1 มิ.ย. 2020 เวลา 15:48 • ธุรกิจ
ผ่อนรถแบบไหนคุ้มสุด
เชื่อว่าทุกคนเมื่อมีอายุและหน้าที่การงานมาถึงระดับนึง ล้วนมีความคิดที่จะซื้อบ้านและรถยนต์ เพื่อมาตอบโจทย์บางอย่างของชีวิต
วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์ว่าซื้อรถแบบไหนขาดทุนน้อยสุดและจะขาดทุนเท่าไหร่ในการซื้อรถแบบต่างๆ
ตัวอย่าง รถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง
- ราคาโชว์รูม 1,000,000 บาท
- ราคารถมือสองอายุ 5 ปี 600,000 บาท (ใช้ไป 5 ปี 100,000km)
- ราคารถมือสองอายุ 10 ปี 300,000 บาท (ใช้ไป 10 ปี 200,000km)
- ดอกเบี้ยรถมือหนึ่ง 2% ต่อปี
- ดอกเบี้ยรถมือสอง 5% ต่อปี
1) ซื้อรถมือหนึ่ง ดาวน์ 20% ที่เหลือกู้มาผ่อน
- ใช้เงินสดเริ่มแรก 200,000 บาท
- กู้เงิน 800,000 บาท
- ดอกเบี้ยเสียปีละ 16,000 บาท x 5 ปี = 80,000 บาท
- ค่าซ่อม/ตรวจสภาพ/ยาง/ภาษี/ประกัน ปีนึงน่าจะตก 20,000 บาทโดยเฉลี่ย
1
สรุปตอนจบ
- จ่านเงินดาวน์ 200,000 บาท
- จ่ายเงินผ่อน 880,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่น 100,000 บาท
รวมต้นทุน 1,180,000 บาท
ขายรถอายุ 5 ปีต่อราคา 600,000 บาท
ขาดทุน -580,000 บาท (-49% ของเงินลงทุน)
2) ซื้อรถมือสองอายุ 5 ปี ไม่ดาวน์สักบาท
- ใช้เงินดาวน์เริ่มแรก 0 บาท
- กู้เงิน 600,000 บาท
- ดอกเบี้ยเสียปีละ 30,000 บาท x 5 ปี = 150,000 บาท
- ค่าซ่อม/ตรวจสภาพ/ยาง/ภาษี/ประกัน ปีนึงน่าจะตก 30,000 บาทโดยเฉลี่ย
สรุปตอนจบ
- จ่านเงินดาวน์ 0 บาท
- จ่ายเงินผ่อน 750,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่น 150,000 บาท
รวมต้นทุน 900,000 บาท
ขายรถอายุ 10 ปีต่อราคา 300,000 บาท
ขาดทุน -600,000 บาท(-66% ของเงินลงทุน)
3) เมื่อตัวเลขเป็นแบบนี้จะเห็นว่า ส่วนขาดทุนแง่จำนวนเงินแทบไม่ต่างกันระหว่างการซื้อรถมือหนึ่งหรือสอง แต่ถ้าดูผลตอบแทนจากการลงทุนจะพบว่า ซื้อรถมือสองให้ผลตอบแทนขาดทุนมากกว่าในแง่ %
4) สำหรับรถมือหนึ่ง การแก้ทางด้วยการดาวน์เพิ่มช่วยได้แต่ไม่มาก สำหรับรถมือหนึ่งต่อให้คุณซื้อสดเลยก็ตาม (หรือดอกเบี้ย 0% 5 ปีก็เช่นเดียวกัน) การขาดทุนของคุณจะเหลือต่ำสุดได้เพียง -500,000 บาท โดยใช้เงินลงทุน 1,100,000 บาท (ขาดทุน -45%)
5) สำหรับรถมือสอง หากเพิ่มดาวน์จะช่วยได้ในแง่ตัวเงิน หากซื้อสดเลยจะทำให้การขาดทุนจะเหลือ -450,000 บาท จากการใช้เงินลงทุน 750,000 บาท (-60%) ซึ่งยังแพ้การซื้อรถมือหนึ่งอยู่ดี
6) อะไรเหมาะสมที่สุด
- ถ้ามีกำลังผ่อนพอ มองในแง่ผลตอบแทนให้ซื้อรถมือหนึ่ง แต่ต้องมั่นใจว่าคุณสามารถผ่อนได้จนครบ มิเช่นนั้นหากผิดนัดชำระแล้วโดนยึดขายทอดตลาด คุณจะโดนตามส่วนต่างที่ยังขาดด้วย เพราะส่วนมากการขายรถทอดตลาดราคายิ่งต่ำ ทำให้เหลือหนี้ติดอยู่ให้ตามต่อ
- ถ้ากำลังผ่อนไม่ได้เยอะให้ซื้อรถมือสอง เพราะประหยัดให้คุณในรูปตัวเงินได้หลายแสนบาท แม้ว่าอัตราขาดทุนจะสูงกว่ารถมือหนึ่งก็ตาม
7) ราคารถมือหนึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดค่อนข้างตายตัว แต่สิ่งที่เปลี่ยนได้คือ ราคาขายรถมือสองอายุ 5 ปี หากวิ่งน้อยหรือดูแลอย่างดี อาจขายได้ราคาสูงกว่า 600,000 บาท นั่นหมายความว่าเงินที่คุณจะขาดทุนยิ่งลดตามลงไป
ส่วนรถมือสอง มีตัวเลือกให้คุณเล่น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งซื้อเข้าคุณอาจซื้อได้ในราคาต่ำกว่า 600,000 บาท และขายต่อได้ราคาสูงกว่า 300,000 บาท ขึ้นกับว่าเราต่อรอง และตรวจสภาพรถเป็นหรือไม่ (บางทีราคาซื้อถูกไปก็น่ากลัวว่ารถผ่านอะไรมาไหม)
8) ข้อควรระวังที่ทำให้รถราคาขายต่อตกเร็วกว่าที่คาด
- เกิดปัญหาในรุ่นนั้นบ่อยจนคนไม่กล้าซื้อต่อ
- มีการออกรถรุ่นใหม่แบบ Major Change ที่เปลี่ยนทรงและหน้าตาทันสมัยกว่าเดิมมาก
- เลือกยี่ห้อที่คนไม่ค่อยนิยม หรือขายต่อลำบากทำให้ต้องลดราคาเพิ่ม
- มีอุบัติเหตุหรือภัยพิบัติทำให้สภาพรถไม่เหมือนเดิม
9) สุดท้ายซื้อรถมือหนึ่งซื้อสดๆ แต่ถือไป 10 ปีเลย ขาดทุนเท่าไหร่ ตอบ ขาดทุน -950,000 บาท จากเงินลงทุน 1,250,000 บาท (ขาดทุน -76%) เรียกว่ายิ่งไม่ขายยิ่งขาดทุน เพราะยิ่งถือค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกปีและราคาขายก็ลดลงทุกปีเช่นกัน
===================================
วันก่อน Toyota จะทำการขายรถแบบเช่าแทนซึ่งหากครบ 3-5 ปีสามารถเปลี่ยนคันใหม่ไปขับได้ จริงๆก็น่าสนใจตรงที่ว่าเราไม่ต้องเสียแรงไปขายต่อที่ไหน แต่ประเด็นคือค่าเช่าสูงยิ่งกว่าเงินผ่อนอยู่เยอะพอสมควร ส่วนในอนาคตจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ต้องเอาตัวเลขมากางบนโต๊ะแล้วพิจารณากันอีกรอบนึงค่ะ
อันที่จริงการซื้อรถเป็นประเด็นถกเถียงกันมากที่สุด ทั้งเรื่องเงินผ่อนเทียบเงินเดือนตัวเอง หรือยี่ห้อรถไหนที่ขายต่อได้ราคาดีสุด หรือรถที่มีปัญหาในรุ่นต่างๆทำราคาตกไหม
เราคงตอบให้ไม่ได้ว่าใครควรเลือกแบบไหน จะซื้อมือหนึ่งหรือสองดี เพราะแต่ละแบบก็เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แค่ว่าคุณควรคำนึงปัจจัยตามที่ผมได้บอกไปข้างต้น
แต่ยังมีรถบางประเภทที่ราคาไม่ตก เช่น ซุปเปอร์คาร์บางรุ่น รถคลาสิกบางยี่ห้อ หรือรถยุโรปเก่าที่หาอะไหล่ไม่ยากใช้ทนที่ราคามักจะตกแล้วนิ่งไม่ลงต่อแม้ผ่านไปนานแล้วก็ตาม(15ปี++)
ปิดท้ายนี้ว่าด้วยเรื่องเบาๆกันก่อนนอน(เบาตรงไหนนะ อิอิ555 )
โฆษณา