4 พ.ค. 2020 เวลา 11:35 • ปรัชญา
ผมอยู่บนดวงจันทร์ ออกแนวเพ้อฝัน แต่มีข้อคิดชวนอ่าน อ่านไปสร้างจินตนาการร่วมไปด้วยจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้เพลิดเพลินยิ่งขึ้นค่ะ
บนดวงจันทร์มีผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว และอ้างว้าง บ่อยครั้งที่ เขาเฝ้ามองไปยังขอบของดวงจันทร์ และมองลงไปยังพื้นโลก เขารู้สึกอิจฉาผู้คนที่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน เพราะเขาคิดว่าการได้พูดคุยกันกับคนอื่นมันคงจะรื่นรมย์มากกว่า การอยู่อย่างเงียบๆโดยลำพัง ในจักรวาลอันกว้างใหญ่
เขามักจะใช้นกหวีดแทนเสียงอื่นๆเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีเพื่อนแวดล้อมอยู่
จนอยู่มาวันหนึ่งเขาได้มองลงไปด้านล่าง และเห็นเทศมนตรีนายหนึ่ง ได้เดินทางมาใกล้ๆกับที่ๆเขาอยู่เมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้ ผู้ชายบนดวงจันทร์ จึงถามไปว่า
“ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปยังพื้นโลกได้อย่างไร”
“ทุกสิ่งล้วนสวยงาม” เทศมนตรีตอบ “ถึงฉันจะไม่ได้เป็นเจ้าของของทุกสิ่ง แต่ฉันก็ไม่มีวันทอดทิ้งสิ่งเหล่านั้น
ผู้ชายบนดวงจันทร์ถามต่อ ว่า ”แล้วมีที่แห่งใด ที่น่าไปเยี่ยมเยือนบ้างละ”
”โอ้ววว ใช่เลย ต้องเมืองนอวิช สิพ่อหนุ่ม มันเป็นเมืองที่แสนวิเศษสำหรับนายแน่ๆเลย ที่นั่นมีโจ๊กข้าวโอ๊ตที่แสนจะอร่อยขึ้นชื่อมาก ”เทศมนตรีตอบ จากนั้นเขาก็อำลาชายหนุ่มบนดวงจันทร์ และทิ้งให้ชายหนุ่มได้ใคร่ครวญถึงสิ่งที่เขาได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้
คำพูดของเทศมนตรี ทำให้เขากระวนกระวายใจมาก มันกระตุ้นให้เขารู้สึกอยากลงไปเยี่ยมชมยังพื้นโลกยิ่งนัก จากนั้นเขาก็เดินครุ่นคิด กลับไปยังบ้านของเขา และหยิบน้ำแข็งสองสามก้อน ใส่ลงไปในเตาผิง เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น จากนั้นเขาก็นั่งลงและเริ่มวางแผนการเดินทางทันที
เห็นไหมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนดวงจันทร์ดำเนินไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม กับความเป็นจริง เมื่อไรที่ชายหนุ่มต้องการความอบอุ่นเขาก็จะเคาะน้ำแข็งสักสองสามก้อน และใส่มันไปในเตาผิง
เขาทำให้น้ำดื่มเย็นขึ้นด้วยการโยนถ่านร้อนแดง ลงไปในเหยือกน้ำ ในทำนองเดียวกัน เมื่อเขารู้สึกหนาวเขาก็จะถอดหมวกและเสื้อโค้ท หรือแม้กระทั่งรองเท้า ก็ถูกถอดออก มันจะทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้น
เช่นกัน ในวันที่อากาศร้อน ของฤดูร้อนเขาก็จะสวมเสื้อคลุมเพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง
ทั้งหมดนี้คงดูแปลกมากสำหรับคุณโดยไม่ต้องสงสัย แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชายหนุ่มคนนี้ เพราะมันเป็นกิจวัตรที่เขาคุ้นเคยมานานแล้ว
เขานั่งอยู่ข้างกองไฟที่เย็นยะเยือก และคิดถึงการเดินทางของเขามายังโลก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ว่า มีเพียงทางเดียวที่จะไปถึงที่นั่นได้ คือ การลื่นถไลลงไปตามแสงจันทร์
และแล้วเขาก็ออกจากบ้านล็อคประตู และใส่กุญแจลงไปในกระเป๋า เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะไปนานแค่ไหน เขาเดินไปยังขอบของดวงจันทร์ และเริ่มมองหาแสงจันทร์ที่ดูดีและแข็งแรง
ในที่สุดเขาก็พบแสงจันทร์เส้นหนึ่งที่สาดส่องตรงไปยังจุดหนึ่ง ที่ดูน่ารื่นรมย์บนพื้นโลก เขาเหวี่ยงตัวเองไปที่ขอบของดวงจันทร์ และใช้แขนเกี่ยวแน่น รอบแสงจันทร์ และเริ่มที่จะไถตัวเองลงตามแนวของแสงจันทร์ แต่เขาพบว่ามันค่อนข้างลื่น ถึงแม้เขาจะใช้ความพยายามในการบังคับตัวเอง แต่เขากลับลื่นไปอย่างเร็วและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะถึงยังพื้นโลก เขาสูญเสียการทรงตัว และกลิ้งตกลงไปยังแม่น้ำ
น้ำเย็นเกือบจะลวกเขา ก่อนที่เขาจะรีบว่ายน้ำออกมา โชคยังเข้าข้าง ที่เขาอยู่ใกล้ฝั่ง เขาตะกายขึ้นบกแล้วนั่งลงหายใจหอบ
ณ ขณะนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ แสงร้อนของพระอาทิตย์ทำให้เขารู้สึกเย็นลงบ้าง เขาจึงเริ่มกวาดสายตามองไปยังที่ที่แปลกตารอบๆ ตัว และสงสัยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนบนโลก
ในตอนนั้นก็มีชาวนาเดินทางมาตามถนนริมฝั่งแม่น้ำพร้อมกับขบวนม้าลากหญ้าแห้ง ม้าต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ ในตอนแรกเขารู้สึกตื่นกลัวมาก เพราะไม่เคยเห็นม้าใกล้ๆ มาก่อน ยกเว้นเมื่อมองเห็นจากบ้านของเขาที่อยู่บนดวงจันทร์ฟ ซึ่งจากตรงนั้นเขามองเห็นพวกมันตัวเล็กกว่านี้
แต่เขาก็แสดงความกล้าหาญออกมา และพูดกับชาวนาว่า
“คุณช่วยบอกทางไป เมืองนอวิช ได้หรือปล่าวครับ”
‘’นอวิช เหรอ ?’’ ชาวนาถามย้ำ “ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ไหน แต่คงอยู่ที่ไหนสักแห่งทางใต้ น่ะพ่อหนุ่ม”
.”ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มตอบ
ชายหนุ่มหันกลับไปทางใต้ และเริ่มเดินโขยกเขยก ไปตามถนน เขามุ่งมั่นที่จะทำตามคำแนะนำของเทศมนตรีคนนั้น ซึ่งที่นั่นอาจทำให้เขาได้กินโจ๊กข้าวโอ๊ตที่แสนอร่อยตามคำร่ำลือ
และในที่สุดหลังจากการเดินทางที่ยาวนานและน่าเบื่อ เขาก็ได้มาถึงยังเมือง นอวิช และหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังแรกที่พบ ในเวลานี้เขาหิวมากจริงๆ
เขาเคาะประตูหน้าบ้าน ของผู้หญิงสวยคนหนึ่ง และถามอย่างสุภาพว่า “ที่นี่ใช่เมือง นอวิช หรือปล่าวครับคุณผู้หญิง” “ ใช่ค่ะ ที่นี่คือ นอวิช ” ผู้หญิงคนนั้นตอบ
“ผมมาที่นี่ เพื่อหวังว่าจะได้กินโจ๊กข้าวโอ๊ตสักถ้วย” ชายหนุ่มพูดต่อ “ผมได้ยินมาว่าคุณทำโจ๊กข้าวโอ๊ตได้อร่อยที่สุดในโลก ”
“ใช่ค่ะ เราทำโจ๊ก” ผู้หญิงตอบ “คุณเข้ามาข้างในก่อนสิคะ ฉันมีโจ๊กที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เยอะเลยค่ะ ฉันจะแบ่งให้คุณนะคะ”
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ และ เดินเข้าไปในบ้าน
หญิงคนนั้นถามเขา “คุณจะรับแบบร้อน หรือ เย็น คะ?”
“โอ้ว เย็นแน่นอนครับ ผมเกลียดการกินของร้อนที่สุดเลย” ชายหนุ่มตอบ
ในไม่ช้าหญิงสาวก็นำโจ๊กข้าวโอ๊ตเย็น มาให้เขาหนึ่งถ้วย ชายหนุ่มหิวมากเขาจึงตักโจ๊กคำโต ขึ้นมาคำแรก ไม่รอช้า เขาใส่มันเข้าไปในปาก แต่แล้วเขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียง และเริ่มเต้นเร่าๆไปรอบๆห้อง
แน่นอนโจ๊กที่เย็นบนโลกนี้ ย่อมร้อนสำหรับเขา ดังนั้นโจ๊กเย็นๆคำโตนั้นจึงทำให้ปากของเขาไหม้และพอง
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
“จะบ้าเหรอ” ชายหนุ่มแฝดเสียงใส่ “ ทำไมโจ๊กคุณมันถึงร้อนขนาดนี้ มันทำให้ปากผมไหม้ไปหมดแล้ว”
“ ไร้สาระ ” หญิงสาวตอบกลับ “โจ๊กมันก็เย็นอยู่แล้วนี่นา”
“ เธอก็ลองกินดูสิ ” เขาร้องคร่ำครวญออกมา ดังนั้นเธอจึงลองกินโจ๊กดู มันอร่อย และเย็นมาก
แต่มันกลับทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจที่เห็นเธอกินโจ๊กถ้วยเดียวกันกับถ้วยที่ทำให้ปากเขาไหม้และพองแต่เธอกลับไม่เป็นอะไร เขารู้สึกตื่นกลัวมากและวิ่งออกจากบ้านหลังนั้น ไปยังถนนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ตำรวจที่อยู่ตรงหัวมุมถนนมองเห็นเขากำลังวิ่ง จีงตรงเข้าไปจับกุม เขาถูกส่งตัวไปยังผู้พิพากษาเพื่อดำเนินการไต่สวน
“ คุณชื่ออะไร ?” ผู้พิพากษาถาม
“ ผมไม่มีชื่อ ” ชายหนุ่มตอบ แน่นอนเพราะเขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่อยู่บนดวงจันทร์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชื่อ
“ทำไม ก็ผมเป็นคนที่อยู่บนดวงจันทร์ ”
“ ไร้สาระ ”ผู้พิพากษาพูด สายตาจ้องเขม็งไปที่ผู้ต้องหา “คุณอาจเป็นคน แต่คุณไม่ได้อยู่บนดวงจันทร์ คุณอยู่ในนอวิช ต่างหาก ”
“ มันก็ใช่นะ ” ชายหนุ่มตอบด้วยความมึนงง
“ และแน่นอน คุณต้องถูกเรียกว่าอะไรสักอย่าง ” ผู้พิพากษา พูดต่อ
“ ถ้าอย่างนั้นก็ ดีแล้ว ” ผู้ต้องหากล่าว “ ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่บนดวงจันทร์ ผมก็คงต้องเป็นผู้ชายที่อยู่นอกดวงจันทร์ เรียกผมอย่างนั้นก็ได้ครับ ”
“ ดีมาก” ผู้พิพากษาตอบ “ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น คุณมาจากไหน”
“ ดวงจันทร์ ”
“ โอ้วว จริงหรือนี่ ” “ แล้วคุณมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ”
“ ผมลื่นถไลลงมาตามแสงจันทร์ ”
“ จริงรึ ดีละ แล้วคุณวิ่งทำไม ? ”
“ ผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ผมกินโจ๊กเย็น แล้วมันทำให้ปากผมไหม้และพอง ”
ผู้พิพากษามองมาที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจสักครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “ บุคคลนี้บ้าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นให้พาเขาไปโรงพยาบาลบ้า และให้เขารักษาตัวอยู่ที่นั่น ”
เหตุการณ์นี้จะกลายเป็นชะตากรรม ของชายหนุ่ม แน่นอน ถ้าไม่มีการปรากฏตัวของ นักดาราศาสตร์แก่ๆคนหนึ่ง ผู้ซึ่งมักจะใช้กล้องโทรทัศน์ของเขาเพื่อส่องมองดูดวงจันทร์ และทำให้เขาได้พบว่าสิ่งที่ร้อนบนโลก คือสิ่งที่เย็นบนดวงจันทร์ และสิ่งที่เย็นที่บนโลกคือสิ่งที่ร้อนบนดวงจันทร์ เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดได้ว่า ชายหนุ่มพูดความจริง ดังนั้นนักดาราศาสตร์จึงได้ขอร้องผู้พิพากษาให้รอสักสองสามนาที เพื่อให้เขาได้มองผ่านกล้องโทรทัศน์ เพื่อดูว่ามีผู้ชายอยู่บนดวงจันทร์หรือไม่ เมื่อถึงตอนกลางคืน นักดาราศาสตร์จึงนำกล้องโทรทัศน์มาและส่องมองไปที่ดวงจันทร์ ทำให้ได้พบความจริงว่า ไม่มีคนอยู่บนนั้นเลย
“ ดูเหมือนว่าจะจริง” นักดาราศาสตร์ผู้สูงวัยกล่าว “ ผู้ชายคนนั้นมาจากดวงจันทร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“ ให้ผมดูปากคุณหน่อยสิ ผมจะดูว่ามันไหม้จริงหรือปล่าว”
จากนั้นชายสูงวัยจึงถ่างปากเขาให้อ้าออก และทุกคนในห้องนั้นก็ได้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ปากของชายหนุ่มไหม้และพองจริง
ครั้นแล้วผู้พิพากษาจึงได้ขอให้ชายหนุ่มยกโทษให้เขา ที่เข้าใจผิด และได้ถามชายหนุ่มว่า อยากทำอะไรต่อไป
“ ผมอยากกลับไปยังดวงจันทร์ ” ชายหนุ่มบอก “ ผมไม่ชอบโลกของพวกคุณเลย กลางคืนก็ร้อนมากเกินไป ”
 
“ ผมจะบอกคุณว่าเราควรทำอะไร ” นักดาราศาสตร์ให้ข้อสังเกต “ มีบอลลูนขนาดใหญ่ในเมืองนี้ซึ่งเป็นของคณะละครสัตว์ ที่มาที่นี่เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว และถูกจำนำไว้ เราสามารถส่งชายผู้นี้กลับสู่บ้านดวงจันทร์ของเขาได้ ด้วยบอลลูนนี้ ”
“ เป็นความคิดที่ดีมาก ” ผู้พิพากษาตอบ
จากนั้นบอลลูนก็ถูกนำมาทำให้พองลมขึ้น ชายหนุ่มถูกนำมาขึ้นบอลลูน และเขาได้พูดว่า “ไปกันเถอะ ” จากนั้นบอลลูนก็ได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ตรงไปยังดวงจันทร์
ชาวนอวิช ได้ยืนอยู่บนพื้นโลก และพากันแหงนมอง บอลลูนสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งชายหนุ่ม ได้เอื้อมถึงขอบของดวงจันทร์ และในเวลาไม่นานเขาก็ได้กลับไปเป็นผู้ชายบนดวงจันทร์อีกครั้ง
หลังจากการผจญภัยครั้งนี้ทำให้ชายบนดวงจันทร์รู้สึกพึงพอใจกับการอยู่บ้านของเขายิ่งนัก
และฉันไม่เคยสงสัยเลยว่า ถ้าคุณมองผ่านกล้องโทรทัศน์ คุณจะเห็นเขาอยู่บนนั้นจนตราบเท่าทุกวันนี้
จากเรื่องราวของชายหนุ่มบนดวงจันทร์ สะท้อนถึงความจริงของชีวิตว่าบางครั้งการแสวงหาความแปลกใหม่ หรือสิ่งใหม่ ก็อาจไม่ใช่จุดหมายของชีวิต
จุดหมายของชีวิตอาจอยู่ที่ที่เราเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน เพียงแต่เรารู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเรา หรือเลือกที่จะมีความสุขกับการพอเพียง เลิกไขว่คว้าสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ และจงเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข
Man in the moon
แปลและเรียบเรียงโดย บทความและเรื่องสั้นน่าอ่าน by พริกไทย
โฆษณา