2 พ.ค. 2020 เวลา 12:15 • ไลฟ์สไตล์
รู้กันไหม? ทำไมยักษ์วันพระแก้วจึงยืนไม่เหมือนยักษ์วัดอื่น
หลังจากเลิกเล่าประวัติศาสตร์หรือตำนานต่างๆ ไปนานมาก ด้วยว่ายุ่งงานส่วนตัว งานแฟน แถมติดเกมส์ติดซีรี่ย์ บวกกับปีก่อนมีเรื่องใหญ่ในชีวิตที่ทำเอาท้อแท้กับระบบที่ต้องคลุกคลีมาตลอด เลยหมดไฟไปดื้อๆ แต่ไม่รู้ยังไง เมื่อวานคุยวีดีโอไลน์กับเพื่อน เลยเถิดไปคุยกันเรื่องประวัติศาสตร์ ต่อมอยากเล่าบ้าน้ำลายจึงกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ดันเลือกไม่ถูกว่าจะเอาเรื่องไหนดี พอดีหันไปเห็นรูปยักษ์วัดพระแก้วในทีวี เลยได้บทสรุปเลือกเล่าเรื่องนี้ดีกว่า
ไม่รู้เคยสังเกตหรือเคยรู้กันมาบ้างหรือยังว่าวัดพระแก้วนี้ยืนไม่เหมือนกับวัดอื่นๆ โดยวัดทั่วไปจะหันหน้าไปทางอื่นนอกวัด ง่ายๆ คือหันหลังให้วัดหรือโบสถ์ แต่วัดพระแก้วยักษ์จะหันหน้าเข้าไปในโบสถ์ทั้งหมด และน่าจะมีวัดเดียวในไทยที่เป็นเช่นนี้ แล้วเอ๊ะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะนาย อ่ะ งงล่ะสิงง อึ๊บ!เลิกเงินนะ มามะเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนนี้เลย
เรื่องต้องถอยไปถึงตำนานการสร้างพระแก้วมรกตกันเลยทีเดียว ซึ่งตำนานนั้นมีอยู่ว่า เมื่อพ้น 500 ปีภายหลังการปรินิพานแล้ว มีพระอรหันต์มากปัญญารูปหนึ่งนามว่าพระนาคเสน ซึ่งก็คือพระรูปเดียวกับที่ตอบปัญหาในเรื่องมิลินทปัญหานั่นล่ะครับ ท่านผู้นี้มีปัญญาล้ำเลิศจนคิดว่าอยากจะสืบสานพระศาสนา แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้คนรู้ว่าเคยมีพระพุทธเจ้าอยู่บนชมพูทวีป คิดแล้วก็วิสัชนาด้วยตนเองว่า เช่นนี้ต้องสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาให้มั่นคงสืบไป ภายหน้าเมื่อพ้นกัลป์นี้แล้วจะได้มีหลักฐานถึงความเป็นพุทธภูมิ แต่เอ๊ะ แล้วนี่อาตมาจะสร้างอย่างไรดี สร้างจากอะไรดีถึงจะคงทนหลายพันปี คิดแล้วก็เป็นปัญหาจนปวดหัว ได้แต่คร่ำเคร่งคิดวนไปวนมา
ความนั้นก็ร้อนถึงพระอินทร์ ซึ่งก็มีพันตาใช่ไหม ดังนั้นเลยต้องรู้เหตุก่อนใคร ก็เห็นว่าแหมความคิดพระนาคเสนช่างปราดเปรื่องเสียนี่กระไร ชะรอยต้องชวนพระวิษณุกรรมมาช่วยกันสร้างพระพุทธรูปนี้เสียแล้ว ว่าแล้วก็เลยเหาะลงมาหาพระนาคเสน และถามด้วยเสียงห้วนๆจริงจัง "เป็นยังไง ทำอะไร จะสร้างพระใช่ไหม อะไรแค่นี้ต้องวุ่นวาย" เอ๊ย! นี่มันลุงแถวบ้านผมนี่ว่า ไม่เกี่ยวๆ คือลงมาก็ชี้แจงแถลงไขว่าจะช่วยสร้างพระนะ เราจะเอายังไงกันดี
ทันใดนั้นพระวิษณุกรรมก็เสนอว่าเออ มีหินก้อนหนึ่งชื่อมณีรัตนโชติอยู่ที่เขาวิบูลย์ เป็นของคู่บุญของพระจักรพรรดิราช 1 ใน 7 สิ้ง เห็นทีได้หินนี้มาจะเหมาะสมในการสร้างพระพุทธรูปเป็นแน่แท้ ดังนั้นจึงควรไปขอมา แต่ว่าหินนี้อยู่ในความดูแลของพวกกุมภัณฑ์นี่สิ ศัตรูตัวเอ้ของฉันเลยเพราะเคยอวตาลลงมาเป็นพระกฤษณะสังหารยักษ์แทบจะล้างพงษ์วงษ์ยักษากันเลยทีเดียว ดังนั้นเห็นทีต้องรบกวนท่านแล้วพระอินทร์
พระอินทร์จึงไปขอหินมณีรัตนโชติจากพวกกุมภัณฑ์ ซึ่งเป็นเครือญาติพวกยักษ์ล่ะ แต่ต่างสปีชี่เล็กน้อย โดยพวกกุมภัณฑ์นี้อยู่ในเขาวิบูลย์ก็มีหน้าที่เฝ้าหินมณีรัตนโชติดังนั้นทุกตนจึงยืนหันหน้าเข้าหาเขาตลอดเวลา เพื่อเฝ้าหินสำคัญนี้ ต่อเมื่อพระอินทร์มาขอไปสร้างพระพุทธรูปก็เกิดพุทธบูชาอยากให้เหมือนกัน แต่ติด mou ที่ทำไว้ว่าต้องให้พระจักรพรรดิราชเท่านั้น จึงกล่าวกับพระอินทร์ขึ้นว่า หินมณีรัตนโชติเป็นของคู่บุญจักรพรรดิราช หากนำไปสร้างพระพุทธรูปแล้ว วันใดมีพระจักรพรรดิราชประสูติบนโลกมนุษย์พระองค์นี้จะไม่ลอยไปหาจักรพรรดิราชเองหรือ?
แหมเหตุผลดีแฟนตาซีชนาดนี้พระอินทร์ก็ต้องรับฟัง จริงซิ พวกท่านนี่ชาญฉลาดจริงๆ เลย แล้วเราจะทำอย่างไรดี ฝ่ายกุมภัณฑ์จึงเสนอว่า เออท่าน เรามีหินอีกก้อน สำคัญไม่แพ้กัน ชื่อหินอมรกต มีสีเขียวงดงาม จัดเป็นหินวิเศษไม่แพ้หินมณีรัตนโชติ แบบนี้น่าจะใช้แทนกันได้ ฝากพระอินทร์ก็ตบขาดังฉาด แหม่ช่างถูกใจเสียนี่กระไร เพราะนอกจากจะวิเศษแล้ว ยังสีเขียวเหมือนพระอินทร์อีกเสียด้วย ดังนั้นจึงได้รับหิมอมรกตมาแล้วเหาะกลับไปหาพระนาคเสนและพระวิษณุกรรม ก่อนจะร่วมกันสร้างพระพุทธรูปกับพระวิษณุกรรมเทพแห่งช่าง เมื่อสร้างเสร็จจึงให้ชื่อพระแก้วมรกตตามชื่อหินนี้เอง
ดังนั้นเมื่อรัชกาลที่ 1 ทรงให้ความสำคัญกับพระแก้วมรกตว่าเป็นพระที่สร้างจากหินวิเศษตามตำนานที่ว่าเก็บไว้คู่กับหินมณีรัตนโชติของคู่บุญจักรพรรดิราช ดังนั้นจึงคู่ควรเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง และเมื่อหินนี้เคยเก็บรักษาโดยเหล่ากุมภัณฑ์แห่งเขาวิบูลย์ ดังนั้นเมื่อสร้างวัดพระแก้วก็ต้องสร้างยักษ์ทวารบาล หากแต่ตำนานนั้นกุมภัณฑ์แห่งเขาวิบูลย์จะต้องหันหน้ามองหินสำคัญตลอดเวลาเพื่อเฝ้ารักษาไว้ จึงโปรดให้สร้างยักษ์ทวารบาลให้หันเข้าไปในโบสถ์เพื่อคอยเฝ้าพระแก้วมรกตนี้เฉกเช่นที่เคยถูกเก็บรักษาเมื่อคราเป็นหินที่เขาวิบูลย์นั้นเอง และนี่คือที่มาของการสร้างยักษ์วัดพระแก้วที่ต่างจากสยามคติโดยทั่วไป
2
ขออภัยหากเนื้อเรื่องส่วนใดผิดพลาด ฟังมาพักใหญ่แล้ว คิดว่าอ่านเอาสนุกๆ นะครับ และขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอเน็ต
โฆษณา