ส่วนในพระไตรปิฏกฉบับ อินทกสูตร "พัฒนาการแห่งชีวิต"เพราะเราต้องมี การสร้างอยาตนะร่วมกันไปด้วยเพื่อเชื่อมจิต..การรับรู้
คนเราจะเกิดขึ้นมาได้ต้องมีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ ๑ บิดามารดาร่วมกัน ๒ มารดามีไข่สุกพร้อมจะผสม และ ๓ "คันธัพพะ" ปรากฎ "คันธัพพะ" มีปัจจัยหรือองค์ประกอบ ๓ คือ กรรมที่สัตว์ทำไว้เปรียบเหมือนที่นา วิญญาณเปรียบเหมือนเมล็ดพืช และตัณหาเปรียบเหมือนยางเหนียวในเมล็ดพืช สรุปแล้วคนจะเกิดเป็นคนขึ้นมาได้ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งรูปธรรม และ นามธรรม ในขณะที่นักวิชาการสมัยใหม่พูดถึงแต่ในรูปธรรมอย่างเดียว พัฒนาการของชีวิตในครรภ์ที่ตรัสไว้ข้างบนนั้น ท่านอธิบายรายละเอียดดังนี้
•เบื้องแรกเกิดมี "กลละ" ก่อน จากนั้นก็เป็น "อัพพุทะ" จากอัพพุทะ เป็น "เปสิ"
•จากเปสิเป็น "ฆนะ" จากฆนะ "เป็นปุ่มห้าปุ่ม" จากปุ่มห้าปุ่มเป็นผม ขน เล็บ มารดาดื่มกินอะไร สัตว์ในครรภ์ยังชีพด้วยสิ่งนั้น
•สัปดาห์ที่ ๑ เป็น กลละ มีลักษณะใสดุจน้ำมันเนย มีขนาดเล็กมากเท่าหยดน้ำมันงาที่นำปลายขนจามรีมาจุ่มและสลัดออก ๗ ครั้ง กลละจะมีขนาดเท่า หยดที่ ๗ ซึ่งเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
•สัปดาห์ที่ ๒ เป็น อัพพุทะ มีลักษณะข้นขึ้น ดุจน้ำล้างเนื้อ
•สัปดาห์ที่ ๓ เป็น เปสิ มีลักษณะเป็นชิ้นเนื้อ
•สัปดาห์ที่ ๔ เป็น ฆนะ มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ มีสัณฐานดังไข่ไก่
•สัปดาห์ที่ ๕ เป็น ปสาขะ แตกออกเป็น ๕ ปุ่ม ศีรษะ ๑ แขน ๒ ขา ๒ เรียก ว่า ปัญจสาขา
•สัปดาห์ที่ ๖ เป็น ปริปากะ เป็นปัญจสาขาที่แก่ตัว คือเจริญเต็มที่
•สัปดาห์ที่ ๗ เกิด จักขุปสาท มีการเจริญทางประสาทตา
•สัปดาห์ที่ ๘ เกิด โสตปสาท มีการเจริญของประสาทหู
•สัปดาห์ที่ ๙ เกิด ฆานปสาท มีการเจริญของประสาทจมูก
•สัปดาห์ที่ ๑๐ เกิด ชิวหาปสาท มีการเจริญของประสาทลิ้น ส่วน กายปสาท นั้นมีมาแล้วในขณะที่เกิดปฏิสนธิจิต นับตั้งแต่อุปาทะขณะของปฏิสนธิจิตที่ เรียกว่าปฏิสนธิกาลเป็นต้นไป
•สัปดาห์ที่ ๑๑ จะเจริญต่อไป สร้างอวัยวะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น เป็นต้น จน กว่าจะครบอาการ ๓๒ จึงจะรวมเป็นสัตว์ผู้เกิดในครรภ์มารดา ถ้าเป็นมนุษย์ จะอยู่ในครรภ์มารดาถึง ๒๙๔วัน (๙ เดือน ๒๔ วัน)