7 พ.ค. 2020 เวลา 13:45 • ความคิดเห็น
หมดรัก..อย่าร้าย
วันนี้เห็นข่าวสามีฆ่าภรรยา โดยมีมูลเหตุจูงใจอ้างว่าภรรยามีชู้ แม้เป็นข่าวเล็กๆในหน้าข่าวสังคมทั่วไป แต่ก็ทำให้สะกิดใจผู้เขียนขึ้นมาอีกครั้ง
มนุษย์เราเริ่มต้นเกิดมา มีความรักตัวเอง
อย่างที่สุดเป็นที่ตั้ง จนได้มาเจอกับความรัก
ของพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนรัก
โดยเฉพาะความรักในรูปแบบของคนรัก
เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์
ในทางใดทางหนึ่งมาก่อนเลย
มาเจอกันแล้ว ถูกใจ ถึงรักกัน ยอมผูกพัน
กันด้วยตัวและหัวใจ หรือยิ่งกว่านั้นก็ด้วย
สถานภาพสมรสทางกฎหมาย
ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่า ไม่มีใครบังคับให้ใครรัก
หรือไม่รักใครได้ และความดีที่ทุ่มเทอย่างสุด
ชีวิตให้กับใคร ไม่ได้หมายความว่าสุดท้าย
จะได้รับผลตอบแทนเป็นความรักเสมอไป
แต่ทำไมข่าวสามีฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามี
แฟนเก่าฆ่าแฟนที่ตามง้อไม่สำเร็จ กำลังมี
ให้เห็นมากขึ้นทุกที
อะไรทำให้คนเราเข้าใจผิดไปว่า เมื่อมีความรัก
มีความผูกพัน มีความรู้สึกเป็นเจ้าของกันและกันแล้ว จะทำให้มีสิทธิทำร้ายหรือทำลายชีวิตกันได้แบบนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ว่า ถ้าเธอไม่รักฉันแล้ว มันคือความผิดบาปอย่างมหันต์ ต้องได้รับการลงโทษ และเธอจะไปรักใคร ไปมีความสุขกับใครไม่ได้อีกเลย
แม้แต่พ่อแม่ในฐานะผู้ให้กำเนิด เลี้ยงมาจนเติบโต ซึ่งเปรียบได้กับผู้ให้ชีวิต บุญคุณล้น
เหลือขนาดนั้นยังไม่มีสิทธิ เอาชีวิตของเรา
คืนไปจากเรา
แล้วแค่การอ้างสิทธิของความเป็นคนรัก
มันยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนกัน
และหากถึงขนาดที่กลายเป็นความเกลียดชัง
ถึงขั้นทำร้าย ทำลายชีวิตอีกฝ่ายได้
.
.
แน่นอนว่า สิ่งนั้นย่อมไม่อาจเรียกได้ว่า
เป็นความรักอีกต่อไปแล้ว
วันแรกที่ได้เจอหรือรู้จักกัน เขาคือคนอื่น
วันสุดท้ายที่ได้เจอและจากกันเขาก็อาจ
กลายเป็นแค่คนแปลกหน้าอีกคนที่คุ้นเคย
แต่ทำไมคำว่า "เรื่องของผัวเมีย" กลับกลาย
เป็นคำประกาศิต ที่ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า
ฉันมีสิทธิรักและครอบครองในตัวของ
อีกฝ่ายอย่างเต็มที่
.
.
ซึ่งมันเป็นแบบนั้น
จริงๆหรือเปล่า
.
.
.
และสิทธินั้นมีถึงขั้นนำมาอ้างได้อย่าง
ชอบธรรมเพื่อใช้ทุบตี ทำร้าย หรือ
ทำลายชีวิตกันได้เชียวหรือ
ผู้เขียนไม่ได้จะนำเสนอในแง่มุมของการยอมรับหรือสนับสนุนให้คนเราเปลี่ยนใจง่าย หรือคบซ้อนหลายๆคน เพราะนั่นย่อมเท่ากับเป็นการ
ใช้ความสุขของเราสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น หากเขาหรือเธอคนนั้นไม่ได้ยินยอมพร้อมใจด้วย
แต่ผู้เขียนแค่เชื่อว่า ใจคือสิ่งที่เปลี่ยนกันได้
และเป็นของที่บังคับไม่ได้ บ่อยครั้งความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด
ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
1
และความรักต้องไม่ใช่ข้ออ้างในการฉุดรั้ง ลงโทษ ทำร้าย หรือทำลายชีวิตคนที่เรา
บอกว่ารักหรือเคยรักเขาก็เท่านั้น
เพราะหากเรารักใครสักคนจริงๆ เกือบจะเท่า
ที่เรารักตัวเราเอง เราควรต้องยินดีในความสุข
ของเขาเสมอ
ความรักที่แท้จริง ควรเป็นรักที่ประกอบด้วยเมตตา และปรารถนาให้เขาคนนั้นมีความสุข
แม้ว่าสุดท้ายความสุขนั้น จะเกิดขึ้นในขณะ
ที่เขาไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม
ถ้าบังเอิญไปรักคนไม่ดี แล้วต้องเสียคนคนนั้นไป ก็ต้องถือเป็นความโชคดีของเรา
.
.
.
วันนี้อาจเสียใจ แต่วันนึงเราจะขอบคุณ
ความโชคดีนั้น
แต่ถ้าบังเอิญได้รักคนดีๆ แล้วต้องจากกันด้วยความที่เราไม่เต็มใจ การปล่อยเขาให้ได้ไปอยู่กับสิ่งที่เป็นความสุขของเขา ก็น่าจะทำให้เราเสียใจเจ็บปวดน้อยลง เพราะอย่างน้อยก็คือการที่เราได้ตอบแทนความดีของเขา
.
.
.
ด้วยการทำให้เขามีความสุขอีกครั้ง
แม้จะเป็นครั้งสุดท้าย
หากวันนี้ ความรักของเขาคนนั้นหมดไปแล้ว
แต่ความรักในใจของเรายังอยู่ ก็ร้องไห้
ออกมาให้พอ เสียใจให้ถึงที่สุด แล้ววันนึง
ถึงแม้ว่าเราจะยังจดจำเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
ได้อยู่ แต่เชื่อเถอะว่า เราจะรู้สึกกับมันต่าง
ออกไป และความทุกข์ที่มีในวันนี้
จะจางหายไป โดยที่เราไม่จำเป็น
ต้องทำอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ
หมดรัก ไม่ได้หมายความว่าต้องเกลียดชังกัน
หมดรัก ได้โปรดอย่าทำร้าย
โฆษณา