14 พ.ค. 2020 เวลา 13:20 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย:
The Darjeeling Limited เที่ยวรถไฟ ใจประสาน
The Darjeeling Limited
เรื่องมันเริ่มต้นที่ชายหนุ่มนอนทอดกายบนเตียงในโรงแรมเชวาเลีย แล้วโทรศัพท์ดังขึ้น
ปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงที่บอกว่ากำลังจะมาเขาที่ห้องพักของโรงแรม
เมื่อเธอมาถึง เรารู้แค่ว่า สองคนนี้เป็นเพื่อนกัน แต่ความรู้สึกมากเกินกว่าเพื่อน
มันจบตรงที่ถ้าเรานอนกัน ก็สิ้นสุดทางเพื่อน
เปล่า...หญิงสาวคนนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังมากนัก นอกเสียแต่ว่าเธอคือนักแสดงรับเชิญที่รับบทโดย นาตาลี พอร์ตแมน
อ้าว...
เริ่มใหม่...
เรื่องมันเริ่มต้นในประเทศอินเดีย ตรงที่นักธุรกิจคนหนึ่งนั่งแท็กซี่ซิ่งผ่าเมืองปลายทางคือสถานีรถไฟ
แต่รถไฟขบวนที่เขาต้องขึ้น กำลังวิ่งออกไป
นักธุรกิจวิ่งตาม แต่แล้วก็มีผู้ชายหิ้วกระเป๋าสีส้มใบใหญ่วิ่งแข่งกันมา
ก่อนจะแซงและคว้าราวจับโดดขึ้นรถไฟทัน ส่วนนักธุรกิจตกรถไฟ
เปล่า...นักธุรกิจนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังเรื่องนี้ นอกเสียจากว่าเขาคือนักแสดงรับเชิญที่ชื่อ บิลล์ เมอร์เรย์
อ้าว...
เรื่องจริง ๆ
มันเริ่มตรงชายหนุ่มที่ขึ้นรถไฟทัน ปีเตอร์ ลูกชายคนกลางที่มีนัดกับพี่น้องบนรถไฟดาร์จีลิ่ง ทริปที่มีพี่ชายคนโตฟรานซิส และน้องชายคนเล็กแจ็ก ร่วมเที่ยวรถไฟในครั้งนี้
ปีเตอร์เจอหน้าพี่ใหญ่ฟรานซิสที่มีผ้าก็อตพันแทบจะทั้งศีรษะ และเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดทริปประสานใจสามพี่น้องขึ้น ฟรานซิสก็ยังคงเป็นพี่ชายที่เจ้ากี้เจ้าการและออกคำสั่งเสมอ เพียงเพราะเขาคือ ‘พี่ใหญ่’ ยังงั้นเหรอ?
แจ็ก คือน้องคนเล็กแถมยังตัวเล็กเสียอีก เขาอยากเป็นนักเขียน พอ ๆ กับอารมณ์อ่อนไหวที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่เห็นหน้าเธอ แจ็กก็คือชายหนุ่มที่นอนอยู่ในโรงแรมเพื่อหนีหัวใจตัวเองจากอาการ ‘รักแต่นอนกับเพื่อน’
ส่วนปีเตอร์ พี่น้องคนกลางที่หน้าตาเหมือนคนหน่ายโลก เขาไม่อยากมาทริปนี้ พอ ๆ กับที่เขาพยายามจะเลิกกับอเล็กซ์ แฟนของเขา แต่เธอดันตั้งท้อง และกำลังจะออกลูก ปีเตอร์ไม่ได้อยากหย่า แต่ไม่อยากมีเด็ก และเขาก็ไม่อยากมาทริปนี้
สามพี่น้องที่ห่างเหินต้องมาใช้ชีวิตบนรถไฟ ตามโปรแกรมทัวร์แสวงบุญ เรื่องวุ่นวายอลหม่านล้านเจ็ดจึงเกิดขึ้น
เวส แอนเดอร์สัน คือหนึ่งในผู้กำกับหนังที่ผมชื่นชอบจนถึงกับตามเก็บงานของเขา ด้วยสไตล์หนังเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ เครดิตงานที่สร้างชื่อหลังจากหนังเรื่องนี้ และคนดูส่วนใหญ่รู้จักก็คือ The Grand Budapest Hotel (2014)
Signature หนังของแอนเดอร์สันก็คือ การจับตัวละครมายืนหน้ากล้อง มุมกล้องแบบภาพสมมาตร สีพาสเทลที่ใช้ประกอบในหนัง นักแสดงหน้าเดิม ๆ ที่เคยร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น โอเว่น และ ลุค วิลสัน, บิล เมอร์เรย์, เอเดรียน โบรดี้ และขาดไม่ได้คือนักแสดงอินเดีย คูมาร์ พาลลานา (ชายอินเดียผมขาวที่เป็นหนึ่งในผู้โดยสารรถไฟขบวนนี้)
หนังของแอนเดอร์สันต้องมีการตายเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับหนังทุกเรื่องของ เวส แอนเดอร์สัน จะมาพร้อมตัวละครที่มีปมร้าวฉานในความสัมพันธ์
และใน The Darjeeling Limited ก็คือความร้านฉานสองสามพี่น้อง ที่คนดูจะเริ่มเห็นความไม่ปรองดอง หมางเมิน และปีนเกลียวกัน พวกเขาพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลา และทุ่มเถียงกันว่าใครคือลูกชายคนโปรดของพ่อที่ตายไปแล้ว
รถไฟดาร์จีลิ่งนำพาทั้งสามเดินทาง และแวะระหว่างทางตามสถานที่แสวงบุญ และอุปสรรคที่ทั้งสามต้องพบเจอในระหว่างการเดินทาง มันทำให้สามพี่น้องได้เรียนรู้ถึงปัญหาส่วนตัวของตนเอง ของพี่น้อง และปัญหาของความหมางเมินที่พวกเขามีต่อกัน
ภาพที่เราเห็นตลอดแทบทั้งเรื่องคือ สามพี่น้อง และบรรดากระเป๋าใบใหญ่สีส้ม ที่ไม่ต่างจากภาระที่พวกเขากระเตงไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่เราแทบจะไม่เห็นเลยว่าพวกเขาจะใช้อะไรในบรรดากองทัพกระเป๋าของเขา
'กระเป๋า' จึงไม่ต่างจาก 'ภาระ และความหมางเมิน' ของสามพี่น้อง
นี่คือหนังที่เล่าเรื่องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้อย่างแยบยล และคมคาย หากแต่สไตล์ที่จีดจ้าน เฉพาะตัว มันอาจทำให้กลายเป็นงานที่ ‘ถ้าไม่ชอบ’ ก็ ‘ชังไปแลย’
นอกจากได้ดูหนังแล้ว คุณจะยังได้สัมผัสกับประเทศอินเดียแบบลึก ๆ วัฒนธรรม ผู้คน และความเป็นอินเดียผ่านสายตานักสร้างหนังชาวอเมริกัน จนทำให้เกิดทัวร์ตามรอยหนัง The Darjeeling Limited มาแล้ว
สามพี่น้องรับบทโดย โอเวน วิลสัน เป็น ฟรานซิส ชายใหญ่, เอเดรียน โบรดี้ เป็น ปีเตอร์ ชายกลาง และ เจสัน ชวาร์ทซแมน เป็น ชายเล็ก
นอกจากนี้ อีร์ฟาน ข่าน นักแสดงชายชาวอินเดียที่เพิ่งล่วงลับ มีบทสมทบเล็ก ๆ แต่เรียกความสะเทือนใจได้มิใช่น้อยในหนังเรื่องนี้
ในขณะที่เราต้องอยู่ในช่วง ‘เว้นระยะห่างทางสังคม’
นี่คือหนังที่ทำให้เราได้มีโอกาสทบทวนถึง
‘ระยะห่างของความสัมพันธ์’ ทุกรูปแบบในชีวิต
บางคำตอบอาจรอให้คุณค้นพบจากหนังเรื่องนี้
The Darjeeling Limited (2007)
Directed by Wes Anderson/Starring: Owen Wilson, Adrien Brody, Jason Schwartzman, Anjelica Huston/Written by Wes Anderson, Roman Coppola, Jason Schwartzman/Cinematography: Robert Yeoman/Edited by Andrew Weisblum/Distributed by Fox Searchlight Pictures/Running time: 91 minutes/R
ขอบคุณที่มาข้อมูล/ภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes
โฆษณา