7 พ.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ บาร์กเตซ : #ประตูผีที่บ้าคลั่ง (3) ]
ฤดูร้อนปี 2000 แมนฯยูไนเต็ดต่อสายหาโมนาโก เพื่อเจรจาขอซื้อ ฟาเบียง บาร์กเตซ
ดีลนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ตัวนักเตะเข้าแคมป์อยู่กับทีมชาติฝรั่งเศส เตรียมพร้อมทำศึกยูโร 2000 มันจึงค่อนข้างฉุกละหุก
อย่างไรก็ตามทุกอย่างราบรื่นดีเหลือเชื่อ แทบไม่มีปัญหาติดขัดอะไร บาร์กเตซ เองต้องการความท้าทายครั้งใหม่ พรีเมียร์ลีกย่อมมีแรงดึงดูดมหาศาลให้เข้าหา
โมนาโกเองก็พอใจค่าตัว 7.8 ล้านปอนด์ ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ อีกทั้งนักเตะอยู่รับใช้มานานถึง 5 ปีแล้ว ถึงเวลาจะตอบแทนกันบ้าง
ตอนนั้นสาวกปีศาจแดงเชื่อว่า การเฟ้นหาตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากซีซั่นก่อนผิดหวังมาจาก มาร์ค บอสนิช ซึ่งไร้มาตรฐานหาความแน่นอนไม่ได้ จนต้องสลับใช้กับ ไรมอน ฟาน เดอร์ ฮาว และ มัสซิโม ตาอิบี้ ซึ่งก็แย่พอกัน
นอกจากยึดมือ 1 ทีมชาติฝรั่งเศสแล้ว บาร์กเตซ ยังพกดีกรีแชมป์โลกและแชมป์ยูโรในช่วงเวลาแค่ 2 ปี รวมถึงเป็นแกนหลักของโอลิมปิก มาร์กเซย ชุดผงาดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาล 1992/93 ด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น
พอย้ายมาโมนาโกก็ผลักดันจนครองแชมป์ดิวิชั่น 1 เดิมหรือลีกเอิงในปัจจุบันนี่แหล่ะอีก 2 ครั้ง ถ้าดูเหรียญรางวัลและบารมีแล้ว บาร์กเตซ มีเต็มเปี่ยม
ที่บ้านเกิดเขาถูกเรียกว่า Le Divin Chauve (The Divine Bald One) หรือ "เทพโล้น" ซึ่งมาจากเอกลักษณ์ทรงผมที่โกนเหี้ยนอยู่ตลอด บวกกับลีลาเหินหาวผาดโผนเมื่อยืนตระหง่านระหว่างสองเสาประตู
ประสบการณ์และความเชื่อมั่นคือสองคุณสมบัติหลักๆที่ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พอใจในตัว บาร์กเตซ
อย่างไรก็ตามกฏใหม่ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงไม่นาน ห้ามผู้รักษาประตูใช้มือรับหากว่ามีการใช้เท้าส่งคืนกลับมา บีบให้ตำแหน่งนายด่านสุดท้ายต้องมีไหวพริบและการปรับตัว
บาร์กเตซ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโกลที่เปิดบอลด้วยเท้าดีมากๆ วางแม่นยำเหมือนใช้มือเขวี้ยง บางครั้งเปลี่ยนจังหวะเล่นเกมบุกอย่างเฉียบพลัน นำไปสู่การได้ประตู
นอกจากนี้สิ่งที่ขับให้เขาโดดเด่นยิ่งขึ้นคือ สไตล์แต่งตัวที่ไม่เหมือนผู้รักษาประตูทั่วไป
ส่วนใหญ่จะสวมเสื้อแขนสั้น ไม่ชอบแขนยาวเพราะเกะกะรำคาญ บางทีตัดแขนเอาเองด้วยซ้ำและมักจะเป็นเบอร์ 16 ตามเคล็ดมากกว่าเบอร์ 1
เรายังมักจะเห็นแอ็กชั่นอย่างการถลกกางเกงขึ้นไปถึงต้นขา แล้วตะโกนปลุกกระตุ้นตัวเองในยามที่ฟอร์มไม่เป็นไปดั่งใจนัก
ไม่ใช่แค่นั้น บาร์กเตซ ยังเป็นพวกชอบเสี่ยง มักจะมีช็อตหวาดเสียวเลี้ยงบอลหลบพวกกองหน้าฝั่งตรงข้าม เหมือนติดประมาท แต่ปรัชญาชีวิตของเขาคือรู้ว่าเสี่ยง แต่ยังขอลอง
1
เขาเป็นพวกแหกขนบนอกคอก รวมทั้งยังเชื่อในเรื่องของโชคลางมากๆ
คงมีนักเตะไม่กี่คนหรอก ที่กล้าปลิ้นกางเกงแล้วฉี่ใส่พื้นหญ้า ระหว่างที่ลงเล่นและเกมยังดำเนินตามปกติ โดยไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น
1
นั่นคือภาพลักษณ์ในสนามที่สะท้อนถึงความบ้าบิ่น จนหลายครั้งดูเหมือนจะเยอะเกินคำว่าเหมาะสม
ส่วนนอกสนาม บาร์กเตซ มีความแปลกแยกเช่นเดียวกัน นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทไม่กี่คนแล้ว เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก
อย่างไรก็ตามเขาคือตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้ โลร็องต์ บลองก์ ย้ายมาเล่นกับแมนฯยูไนเต็ด ในช่วงสั้นๆก่อนแขวนสตั๊ด
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้แน่นแฟ้นมากๆ เราคุ้นเคยกับภาพที่ บลองก์ มักจะบรรจงจุมพิตศีรษะโล่งเตียนของ บาร์กเตซ ไม่ว่าจะในสีเสื้อทีมชาติฝรั่งเศสหรือแมนฯยูไนเต็ด
อีกหนึ่งสิ่งที่บอกความเป็นตัวตนของเขาคือบุหรี่
แม้จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับนักฟุตบอล แต่ บาร์กเตซ ไม่ใส่ใจเลย ยอมรับว่าติดจริงและต้องสูบเสมอก่อนลงเฝ้าเสา ไม่อย่างนั้นร่างกายจะเหมือนขาดแรงกระตุ้น
"ผมไม่ได้ต้องการให้คนเอาเยี่ยงอย่าง แต่นั่นมันคือความต้องการของผม"
หลังประกาศแขวนถุงมือในปี 2007 หลายคนคิดว่าเขาจะเดินทางสายโค้ช เพราะมีบุคลิกและวิชาความสามารถเกื้อหนุน
แต่ บาร์กเตซ หย่าขาดกับเกมลูกหนังไปเลย เมินคำแนะนำและเสียงเรียกร้องต่างๆ
เพราะหัวใจของเขาร่ำร้องบางอย่างอยู่แล้ว
"ผมชอบมอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว มีความฝันอยากจะพาตัวเองนั่งอยู่หลังพวงมาลัย กระทืบคันเร่งท้าทายความเร็ว"
1
"มันคงน่าตื่นเต้นมาก หากคุณจะได้ประลองความเร็วและผมวางแผนไว้แล้วว่าหลังรีไทร์จากฟุตบอล มันจะต้องเกิดขึ้น"
แทบไม่มีใครรู้มาก่อนว่าช่วงเว้นวรรคจากฟุตบอล บาร์กเตซ มักจะพาตัวเองไปยังสนามแข่งรถ เปลี่ยนบทบาทจากผู้รักษาประตู มาเป็นตีนผีจอมซิ่ง
เขาไม่ต้องใช้เวลามากเลย เพราะคุ้นเคยกับวงการมอเตอร์สปอร์ตมาพักใหญ่ จึงเริ่มเทิร์นโปรคล้อยหลัง 1 ปีที่หย่าขาดจากฟุตบอล
จากถุงมือผู้รักษาประตู เปลี่ยนสวมถุงมือนักซิ่ง มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่นั่นคืออีกหนึ่งความสุขที่ บาร์กเตซ รอคอยมานาน
บาร์กเตซ เคยให้สัมภาษณ์ บิเชนเต้ ลิซาราซู อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศส ในสารคดีโทรทัศน์ของฝรั่งเศสรายการ Brothers of Sport ของ L'Equipe ถึงชีวิตใหม่ หลังจากไม่ต้องยืนคุมสองเสาประตูอีกต่อไป
แผนนี้เริ่มขึ้นในปี 1998 หลังนำฝรั่งเศสประกาศศักดาครองแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จึงได้พบกับ โอลิวิเยร์ ปานีส์ นักแข่งเอฟวันมือฉกาจ ผู้ที่หลงไหลความเร็วเหนือสิ่งอื่นใด
ปานีส์ ถ่ายทอดประสบการณ์หลังพวงมาลัยจน บาร์กเตซ อดตื่นเต้นไม่ได้ โดยเฉพาะกำลังที่บอกไว้ว่า ถ้าคุณพาฝรั่งเศสครองแชมป์โลกได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเปลี่ยนมาเอาดีทางด้านความเร็ว
มันสะท้อนถึงสภาพจิตใจที่พร้อมแบกรับความกดดันต่างๆ และไม่เกรงกลัวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้จะต้องเดิมพันกับชีวิตหรืออาการบาดเจ็บก็ตาม
นอกจากนี้ บาร์กเตซ ยังมีความเชื่อว่า ในวันที่ยังมีเรี่ยวแรงที่จะไล่ล่าความสำเร็จและเดินตามความฝัน ก็จงอย่าหยุดรีรอให้เสียเวลา
ปี 2008 หลังจากที่เข้าแข่งขันในรายการ Porsche Carrera Cup France จากนั้นยังลงซิ่งในรายการ French GT Championship ซึ่งขยับดีกรีขึ้นมาอีก
อีก 2 ปีถัดมาเขาซิ่งจนคว้าแชมป์ ได้ขึ้นโพเดียมระเบิดจุกแชมเปญฉลอง รายการ FFSA GT Championship ซึ่งแข่งที่ดิฌง นอกจากนี้ยังเข้าวินก่อนใครในสนามที่สองที่ของรายการ Circuito de Navarra
นับวัน บาร์กเตซ ยิ่งสนุกกับโลกของความเร็ว แพสชั่นยังเต็มเปี่ยมและความท้าทายที่รออยู่ก็ปลุกเร้าให้ต้องไขว่คว้ามาให้ได้
ปี 2013 เป็นช่วงที่ บาร์กเตซ สั่งสมประสบการณ์มาเต็มที่ ก่อนผงาดแชมป์ French GT อย่างยิ่งใหญ่ มันให้ความรู้สึกเหมือนชูโทรฟี่แชมป์โลก แชมป์ยูโร ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกและพรีเมียร์ลีกไม่มีผิด
ไม่นานจากนั้นเกิดแรงบันดาลใจตั้งทีมของตัวเองขึ้นมา ตระเวนแข่งในรายการต่างๆ และประสบการณ์ที่เลอมังส์ น่าจะต้องทำให้เขาจดจำไปตลอดชีวิต
เมื่อเขาเหยียบคันเร่งสุดชีวิต ก่อนมีการบันทึกไว้ที่ตัวเลขสถิติ 206 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกับพวกนักแข่งระดับโลกเลยทีเดียว
"แข่งความเร็วรถนี่ มันไม่ต่างจากฟุตบอลหรอกในความรู้สึกของผม เพราะไม่ว่าอย่างไรคุณต้องเจอกับความกดดันและผมไม่เคยกลัวมัน คิดว่าเราต้องฝ่าไปให้ได้"
1
"ผมรับได้หากเราต้องเป็นผู้แพ้ ในเกมฟุตบอลคือสิ่งปกติอยู่แล้ว เรื่องของเรซซิ่งก็ด้วยหล่ะ แต่เมื่อเราแพ้แล้ว ผมจะมุ่งมั่นว่าจะต้องลุกขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ชนะบ้างให้ได้"
"การปลุกเร้ากับตัวเองคือสิ่งที่ผมยึดมั่นมาเสมอ รวมถึงการสรุปบทเรียนจากความผิดพลาดของเราก็ต้องมีด้วยเช่นเดียวกัน"
แม้จะเป็นพวกแหกคอก ไม่อยู่ในกรอบเหมือนคนทั่วไป แต่นั่นอาจเป็นตัวแปรสำคัญช่วยผลักดันให้ บาร์กเตซ ประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เลือกเดิน
ถ้าคุณมีความสุข สนุกกับสิ่งที่ได้ทำ ความสำเร็จจะคือบันไดขั้นต่อไป
นั่นแหล่ะคือวิถีของ บาร์กเตซ อย่างแท้จริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา