรูปแบบการเล่นที่ผู้เล่นเกมรุกระดับซูเปอร์สตาร์ในทีมอย่าง สองพี่น้องเลาดรู๊ปไม่ถูกใจกับรูปแบบการเล่นของนีลเซนสักเท่าไหร่
อีกสองเกมต่อมาเดนมาร์กไม่สามารถเก็บชัยชนะได้โดยเสมอกับ ไอร์แลนเหนือ 1-1 และแพ้ให้กับยูโกสลาเวีย 0-2 คาบ้านตัวเอง เมื่อรูปแบบการเล่นที่ไม่เป็นที่ถูกใจของทั้งแฟนบอล และนักเตะในทีม พร้อมกับผลการแข่งขันที่เป็นเป็นไปอย่างที่หวัง ทำให้เกิดจุดแตกหักระหว่างนีลเซนและสองพี่น้องเลาดรู๊ป
“ผมเล่นฟุตบอลเพื่อความสุข และความทะเยอทะยาน” ไมเคิล เลาดรู๊ป บอกกับหนังสือพิมพ์ Politiken หลังเกมกับยูโกสลาเวีย “แต่ในช่วงที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับการเล่นกับทีมชาติ และตอนนี้เมื่อความทะเยอทะยานในการแข่งของผมหายไปผมจึงตัดสินใจหยุด” ไมเคิล เลาดรู๊ปประกาศจะไม่เล่นทีมชาติหากนีลเซนยังคุมทีมอยู่
หลังจากนั้นน้องชายของเขาอย่าง ไบรอัน เลาดรู๊ป ก็ประกาศจะไม่เล่นให้กับทีมชาติเดนมาร์กเช่นกัน “ผมไม่เชื่อมือริชาร์ด นีลเซน ในฐานะโค้ช และดังนั้นผมก็เลยจะหยุดเล่นให้กับทีมชาติ ผมไม่สามารถแสดงความเป็นตัวเองภายใต้การคุมทีมของเขา และเขาก็คงไม่ชอบผมในฐานะผู้เล่นเช่นกัน”
ไม่เพียงเท่านั้นทั้งแฟนบอลเดนมาร์ก และสื่อต่างพากันโจมตีมาที่นีลเซนเพื่อกดดันให้เขาออกจากตำแหน่ง แต่สมาคมฟุตบอลเดนมาร์กก็ยังเลือกไม่ปลดนีลเซนออกจากตำแหน่ง เขาจึงได้ทำงานต่อในเกมที่เหลือ
ทีมชาติเดนมาร์กต้องเล่นในอีก 5 เกมที่เหลือโดยไม่มีสตาร์อย่างพีน้องเลาดรู๊ป ซึ่งก็ทำให้ถูกคาดการณ์ว่าผลงานคงจะดิ่งลงเหว ด้วยรูปแบบการเล่นที่น่าเบื่อ อีกทั้งยังไม่มีนักเตะตัวความหวังอยู่ในทีมแล้ว
แต่ผลงานในเกมที่เหลือกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น เดนมาร์กเก็บชัยชนะในเกมที่เหลือได้ทั้งหมด “คุณเห็นไหมว่ามันไม่ใช่ผู้เล่นที่ดีที่สุด ที่สร้างทีมที่ดีที่สุดเสมอ” นีลเซน กล่าวหลังจากชัยชนะที่เบลเกรดในเกมบุกไปเอาชนะยูโกสลาเวีย 1-2 “พวกเขาต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม และพวกเขาวิ่งกันตลอดเวลา ทุกคนสมควรได้รับการสรรเสริญ” นีลเซนแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพาทีมชนะได้ด้วยรูปแบบการเล่นของเขา
หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือก แม้เดนมาร์กจะชนะในห้าเกมหลัง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายที่สวีเดน เดนมาร์กจบด้วยอันดับที่สองของกลุ่มมี 13 คะแนน มีแต้มน้อยกว่าแชมป์กลุ่มอย่างยูโกสลาเวียเพียง 1 คะแนน ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้ไปเล่นในศึกยูโรรอบสุดท้าย
การจะเป็นเทพนิยายนั้นย่อมมีสิ่งที่พิเศษกว่าเรื่องธรรมดาทั่วไป แล้วมันก็เกิดขึ้นกับทีมชาติเดนมาร์กเช่นกัน เมื่อยูโกสลาเวียที่คว้าตั๋วไปเล่นในรอบสุดท้าย เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศทำให้ถูกตัดสิทธิจากการแข่งขัน จึงทำให้เดนมาร์กที่เป็นอันดับที่สองของกลุ่มได้สิทธิเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายแทน
1
แม้โอกาสจะหล่นมาหาแต่มันไม่ใช่งานง่ายของพวกเขา เมื่อผู้เล่นซะส่วนใหญ่อยู่ในช่วงพักผ่อน กว่าจะเรียกมารวมทีมซ้อมกันได้ครบพวกเขามีเวลาซ้อมเพียงหนึ่งสัปดาห์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแข็งขันครั้งนี้ เมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ที่เตียมตัวกันมาเป็นเดือนแล้ว เรียกได้ว่าพวกเขาแทบไม่มีความพร้อมสำหรับการแข่งครั้งนี้เลยก็ว่าได้
เมื่อเป็นการแข่งขันในรอบสุดท้ายที่ต้องพบกับคู่แข่งที่เรียกได้ว่าเป็นงานหินในทุกๆ เกม เดนมาร์กจำเป็นต้องมีผู้เล่นที่ดีที่สุด เพื่อที่จะสามารถไปต่อกรกับคู่แข่งของเขาเหล่านั้นได้ นีลเซนจึงยอมทิ้งเรื่องราวความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นของเขากับพี่น้องเลาดรู๊ป และตัดสินใจโทรไปหาทั้งสองคนเพื่อชวนเข้าร่วมทีมอีกครั้ง แต่มีเพียงไบรอัน เท่านั้นที่ตอบรับคำชวนของนีลเซน
“เราทุกคนไปถึงสนามซ้อม และนีลเซนอยู่ที่นั่นเขาบอกว่า 'เด็ก ๆ ตกลงให้ชัดเจนเรากำลังจะไปสวีเดนเพื่อชนะการแข่งขัน' และเราก็หัวเราะกันหมด แต่ฉันคิดว่าในขณะนั้นเขาวาดฝัน และความคิดที่เราสามารถที่จะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้” ไบรอัน กล่าวถึงเหตุการเมื่อเขาไปที่สนามซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมสู่สวีเดน
เมื่อเกมนัดแรกมาถึงเดนมาร์กต้องพบกับทีมชาติอังกฤษ เดนมาร์กยังคงเล่นในแนวทางของนีลเซนพวกเขาตั้งรับซะส่วนใหญ่ ทีมชาติอังกฤษไม่สามารถเจาะเกมรับของพวกเขาได้ ก่อนจะจบเกมด้วยผลเสมอ 0-0 และในเกมที่สองเดนมาร์กต้องพบกับเจ้าภาพอย่างสวีเดน ซึ่งพวกเขาพลาดท่าแพ้ให้กับสวีเวนไป 1-0 ทำให้โอกาสในการเข้ารอบต่อไปนั้นแทบจะเลือนลาง
เมื่อเกมสุดทายเดนมาร์กต้องพบกับฝรั่งเศษ นอกเสียจากจะต้องเอาชนะฝรั่งเศษให้ได้แล้ว พวกเขายังต้องลุ้นผลของอีกคู่ ให้สวีเดนเอาชนะอังกฤษให้ได้อีกด้วย เป็นเงื่อนไขการผ่านเข้ารอบที่ยากมากที่จะทำให้พวกเขาได้ไปต่อ ซึ่งถ้าหากไม่สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แน่นอนว่ากุนซืออย่างนีลเซนจะต้องรับผิดชอบกับผลงานของเขา
ทีมที่ซ้อมกันก่อนเริ่มการแข่งขันเพียงหนึ่งสัปดาห์ จะสามารถเอาชนะทีมที่เต็มไปด้วยยอดนักเตะอย่างฝรั่งเศษ ที่ซ้อมและเตรียมตัวกันมาอย่างดีได้ยังไง?
คำตอบคือ มันเป็นไปได้ครับ เดนมาร์กออกนำฝรั่งเศษไปก่อนในนาทีที่ 8 ก่อนจะโดนตามตีเสมอในนาทีที่ 60 และในนาทีที่ 78 เดนมาร์กทำสำเร็จพวกเขายิงประตูขึ้นนำฝรั่งเศษอีกครั้งในนาทีที่ 78 เป็นประตูชัยทำให้เดนมาร์กเอาชนะฝรั่งเศษได้สำเร็จ
และผลการแข่งขันอีกคู่ก็เป็นสวีเดนที่ยิงสองประตูในครึ่งหลังแซงเอาชนะอังกฤษได้ ทำให้เดนมาร์กผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างเหลือเชื่อ สองเงื่อนในการเข้ารอบที่ยากจะเป็นไปได้ แต่พวกเขาทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง ปาฎิหารขึ้นอีกครั้ง
ในรอบรองชนะเลิศเดนมาร์กต้องพบกับยอดทีมอัศวินสีส้มที่มีสามทหารเสืออย่าง รุท กุลลิท , มาร์โก แวน บาสเท่น , แฟรงค์ ไรด์กาจ พร้อมทั้งสตาร์ที่มีอยู่เต็มทีม ด้วยคุณภาพผู้เล่นขนาดนี้ทำให้ฮอลแลนด์คือทีมเต็งแชมป์ ซึ่งการพบกับเดนมาร์กไม่ว่าใครก็คงคิดว่าไม่ใช่เรื่องยากที่ฮอลแลนด์จะผ่านไปได้
รูปเกมในวันนั้นเดนมาร์กสามารถทำประตูออกนำไปก่อนถึงสองครั้ง แต่ก็ถูกฮอลแลนด์ตามตีเสมอได้ถึงสองครั้ง ทำให้เสมอกันไป 2-2 ก่อนจะจบลงด้วยการดวลลูกจุดโทษ เดนมาร์กไม่พลาดยิงเข้าไปทั้งห้าคน ส่วนฮอลแลนด์ในการยิงคนที่สอง จากนักเตะที่เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งในเวลานั้นอย่าง มาร์โก้ แวน บาสเท่น เขายิงไปติดเซฟของ ปีเตอร์ ชไมเคิล ทำให้เดนมาร์กสามารถทะลุเข้าสู้รอบชิงไปได้
“เมื่อคุณเลือกผู้เล่นที่ยิงลูกจุดโทษคุณจะไม่เลือกคนที่ยิงได้ดีที่สุด แต่จะเลือกผู้เล่นที่มีความเป็นผู้นำที่สุด” วิลฟอร์ตกล่าว “เพราะคุณไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าคุณจะยิงเข้า แต่คุณต้องเชื่อว่าคุณจะทำได้ และปิดกั้นทุกอย่างในขณะที่คุณเดินไปรับมัน” คิม วิลฟอร์ต กองกลางของเดนมาร์กพูดถึงการดวลลูกจุดโทษในเกมนั้น ซึ่งเขารับหน้าที่ยิงเป็นคนที่สี
การที่เดนมาร์กเข้ามาสู่รอบชิงได้ก็พูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่ามันคือปาฏิหาริย์ แต่พวกเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน คู่แข่งที่เดนมาร์กจะต้องพบในรอบชิงก็คือเต็งแชมป์อีกหนึ่งทีมอย่างเยอรมัน แม้เดนมาร์กจะเป็นรองคู่แข่งอย่างเยอรมันในทุกด้าน แต่มาถึงตรงนี้พวกเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว พวกเขาไร้ซึ่งความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น
จากทีมที่ตกรอบคัดเลือกไปแล้ว กลับกลายเป็นทีมที่กำลังจะได้เล่นในรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าผลการแข่งขันในนัดชิงจะออกมาแบบไหน มันคือสิ่งที่ไกลเกินฝันหลายเท่าตัว
รูปเกมในนัดชิงเป็นเยอรมันบุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรก เดนมาร์กพวกเขาเล่นตามแนวทางของนีลเซนเหมือนเดิม พวกเขาตั้งรับและรอจังหวะฉาบฉวยในการส่วนกลับ และในนาทีที่ 18 เป็นเดนมาร์กออกนำ 1-0 จาก จอห์น เจนเซ่น
เมื่อตกเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียประตูไปก่อน ทำให้เยอรมันเปิดเกมบุกหนักเข้าใส่เดนมาร์ก แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของเดนมาร์กเข้าไปได้ เดนมาร์กเล่นกันได้อย่างมีวินัย อดทน และรอคอยโอกาสในการสวนกลับ จนในนาทีที่ 78 เดนมาร์กมาได้ประตูเพิ่มเป็น 2-0 จาก คิม วิลฟอร์ต จากนั้นพวกเขายื้อพายุการบุกของเยอรมันไปได้จนหมดเวลา พวกเขาทำได้ เดนมาร์กคว้าแชมป์ยูโร 1992 ได้สำเร็จ พวกเขาสร้างได้เทพนิยายเรื่องใหม่ขึ้นแล้ว
“เดนมาร์กไม่ได้มีผู้เล่นที่ดีที่สุด เรามีการเตรียมการอย่างน้อยมากสำหรับการแข่งขันครั้งนี้” นีลเซนกล่าว “แต่ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นกับเป็นทีม และเรามีทีมที่เล่นด้วยกันได้ดีที่สุด เนเธอร์แลนด์ และเยอรมันพวกเขาเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลก แต่พวกเขาเล่นเพื่อตัวเอง ซึ่งผู้เล่นทุกคนของผมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” นีลเซนพูดถึงทีมของเขาหลังจากพาทีมคว้าแชมป์ได้
จากทีมที่เริ่มต้นด้วยความแตกแยก มีเสียงวิจารย์มากมายจากสื่อ และแฟนบอล โอกาสที่หมดลงไปแล้วจากวันที่ตกรอบคัดเลือก มาวันนี้พวกเขาเป็นแชมป์ยุโรป นำถ้วยรางวัล และความสุขกลับไปฝากให้คนในชาติ มีแฟนบอลมากมายรอฉลองไปพร้อมกับพวกเขา แทบไม่มีใครเชื่อว่าเหตุการณ์นี้มันจะเกิดขึ้นได้ แต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว
“มีคนประมาณ 200,000 ถึง 300,000 คนทักทายเราที่จัตุรัสศาลากลาง เมื่อเรากลับไปที่โคเปนเฮเกน และบรรยากาศก็ไม่น่าเชื่อ สิ่งที่เราประสบความสำเร็จทำให้เป็นเวลาที่ยอดเยี่ยมในการเป็นชาวเดนมาร์ก” นีลเซนเล่าถึงบรรยากาศอันน่าประทับใจในการฉลองแชมป์ของเดนมาร์ก
เป็นหนึ่งในเทพนิยายที่ได้เกิดขึ้นจริงในโลกของฟุตบอล หลายเรื่องราวที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นั้นล้วนได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือสิ่งใดก็ตาม ที่พาเดนมาร์กก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรได้ ทว่ามันจะเป็นเทพนิยายที่จะถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนาน
Writer : ฐกฤต กล่ำพันธ์ดี
#ฟุตบอล
อ้างอิง
https://www.footballwhispers.com/blog/the-unlikely-lads-denmarks-heroes-of-1992/
https://www.dailytelegraph.com.au/z-redesign/archive-sport/the-remarkable-story-of-denmarks-1992-european-championship-win-and-kim-vilforts-joy-and-sorrow/news-story/e09f1cd1b9eff5961aa0995a98c16c2b?sv=4959c39fb312f66057dfffdee81d1dda
https://www.givemesport.com/1522968-video-of-denmark-exploiting-the-backpass-rule-at-euro-1992-goes-viral
https://www.bbc.com/sport/football/17757335
https://en.wikipedia.org/wiki/UEFA_Euro_1992
https://thesefootballtimes.co/2020/01/31/kim-vilfort-the-tragic-hero-of-denmarks-euro-92-glory/
https://en.wikipedia.org/wiki/UEFA_Euro_1992_squads
https://www.newstalk.com/sport/off-the-ball-revisit-denmark-at-euro-92-708530
https://www.balls.ie/football/25-years-on-why-denmark-winning-the-euros-fantastic-for-everyone-368003
https://thesefootballtimes.co/2016/04/11/how-denmark-almost-forgot-to-love-richard-moller-nielsen/
https://www.fifa.com/news/denmark-stun-germany-conquer-europe-1655681
1 บันทึก
1
3
1
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย