3 พ.ค. 2020 เวลา 01:09 • การศึกษา
การแพทย์สายพุทธ ตอนที่๔
บทที่ ๒ การแพทย์ทางเลือกที่เกี่ยวกับศาสนา
ในบทนี้ขอเล่าเป็นการแพทย์องค์รวมที่มีหลายศาสตร์และมีส่วนกล่าวถึงการดำเนินชีวิตในทางศาสนาทั้งสิ้น โดยส่วนนี้อาจารย์เลือกมาเฉพาะเนื้อหาที่ ใกล้เคียงที่สุดกับการแพทย์แผนโบราณแนววิถีธรรมชาติที่รวมหมาย ธาตุ อุตุ อายุ แลกาล ในส่วนประเทศสมุฏฐานอาศัยกำเนิดจักรวาลส่วนจักราศีมาประกอบ ส่วนการรับรู้ของจิตเป็นธาตุอภิญญาณมักแสดงนิมิตจึงสังเกตุการป่วยด้วยสีของ มลธาตุ การดำรงชีวิตต้องอาศัย อาหารการกินเป็นอสุริญธัญญาณธาตุ เป็นธาตุหนัก อาศัยตัวกลิ่นเป็นตัวผ่านการรับรู้สังเกตุจากกลิ่นมละธาตุ มีบางเรื่องมาเสริมเติมในส่วนชีวิตและกรรม(การกระทำการงานในชีวิตประจำวัน)ได้ดีขึ้น เช่นกาลในนาฬิกาชีวิต รายละเอียดในข้อถัดไป
๑. ทฤษฏีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ กับชีวิตดังนี้
นิยามธาตุทั้ง ๔ ในการเรียนรู้ตัวอาจารย์เรียนมากับพระการเรียนรู้เรื่องการแพทย์จึงเน้นไปในทางอธิบายเชิงค้นคว้าเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นหลัก มีธาตุ ๔ และอากาศธาตุไม่นับแต่สำคัญมาก รวมแล้วมี ๔ ประการ (ธาตุ๔,อากาศ๑)
- นิยามธาตุดิน (ปถวีธาตุ) หมายถึง สิ่งที่มีสภาวะที่แผ่ไปหรือกินเนื้อที่ เรียกสามัญว่า ธาตุแข้นแข็งหรือธาตุดิน, สิ่งที่ทรงสภาพเป็นของแข้นคือข้นหรือ หนาแน่น, หรือแข็งโดยธรรมชาติของมันนั่นเอง แข็งรวมตัวเป็นก้อน เป็นที่ อาศัยของธาตุอื่นๆ จึงเป็นเจ้าเรือนธาตุ
- นิยามธาตุนํ้า อาโปธาตุ สภาวะที่เอิบอาบ ดูดซึม แผ่ซ่านออกไป เรียกสามัญว่า ธาตุเหลวหรือธาตุน้ำ ไหลลง เอิบอาบ เหนียวเกาะกุม ไม่กระจาย หนัก ได้แก่ รสของพืชผัก เช่น นมสด นมเปรี้ยว
- นิยามธาตุลม วาโยธาตุ ความเป็นของพัดไปมา เปลี่ยนแปลงแสดงความ ไม่เที่ยง มีความเคร่งตึง เคลื่อนไหว ไม่นิ่ง (เคร่งตึงเรียก วิตถัมภนวาโย เช่น อาการปวดเมื่อย เกร็ง)
- นิยามธาตุไฟ เตโชธาตุ ความเป็นของเร่าร้อน สิ่งที่เป็นเครื่องอบอุ่นแห่งกาย รวมหมายถึงไอร้อน (อุณหเตโช) ไอเย็น (สีตเตโช) ทำหน้าที่ให้อาหารสุก และละเอียด นุ่ม กระพุ่งขึ้น ยกขึ้น
- นิยามอากาศธาตุ ช่องว่างในกายช่องว่างที่ไม่มีเนื้อ เลือด เป็นช่องที่มหาภูตรูป 4 ไม่สัมผัสอากาศภายนอก ช่องว่างด้านหน้ามีช่องทวารทั้ง ๙ (สุนทร วาต) ช่องว่างด้านหลัง
ทั้งหมดเป็นสภาวะตามความเป็นจริง ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรม
แต่ในความเป็นจริงนี้ ยังขาดเรื่องใจครองที่เรียกจิตและเจตสิก สิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดรูป ก่ิสร้างตัวตนเป็นมหาภูตรูป ๔๒ ที่เราเรียกภาระ เพราะต้องนำ มาใช้ในการเลี้ยงดูกาย..รายละเอียดอ่านในปฐมจินดาเรื่องกำเนิดมนุษย์..การดำเนินชีวิตก็เป็ไปตามกฏแห่งธรรมชาติ อิทัปปัจจยตา – ปฏิจจสมุปบาท ดั่งที่ได้เกริ่นในบทนำไปแล้ว..เรื่องอวิชชา ถ้าเราอยากหลุดพ้นเราก็ต้องทำ มรรค ๘ จนเราหลุดพ้นเรียก นิพพาน
ขันธ์ ๕ คือมีรูปและนาม(ขันธ์ ๕)
๑. รูป คือกองที่เป็นร่างกาย เกิดจากเหตุหรือสิ่งที่มาเป็นปัจจัยกันของธาตุทั้ง ๔ อันมี ธาตุดิน อันคือปฐวีธาตุมี ๒๐ประการ, ธาตุนํ้า อันคืออาโปธาตุ๑๒ ประการ, ธาตุลม อันคือวาโยธาตุ ประการ, และธาตุไฟ อันคือเตโชธาตุ ๔ ประการ แบ่งแบบหยาบเป็นชั้นธาตุได้ ๔ ชั้น เรียกปัญจกธาตุ(วิสุทธิมรรค)ได้ดังนี้
กายชั้นที่๑ : เกสา -ผม, โลมา-ขน, นขา- เล็บ, ทันตา-ฟัน, ตะโจ-หนัง
กายชั้นที่๒ มังสัง-เนื้อ, นหารู-นหารู, อัฐิ-กระดูก, อัฐิมิญชัง-เยื่อในกระดูก วักกัง-ม้าม
กายชั้นที่๓, ยกนัง-ตับ, กิโลมกัง-ผังผืด หทยัง-ใจ, ปับผาสัง-ปอด, , ปิหกัง-ไต
กายชั้นที่๔, อันตัง-ไส้ใหญ่, อันตคุณัง-ไส้น้อย, อุทริยัง-อาหารใหม่, กรีสัง- อาหารเก่า, มัตถเกมัตถลุงคัง-สมอง
นอกจากแบ่งชั้นตามหน้าที่แล้ว ยังแบ่งหน้าที่ของรูปภายในอีก ๒๔ อย่าง เรียก อุปทายรูป อุปาทายรูป(รูปอาศัย) อีกส่วนอาศัยในรูปอยู่ทำงานให้รูป ได้ดำรงอยู่ได้แก่
ก. ถือเป็นกายที่อาศัยในดินมี จักขุ ตา, โสต หู, ฆานะ จมูก, ชิวหา ลิ้น, กาย, มโน ใจ
ข. เมื่อเกิดอินทรีย์จะผ่านความรู้สึกได้จาก รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สัมผัส)
ค. แสดงเพศความเป็นหญิง ความเป็นชาย
ง. หทัยรูป ๑ คือ หทัยวัตถุ( ที่ตั้งของจิต ) จะแสดงความรู้สึก,อารมณ์
จ. ชีวิตตินทรีย์ ภาวะที่รักษารูปให้เป็นอยู่ ถ้าวัดในทางการแพทย์ คือ สัญ- ญาณชีพ
ฉ. กวฬิงการาหาร อาหารคำข้าวที่เราต้องกินเกิดเป็นโอชา(หัวอาหาร)ไป เลี้ยงร่างกาย
ช. อากาศธาตุ ช่องว่าง ในกายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ญ. การไหวกายให้รู้ความ, ไหววาจาให้รู้ความ คือพูดได้
ฎ. ลหุตา(ความควรแก่งานก่อตัวเป็นลมปราณ ),มุทุตา (ความอ่อนก่อตัวเป็น เสมหะ), กัมมัญญุตา (ความเบาก่อเป็นไฟเรียกอัคนี)
ฏ. ลักขณรูป 4 (รูปคือลักษณะหรืออาการเป็นเครื่องกำหนด
(รูปัสส) อุปจย (ความก่อตัวหรือเติบขึ้น )
(รูปัสส) สันตติ (ความสืบต่อ )
(รูปัสส) ชรตา (ความทรุดโทรม)
(รูปัสส) อนิจจตา (ความปรวนแปรแตกสลาย )
รวมความหมาย เมื่อมีความเติบโตขึ้นที่เราได้มาจากไฟธาตุในรูปแบบของต่อมไร้ท่อต่างๆ, สืบต่อได้แก่ต่อมเพศ, ทรุดโทรมได้, ความสลายไม่ยั่งยืน กลุ่มอุปทายรูปนี้จะเชื่อมโยงการทำหน้าที่ไปกับกาลเวลา กลางวันแลกลางคืน ในเวลากลางวันเรียกลมสูรย์, กลางคืนเรียกลมจันทร์)
๒.นามขันธ์ ๔ (ด้านจิตใจ) เป็นเรื่องของความรู้สึก จิตใจ ดังนี้
เวทนาขันธ์ ได้แก่ ร้อน อ่อน แข็ง ความเจ็บปวด ความป่วย ทั้งทางกายและจิตใจระบบประมวลความรู้สึกว่า ชอบหรือไม่ชอบ และเฉยๆ
สัญญาขันธ์ ได้แก่ จำสิ่งที่ได้รับและรู้สึกนั้นๆ ความจำได้หมายรู้ (ความทรงจำที่ผ่านมา) สัญญาเกิดจากเรียนรู้ หรือจากการสอน
สังขารขันธ์ ได้แก่ ระบบคิดปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รับรู้สึกและจำได้นั้นๆ หรือความคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมา เช่น ไปซื้อล็อตเตอรี่มา แล้วจินตนาการว่าถูกรางวัลที่ 1
วิญญาณขันธ์ ได้แก่ ระบบรู้สิ่งนั้นๆ การรับรู้ รู้สึกที่รับมาจากทวารทั้ง ๙
๓.อายตนะ ๖
การมีอวัยวะที่ต้องผ่านการรับรู้ คือ ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ เพราะการรับรู้เรื่องราวต่างๆล้วนใช้ อายตนะ ๖ ทั้งสิ้น ใน * มหาฎีกาว่า เกจิอาจารย์ที่ กล่าวอย่างนี้
• ไฟยิ่งในตา
• อากาศยิ่งโพรงในหู
• ลมยิ่งในจมูก
• น้ำยิ่งในลิ้น
• ดินยิ่งในกาย
โฆษณา