7 พ.ค. 2020 เวลา 09:50 • ธุรกิจ
น้ำมันโลกน่าลงทุนไหม?
เมื่อเดือนก่อนใครที่เทรดน้ำมัน WTI กันอยู่คงเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี ส่วนใครที่ไม่ได้เทรด อย่างน้อยๆก็ต้องเคยได้ยินข่าวราคาน้ำมัน WTI ติดลบ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ราคามันลงมาจาก 30$ มาสู่ระดับ 0$ หรือติดลบ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเราจะลงทุนในตลาดน้ำมันได้อย่างไร วันนี้ผมจะมาแชร์มุมมองของผมต่อตลาดน้ำมัน รวมถึงข้อดีข้อเสียของการลงทุนครั้งนี้ด้วย
จะเห็นว่าตะวันออกกลางจะผลิตเก่งมากต้นทุนต่ำสุดๆ ต่ำกว่า 10$/barrel แต่นอกนั้นส่วนใหญ่เกิน 20$/barrel แสดงว่าหากราคาตลาดอยู่ที่ 20$/barrel บริษัทส่วนใหญ่จะกำลังขาดทุน และหากราคายังไม่ยอมกลับไปเหนือ 30$ เราก็จะได้เห็นบริษัทจำนวนมากต้องปิดกิจการไป ทำให้ Supply ลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเอง ตามหลัก Demand Supply
ในส่วนนี้ถือว่าเป็นบริเวณที่น่าลงทุนแล้ว 20$/barrel คิดเป็นประมาณ 4 บาท/ลิตร ถูกกว่าน้ำเปล่าเสียอีก ในจุดนี้เราจึงสรุปได้เลยว่าน้ำมันน่าลงทุนมาก หากเราสามารถเอาน้ำมันมาเก็บไว้หลังบ้านได้อะนะ และต้องทนถือได้นานพอ อย่างน้อยๆก็ต้องรอให้มีบริษัทล้มกันหลายๆเจ้า ประเด็นคือเราไม่สามารถซื้อน้ำมันมาเก็บไว้หลังบ้านเราได้ แต่เราสามารถลงได้โดยการซื้อ WTI Future หรือซื้อกองทุนน้ำมันไปเลย แต่มันก็มีปัญหาอีก
WTI Future คือสัญญาการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า หรือการซื้อกองทุนน้ำมัน กองทุนก็จะเอาเงินเราไปซื้อ WTI Future ให้เราอีกทีนึง โดยภาพรวมคือเหมือนกัน คือการลงทุนในตลาด WTI Future ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ WTI Future มันมี Cost ของการถือคลองสูงมากๆ ในช่่วงนี้ ผมขอเรียก Cost นี้ว่า Rollover cost มันเป็นค่าใช้จ่ายในวันหมดสัญญา แล้วเราต้องการถือสัญญาต่อไป เช่น ปัจจุบันเราซื้อสัญญาเดือนมิถุนาที่ราคา 20$ ต่อเราถือสัญญาจนหมดอายุ เราจึงจำเป็นต้องต่อสัญญาไปอีก 1 เดือน ซึ่งเราต้องจ่าย Rollover cost นี้ ที่ 3$ (ปกติ Rollover cost ไม่เกิน 0.5$ ช่วงนี้ผิดปกติ) ซึ่งถือว่าแพงมากๆ เหมือนเราลงทุน 20$ หากถือไว้นานๆ ต้องเสียค่าถือครอง 3$ ต่อเดือน คิดเป็น 15% ของมูลค่าการลงทุนของเราเลย Concept มันประมาณนี้แล้วกัน ประเด็นคือเราอยากลงทุนอะ เอาไงดี
จากที่ผมเทรดน้ำมันมา ผมขอบอกก่อนเลยว่ามันไม่ง่ายนะ แต่เราทำได้ จริงอยู่ที่ปัญหาตอนนี้คือ Rollover cost แต่ข้อดีคือมันผันผวนสูงมากๆ ดังนั้นแนะนำให้เราแบ่งพอร์ตของเราเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือส่วนของการลงทุนระยะยาว ส่วนที่สองคือส่วนของการเทรดสั้น โดยใช้กลยุทย์เทรดความผันผวน กลยุทย์ที่ใช้เก็บความผันผวน เช่น เทรด Grid trading แล้วใช้ Leverage 1 เท่านั้น ซึ่ง Cash flow ที่ได้จากการเทรดสั้น เราจะนำไป Cover Rollover cost หากใช้วิธีนี้จะทำให้ mindset เราไม่เสีย เราจะไม่รู้สึกโดนบีบให้ต้องปิด Position จาก Rollover cost ที่แพง ทำให้เราลงทุนระยะยาวได้ตามแผนที่เราวางไว้
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง มันไม่เหมาะกับมือใหม่เท่าไหร่ เพราะการเทรดบนความผันผวนต้องมี mindset แบบว่าราคาลงมาเราผิดทาง แต่ไม่รู้สึกอะไร โฟกัสที่ Cash flow เป็นหลัก เอาง่ายๆลงมาแรงๆ ต้องกล้าซื้ออะ หากใครที่ยังไม่เข้าใจ Concept นี้จริงๆ ผมไม่แนะนำให้ทำนะครับ เพราะจะนำไปสู่การ Stop lose และเกิดการสูญเสียในที่สุด หากใครอยากศึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้ทำความเข้าใจ concept ของ KZM ก็ก็ได้ครับ
ตามลิ้งนี้เลย : https://bit.ly/2Sg2Xx5
โฆษณา