3 พ.ค. 2020 เวลา 16:54 • ธุรกิจ
“ซอสพริกศรีราชา” กับการตลาดปากต่อปากที่ชนะใจวัยรุ่นเมกา
“ฉันยอมบีบซอสศรีราใส่ช้อนและกินมันเพียวๆ ได้เลย” หรือ “ชีวิตของผมคงจืดชืดน่าดูถ้าขาดซอสศรีราชา”
นี้คือคำพูดของวัยรุ่นเมกาที่หลงรักในซอสพริกศรีราชา
คุณผู้อ่านอาจจะเกิดความสงสัยทำไมที่เมกาซอสพริกศรีราชาถึงเป็นที่รักของวัยรุ่นเมกา
จนถึงขั้นมีการแต่งกายเป็นขวดซอสศรีราชา หรือการมี Challenge กินซอสพริกศรีราชาเพียวๆ บน YouTube รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์ลายศรีราชาดั่งเช่นตุ๊กตา Bearbrick
Bearbrick
แต่คุณรู้ไหมว่า Huy Fong Food บริษัทที่ผลิตซอสพริกศรีราชานี้ไม่ได้ใช้งบโฆษณาในการครองใจผู้บริโภคเลยแม้แต่ Cents เดียว
หรือแม้กระทั้ง Social Media ที่คาดว่าจะเป็นช่องทางที่จะสื่อสารกับวัยรุ่นเมกาในยุคนี้ ก็ไม่ได้มี Contents โดนๆ จะมีก็เพียงแต่ Contents ที่มีการแชร์มาจากแฟนเพจอื่นๆ หรือจะเป็นการโพสต์เปิดรับสมัครงานเท่านั้น
แล้วการใช้การตลาดแบบปากต่อปากที่ทำให้ศรีราชาเป็นที่นิยมในวัยรุ่นเมกาทำกันอย่างไร ทำด้วยใคร วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
ก่อนที่จะไปฟังเรื่องการตลาดแบบปากต่อปากผมขอเล่าย้อนไปเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาสั้นๆ เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ให้ฟังก่อนนะครับ
อย่างแรกเลยคือเรื่องรสชาติความเผ็ดดั้งเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เปิดโรงงาน
“ซอสพริกต้องมีรสชาติที่เผ็ด ถ้าคุณรู้สึกว่าเผ็ดไปให้ใส่น้อยลง , ที่ Huy Fong Foods ไม่ได้ผลิตมาโยเนสหรอกนะ”
นี้คือคำพูดของคุณ David Tran ที่มีความเชื่อว่าซอสพริกศรีราชาต้องมีรสชาติที่เผ็ดร้อนแรง ถึงแม้ว่าจะมี Feedback จากชาวเมกาในยุคแรกๆ ว่าซอสพริกศรีราชามีความเผ็ดไปแต่คุณ David Tran ก็ไม่เคยลดความเผ็ดของซอสลงเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ Packaging ตราไก่ฝาสีเขียวสุดโดดเด่นบนชั้นวาง
และก็แน่นอนครับว่า Packaging นี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน Design เลยตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาต่อให้ในปัจจุบันจะมีการทำซอสพริกที่เป็นรูปแบบของซองฉีกแต่การ Design ก็คือเอารูปตราไก่ไปแปะลงบนซองสีขาวเลยทีเดียว สามารถสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ได้ดีทีเดียวเลย
รู้หรือไม่ทำไมต้องเป็นตราไก่บน Packaging
เพราะคุณ David Tran เกิดปีไก่นั้นเอง
เพราะความดั้งเดิมของตัวผลิตภัณฑ์และเรื่องราวที่ยึดมั่นของคุณ David Tran นี้แหละครับที่ทำให้คนเมกาหลงรักในซอสพริกศรีราชาจนกระทั้งความรักกระจายต่อไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเมกา
รวมไปถึง Influencer ชื่อดังซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์ รวมถึงช่วยในการขยายความรักของแบรนด์ต่อ ผ่านการสร้างเรื่องราวบนโลก Social Media
1
influencer คนแรกเป็นใครไม่ได้นอกจาก Kylie Jenner ที่มีผู้ตามมากกว่า 100 ล้านคน โพสต์ภาพตัวเองย้อมสีผมเป็นสีเขียวและใส่ Hoodie สีแดงที่มีความเหมือนขวดศรีราชา
แน่นอนว่า Kylie Jenner เป็นผู้ที่มีอิทธิพลและเป็นผู้นำกระแสของวัยรุ่นเมกายุคใหม่ ที่ไม่ว่าจะโพสต์อะไรลงบน Social Media ของเทอก็สามารถสร้างกระแสหรือสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้มากมาย
Influencer อีกท่านที่ช่วยสร้างกระแสความรักของแบรนด์นั้นก็คือ The Oatmeal นักวาด Gag ชื่อดังชาวเมกาที่เขียนจดหมายถึงศรีราชาว่าตนนั้นทำไมถึงรักในตัวศรีราชาที่เขาเองนั้นชอบกินศรีราชากับ Pizza ซูชิ และอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
และเขายังมีความสุขในรสชาติที่เผ็ดร้อนของตัวซอสในตอนที่เขากิน
เมื่อเขาโพสต์จดหมายนี้ลงบน Social Media ของเขานั้นทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นที่เหมือนกับเขาด้วยและเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไปมากกว่าหมื่นครั้ง
นอกจากนี้เขายังทำเสื้อผ้าศรีราชาขายบน Website ของเขาให้แก่ผู้ที่หลงรักเหมือนกับเขาเข้ามาซื้ออีกด้วย
ความรักของแบรนด์ครั้งนี้ยังไปเข้าตาผู้กำกับ Griffin Hammond ที่ชอบในแบรนด์ศรีราชาเหมือนกันจนเกิดไอเดียอยากสร้าง Documentary เรื่องราวความเป็นมาของซอสศรีราชา
นาย Griffin Hammond เลยไปเรี่ยไรระดมทุนใน Kickstarter จนสามารถระดมทุนได้ถึง 20,000 ดอลล่าสหรัฐอเมริกาและ Documentary ของเขายังได้รางวัลอีกด้วย
แล้วก็ยังมี Youtubers มากมายที่มาสร้าง Challenge ต่างๆ มากมายบน YouTube อีกด้วยพร้อมแสดงออกถึงความรักที่มีต่อแบรนด์ศรีราชา
นี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ของศรีราชาโดยใช้ Word of Mouth Marketing จนสามารถชนะใจวัยรุ่นเมกาบนโลกออนไลน์ไปครองได้
ในเรื่องของการทำ Digital Marketing ก็เหมือนกัน นักการตลาดเองนั้นต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและประเภทของสื่อที่เขาเสพย์
เพื่อที่นักการตลาดต้องทำ Content ให้สอดคล้องไปด้วยกัน
ในปีที่ผ่านมาซอสพริกศรีราชาสามารถสร้างยอดขายที่อเมริกาได้ถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐโดยสามารถขายได้มากถึง 20 ล้านขวดและยอดขายเติบโตถึงปีละ 20% เลยทีเดียว
และนี้คืออีกเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของซอสศรีราชาในการทำการตลาดแบบ Word of Mouth จนสามารถชนะใจวัยรุ่นยุคใหม่ไปครองได้
โฆษณา