3 พ.ค. 2020 เวลา 08:07 • ประวัติศาสตร์
"เวลาที่เสียชีวิต" สำคัญอย่างไร
คนจีนมีความเชื่อเรื่องเวลาที่เสียชีวิต ว่าเชื่อมโยงกับบุญกุศล และโชคลาภที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน
โดยเปรียบเทียบกับมื้ออาหาร ดังนี้
1. หากเสียชีวิต ในตอนเช้าถึงเที่ยง
เท่ากับผู้เสียชีวิตได้ทิ้งมรดกหรือบุญกุศล
ไว้ให้ลูกหลาน 2 มื้อ
ตัวเองเอาไปแค่มื้อเดียว คือ มื้อเช้า
ซ้าย ข้อ1.ช่วงเช้าถึงเที่ยง = ขวา ข้อ 2.ช่วงหลังเที่ยงถึงเย็น
2. หากเสียชีวิตช่วงบ่าย
คือ หลังเที่ยงถึงหกโมงเย็น
เท่ากับทิ้งให้ลูกหลาน 1 มื้อ ตัวเองเอาไป 2 มื้อ
3. ถ้าเสียชีวิตช่วงค่ำ
หลัง 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน
เท่ากับเอาไปหมด 3 มื้อเลย ไม่เหลือให้ลูกหลาน
ดังนั้น ลูกหลานก็ต้องทำพิธี “ขอ” ไว้สักหน่อย
โดยทำพิธี “ข่อปุ่งตึ่ง”
ให้ลูกหลานนำถาด หรือถุงผ้าใส่ถ่านหุงข้าว และข้าวสาร (ฉุกละหุกจริงๆ ถุงเปล่าก็ได้)
นำไปคุกเข่าข้างหน้าผู้เสียชีวิต
พร้อมพูดว่า “ข่อปุ่งตึ่ง โห่ยเหล่าเกียซุง”
(ขออาหาร ไว้ให้ลูกหลานด้วย)
อาม่าสอนไว้ ถ้าต้อง "ข่อปุ่งตึ่ง"
ให้ทำได้เลย หลังจากที่ "เช็ดหน้า"
และ กล่าวคำอำลาแล้ว
แต่บางบ้าน ก็รอทางร้านโลงจัดการให้ก่อนไปวัด
สีแดง ข้อ 3.ต้องทำพิธี "ข่อปุ่งตึ่ง" สีฟ้า ข้อ 4.
4. ถ้าเสียชีวิตตอนดึก
หลังเที่ยงคืนถึงเช้าวันใหม่
ซึ่งยังไม่มีการรับประทานอาหาร
จึงถือว่าท่านไม่ได้เอาอะไรไปเลย
ทิ้งไว้ให้ลูกหลานหมด
ข้อสุดท้ายนี้ ร้านโลงที่บ้านเราใช้บริการ แนะนำว่า
ลูกหลานจะต้องจัดอาหารไหว้ เป็นกรณีพิเศษ
"ทางร้านมีบริการนะคร้าบบ.บ" ขอให้บอก...
แต่อาม่าเราบอกว่า ที่บ้านไม่ถือจ้ะ....
น่าจะเป็นธรรมเนียมของ "แต่เอี๊ย" เค้านะ
ต่างถิ่น คนละพื้นที่ ก็มีความแตกต่างกันไปบ้าง
1
ผ่านไปอีกหนึ่งขั้นตอน
คราวหน้า...
เราจะต้อง "เตรียมชุดไปแต่งตัว" ให้อากงล่ะ
ติดตามอ่านกันนะคะ
โฆษณา