4 พ.ค. 2020 เวลา 02:29 • ธุรกิจ
Prepare for the Era of Recrimination
เตรียมพร้อมรับผลที่ตามมา
นโยบายที่ขาดเเคลน การใช้นโยบายทางการเงิน มันจะส่งผลตามมาเเน่นอน
หากคิดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวในไตรมาสที่สาม
V-shaped recovery จนถึงระดับที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) มีค่ากับไปเทียบเท่าก่อนการระบาดใหญ่ คุณคิดผิด
สี่ปีนับจากนี้เศรษฐกิจ (4ปี)
จะฟื้นตัวในระดับเดียวกับ การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคม
The Fed and Treasury have essentially created a new moral hazard
by socializing credit risk.
เมื่อการรับรู้นี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเราจะเข้าใกล้ยุคแห่งการกล่าวหา
ผู้กำหนดนโยบายการเงินและการคลังกำลังพยายามดึงเอาจุดหยุด
ทั้งหมดเพื่อให้เศรษฐกิจและประชาชนยังคงดำเนินต่อ
เเม้ในอนาคตจะต้องล่มสลายจากช่วงวิกฤตินี้
ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาประสิทธิภาพและความทนทานของ
โปรแกรมที่เอามาช่วยกู้วิกฤติเหล่านี้
แต่ท้ายที่สุดเราจะค้นพบว่าพวกเขาขาดแคลนและมีการใช้นโยบายในทางที่ผิดที่เต็มไปด้วยผลที่ไม่ได้ตั้งใจ
(เเละเเน่นอนผลที่ไม่ได้ตั้งใจนั้น มันกำลังจะตามมา)
การ recovery นั้นจะทำให้เกิดการผิดหวังด้วยเหตุผลหลายประการ
1.ระยะเวลาปิดเมืองที่ไม่สมบูรณ์
health experts กำลังมองเห็นถึงโอกาสการเกิด
คลื่นของการติดเชื้อในอนาคต
According to a recent Harvard study, we will likely see rolling periods of lockdown going into 2022..
(เราอาจะต้องอยู่กับการ Lockdown จนถึงปี 2022)
2.อัตราการจ้างงาน
กว่า 26 ล้านคนได้สมัครเพื่อขอประโยชน์ ขอสิทธิ์สำหรับผู้ที่ว่างงาน
ในช่วงห้าสัปดาห์ที่ผ่านมา (April 26, 2020)
มากกว่าจำนวนงานที่ได้ถูกสร้างขึ้นในรอบ 10 ปี
**อันนี้น่ากลัวมากครับ ใช้เวลาในการสร้างงานถึง 10 ปี กลับกัน
คนตกงานรวมเดียวเพียงเเค่ 5 สัปดาห์
ก็มียอดสูงกว่างานทีสร้างขึ้นมาถึง10 ปี ได้
คนเหล่านี้จำนวนมากจะไม่กลับไปทำงานทันทีแม้ว่าเศรษฐกิจจะเปิดใหม่
อย่างสมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อนซึ่ง
The unemployment rate will probably spike to around 20 percent, maybe as high as 30 percent
20 - 30 % unemployment rate
นี้มันจะมีค่าสูงเทียบเท่าตอน Great Depression
ใช่หรือไม่
It took nearly 10 years for the unemployment rate to return to
levels we saw before the Global Financial Crisis
ใช้เวลาเกือบ 10 ปี ที่จะทำให้อัตราการว่างงาน
กลับเข้ามาสู่ในระดับก่อนเกิด Global Financial Crisis
The Lowest-Paid Workers Will Bear the Brunt of the Economic Crisis
Cumulative Change in Real Household Net Worth
ถ้าทุกคนเห็นกราฟนี้เเล้ว บังคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกใช่มั้ยครับ
การฉีกตัว เเยกจากกันของกราฟ TOP 1 % เเละ Bottom 50 %
มันเเสดงให้เห็นถึงความเเตกต่างที่ชัดเจน
พิจารณาว่าประมาณคนที่ได้รับผลกระทบครึ่งหนึ่งของคนอเมริกัน
ทั้งหมดมีเงินออมน้อยกว่า $ 500 ก่อนที่เกิดวิกฤตในครั้งนี้
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพายุลูกใหญ่เช่นนี้
และความเสียหายจะเกิดขึ้นกับhousehold balance sheets
(งบดุลของครัวเรือน)
ซึ่งเเน่นอนมันจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคในระยะยาว
ไม่กี่คนที่จะออกไปซื้อรถยนต์และกลับไปที่โรงภาพยนตร์ทันที
ความเสียหายต่อภาคครัวเรือนมีความรุนแรงมากจนทำให้มาตรฐานการครองชีพแย่ลงเกือบทศวรรษ
คนงานหนุ่มสาวที่ทำงานรายชั่วโมงในอุตสาหกรรมบริการที่มีรายได้น้อย
อยู่เเล้วนั้นกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันกระแสเงินสดของบริษัท จะหยุดชะงักและจะฟื้นตัวอย่าง
ไม่สม่ำเสมอ..
ความล้มเหลวที่กล่าวมานี้ จะทำให้เกิดการฟื้นตัวเเบบ V-shaped recovery
ได้อย่างไร ถูกมั้ยครับ
Policymakers ได้มีการออก programs มามากมาย ซึ่งจุดประสงค์ เพื่อลดความรุนแรง
ของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้
เเต่การ sending checks for $1,200 to households
ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้เท่าไหร่นัก
เนื่องจากการให้เงินในครั้งนี้
ไม่ได้ถูกกำหนดเป้าหมายที่เเน่ชัด
หลายคนที่ทำงานและยังโอเคกำลังจะได้รับเช็คที่พวกเขาไม่ต้องการ..
เเละคนที่ต้องการเบินในส่วนนี้จริงๆ
ก็อาจเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินก้อนนี้
ผมไม่สามารถตำหนิกับทาง Fed สำหรับความตั้งใจที่ดีในการพยายามทำทุกอย่างด้วยอำนาจของตนในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติแต่ผลที่ไม่ได้ตั้งใจของ
นโยบายนั้นมีความสำคัญมาก
สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือการ
ซื้อหนี้ระดับคุณภาพของ Fed
นโยบายนี้ มันก็เหมือนกับการรักษาโรคตามอาการ เเต่ไม่ได้แก้ปัญหา
จากเเหล่งที่มาเลย
บริษัทหลายแห่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายขึ้นสูงสุด
เนื่องจากพวกเขานั่งทับอยู่บนการใช้ leverage ที่สูงมากๆ
ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำในรอบทศวรรษ
Fed purchases cannot turn bad debt into good debt...
Federal Reserve ได้สร้าง New nomal ใหม่ในตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
เเละเเน่นอนมันจะไม่สามารถหวนคืนกลับมาเป็นปกติได้อีก
Fed’s balance
ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวมเร็วภายในระยะเวลาเเค่หนึ่งเดือนเท่านั้น
from $4.5 trillion to $6.6 trillion
เเละดูเหมือนจะเกิน 9 trillion ในไม่ช้า
เเละสิ่งนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเเค่กับทาง Fed เท่านั้น
การขยายตัวของ Balance Sheet ของธนาคารกลาง
นั้นกำลังเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก..
(อันนี้น่ากลัวมากครับ)
มุมมองของบัง
จากการที่บังได้นั่งฟังคุณปู่ Warren Buffett พูดในงาน
Berkshire Hathaway annual meeting 2020 นั้น
บังรับรู้ได้เลยครับว่า คุณปู่ยังคงมองตลาดหุ้นสหรัฐว่ายังคงเเข็งเเกร่ง
เเต่บังก็อยากขอเตือนย้ำทุกคนอีกครั้ง
ในช่วงเวลานี้นั้น คุณปู่ Buffett กับคุณปู่ Munger
มี Position ในเงินสดที่สูงมากๆครับ
เเละถ้าใครติดตามคุณปู่มานาน เราจะรู้ได้เลยว่าทุกครั้งที่คุณปู่ขยับตัวเข้าซื้อหุ้นอะไร หรือปิดดีลหุ้นอะไรก็ตาม นั้นจะต้องเป็นดีลที่คุ้มค่ามากๆ
ซึ่งในส่วนนี้บังเคยเขียนไว้เเล้ว ถึงตอนที่คุณปู่ช้อนซื้อหุ้นของ
Goldman ครับ (เป็น Case Study ที่ดีมากๆ)
สนใจอ่านย้อนหลังได้ที่ลิ้งค์นี้เลยนะครับ
economictimes
ถ้าสายตาของคุณปู่ Warren Buffett เเละคุณปู่ Chalie Munger
ยังคงเฉียบคม (ซึ่งบังเชื่อเเบบนั้น)
หลังจากนี้จะต้องมี Big Event ตามมาอีกเเน่นอนครับ
- Position เงินสดที่มือยู่ในมือ กำลังจะเอาไปทำอะไร
-การเทขายหุ้นสายการบินทั้งหมด
-เนื้อหาที่คุณปู่ออกมาพูดในงาน annual meeting
 
ถ้าทุกอย่างเชื่อมโยงกันเเละกันอย่างมีเหตุผลหล่ะ ?
หลังจากนี้พวกเราจะเจอกับอะไร...
ส่วนตัวบังนั้น บังก็เป็นอีกคนนึงครับที่ชอบเเละหลงรักคุณปู่ Warren Buffett
เเต่เราก็ต้องอย่าลืม คิดวิเคราะห์ ทำการบ้านด้วยตัวเราเองด้วย
ฟังสิ่งที่พวกเขาพูด ทำตามสิ่งที่พวกเขาทำ..
มีความสุขกับการลงทุนนะครับ
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของทุกคนนะ
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด📚
ตอนนี้บังได้สร้างซีรี่ย์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ
ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยกด Like กดติดตาม
เเชร์บทความนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้บังด้วยนะครับ🖤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา