4 พ.ค. 2020 เวลา 07:36 • ประวัติศาสตร์
ตามรอยตำนาน "มนุษย์กินคน" ที่แว้ง-นราธิวาส
ผู้เฒ่า - คนนำทาง พาเราดุ่มเดินเข้าสู่ผืนป่าแห่งตำนานอันสยดสยอง
"พวกมันมีรวมกันทั้งหมดประมาณ ๓๐ คน"
"รังหรือบ้านคือโพรงดิน ทางเดินเป็นร่องน้ำเชื่อมต่อกันหมด"
"หน้าตาเหมือนพวกคนป่าซาไก แต่ถือเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งแยกมาต่างหาก"
"ลักษณะเหมือนพวกเรานี่แหล่ะ แต่ที่พิเศษ คือ มีหางยาวประมาณคืบ"
"ชอบกินเนื้อมนุษย์ ไม่ปรุงแต่งอะไรเลย แต่จะฉีกกินแบบสดๆ"
ฯลฯ และ ฯลฯ
เขาพาเราเดินตัดป่ายาง สู่ป่าพรุเจิ่งน้ำ ข้ามลำธาร ไต่ผาเล็กๆ เพื่อตามไปพิสูจน์ร่องรอยของ "บาเตาะ" ตำนานมนุษย์กินคนที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส
ใครบางคนลื่นไถล ก้นจ้ำเบ้าเปื้อนโคลน รีบลุกแล้วก้าวเดินต่อ ใครบางคนสังเกตบรรยากาศสุดวังเวง เหมือนมีม่านเงาบางอย่างเคลื่อนไหววูบวาบ ใครบางคนก้มลงหยิบทากดูดเลือดออกจากง่ามเท้า เลือดสดๆ ไหลรินแดงฉาน ก่อนจะถึงเนินดินบริเวณรังนอนหรือบ้านของมนุษย์กินคนในตำนาน ฟ้าที่สว่างกลับเหมือนมีม่านดำกดทับ
ภาพเท่าที่เห็น มีหลายเนินดินกระจายทั่วพรุน้ำกลางป่า หากปีนขึ้นไปกระทืบเท้าดู หรือหาเศษไม้ทุบเคาะ จะได้ยินเสียงก้องเหมือนกลวง เพราะภายในคือบ้านของมนุษย์กินคน บริเวณใกล้ๆ บางจุดมีธารน้ำสีขุ่นข้น เราจ้องมอง "น้ำวิเศษตามความเชื่อของบาเตาะไว้ใช้ดื่มกิน ดื่มแล้วจะมีพลังมาก" เสียงผู้เฒ่าแทรกความเงียบเหมือนรู้นัยสิ่งที่เราคิด
คนนำทางเล่าว่า ทุกวันนี้ยังมีลูกหลานเผ่าพันธุ์มนุษย์กินคนเหลืออยู่ คืนวันที่ชาวบ้านรู้ความลับว่าบาเตาะคือเผ่าพันธุ์มนุษย์กินคน จึงร่วมกันวางแผนรุมฆ่า ด้วยการเอาน้ำยางราดรดบ้านในโพรงหลังจากหลอกให้กินกลอยกันจนเมามาย แล้วจุดไฟเผา ทว่าท้ายที่สุด กลับมีคนหนึ่งที่รอดตายหนีไปได้ ด้วยการกระโดดลงแม่น้ำสุไหง-โกลก ดำผุดดำว่ายข้ามน้ำไปอีกฟากฝั่ง
ว่ากันว่า มนุษย์กินคนคนสุดท้ายหนีรอดไปได้ ยังคงขยายเผ่าพันธุ์และกลายพันธุ์ไปในหลายรูปแบบ ใครคนนั้นอาจกำลังยืนอยู่ข้างคุณ ส่งยิ้มด้วยนัยน์ตาวาวแววแฝงนัยหมายมาด ...
ตามรอย "มนุษย์กินคน"
โฆษณา