Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เจ้าคุณปราบสุราพินาศ
•
ติดตาม
7 พ.ค. 2020 เวลา 12:25 • ประวัติศาสตร์
พระอุปนิสัยของ
พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระพันปีหลวง
ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ จากบันทึกของหมอสมิธชาวอังกฤษ ที่เข้าไปรักษาพระอาการป่วยของพระองค์ ซึ่งหมอได้เขียนไว้ในหนังสือ A physician at the court of Siam
ความว่า
หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ชีวิตของพระนางก็เปลี่ยนไป มักจะประทับอยู่ที่วังพญาไท ไม่ให้ผู้ใดรบกวน ห้ามรถยนต์ รถม้าขับเคลื่อนเสียงดัง แม้แต่เสียงนกร้องก็ต้องมีข้าราชบริพารในวังเอาไม้ส่องไล่หนี เพื่อไม่ให้รบกวนการหลับในตอนกลางวันของพระนาง
เวลาระหว่างหกโมงถึงสองทุ่มถึงจะตื่น เมื่อเปลี่ยนฉลองพระองค์เสร็จแล้ว ข้าราชบริพารก็จะโทรศัพท์มาที่บ้าน เพื่อตามให้ไปตรวจพระอาการ ถ้ามีอาการประชวรก็จะจัดยาให้ แต่ถ้าไม่มีอาการประชวร ก็จะโปรดสนทนาเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆในยุโรป
ทรงมีความรู้อย่างดี เกี่ยวกับราชวงศ์ในประเทศต่างๆ ในด้านตะวันตกของโลก พระนางไม่โปรดอ่านหนังสือเอง แต่จะให้ข้าราชบริพารอ่านให้ฟังเสมอ ก่อนบรรทมจะต้องมีคนอ่านวรรณคดีหรือหนังสือพิมพ์ถวาย
พระกระยาหารมื้อแรกจะเสวยตอนเวลา 22.00น.
พระกระยาหารมื้อที่สองจะเสวยตอนเวลา 02.00 น
การเสวยแต่ละครั้ง จะนาน 2-3 ชั่วโมง เพราะจะเสวยช้า ๆ เสวยไปคุยกับแขกไป เหมือนเป็นการว่าราชการไปพร้อม ๆ กัน
ผู้ที่มาเฝ้าอยู่เสมอคือบรรดาพระโอรส พระนางมีโอรสถึง 9 พระองค์ด้วยกัน ส่วนพระบาทสมเด็จพระมงกุฏนั้น จะมาเข้าเฝ้าพระมารดาปีละ 3 - 4 ครั้งเท่านั้น มาแต่ละครั้งก็ประทับครั้งละ 1 ชั่วโมง
สมเด็จพระมงกุฎฯ นั้นพระองค์มีพระชมน์มายุ 30 กว่าพรรษาแล้ว แต่ยังมิได้อภิเษกสมรสกับผู้ใด
ด้วยเหตุนี้บรรดากุลสตรีชั้นสูงทั้งหลายจึงพากัน แต่งกายหรูหรางดงามตามเสด็จ
พระนางเองก็มักบ่นกับพระโอรสเสมอว่า มีแต่ภิกษุเท่านั้นที่เป็นโสด หน้าที่ของกษัตริย์ คือ ต้องมีรัชทายาทไว้สืบตำแหน่ง พระนางคงจะบ่นมากจึงทำให้ ร.6 รำคาญใจ แล้วไม่ปราถนาที่จะมาเฝ้าพระมารดาบ่อยนัก
ในบรรดาพระโอรส พระนางโปรดสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ มากที่สุด บางคืนก็คุยกันนานถึง 4 ชั่วโมง บางคืนก็คุยจนฟ้าสาง
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ นี้ คือโอรส ที่ ร.5 ส่งไปอยู่ที่ราชสำนักของพระเจ้าซาร์นิโครัสที่ 2 แห่ง รัสเซีย เพื่อศึกษาวิชาทหาร แล้วได้สมรสกับสตรีชาวรัสเซีย คือ หม่อมคัทริน แล้วกลับมารับราชการกรุงสยามในตำแหน่งจอมพลทหารบกราชองครักษ์
และโอรสอีกพระองค์หนึ่ง ที่พระนางโปรดมากก็คือ สมเด็จเจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดชน์
ระหว่างที่ดำรงพระชนชีพในพระราชวังพญาไทนี้ ทรงแผ่เมตตากรุณาจ่ายสมบัติแด่พระญาติและข้าราชบริพารอยู่เสมอ พระนางได้รับเงินจากพระเจ้าแผ่นดินปีละ80,000 - 90,000 GBP(1GBP = 10 THB)
พระนางมีค่าใช้จ่ายปีละเกือบล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนนั้นเดือนละ40,000 บาท หรือตกปีละ 280,000 จึงมีเหลือเงินเก็บมากหลายแสนบาททุกปี
ทรงพอพระทัยที่จะนำเงินที่เหลือทำบุญ แจกจ่ายให้แก่คนที่มีวาสนาน้อยกว่าพระองค์ เมื่อตอนจะสร้างบ้าน พระนางก็ประทานเงินให้ 30,000 บาท พระนางเป็นกลุสตรีไทยที่โปรดรถยนตร์มาก โดยเฉพาะรถอังกฤษยี่ห้อเนเปียร์
ชอบชมภาพรถยนตร์ใหม่ ๆ ของอังกฤษ จากแคตตาล็อคแล้วสั่งซื้อ ปีหนึ่งหลาย ๆคัน เมื่อรถเหล่านั้นมาถึง ก็จะให้ขับผ่านให้ทอดพระเนตร แล้วทรงเลือกพระราชทานแด่ พระโอรส พระเชษฐา พระอนุชา หม่อมเจ้า ข้าราชริพาร ทรงเข้าพระทัยดีที่จะเลือกรถให้เหมาะสมกับความต้องการของคน ๆ นั้น และเหมาะสมกับฐานะที่จะรักษาของได้
พระนางไม่ได้ใจดีแต่ให้รถยนต์เท่านั้น พระทัยเผื่อแผ่ไปทุกๆทาง เช่น ให้ที่ดิน บ้านเรือน ของแต่งเรือนแต่งบ้าน และเครื่องเพชรแก่ญาติ และบุคลอื่น ๆ มากมาย
นอกจากนี้ก็มักจะไปเที่ยวที่บางประอินเสมอ เหมือนครั้งหนึ่งที่พระราชสวามีพาเจ้าจอมและภริยาอื่นๆไปเที่ยว ที่บางประอินก็จะมีการแสดงร้องรำต่างๆมากมายจนถึงตี 1 ตี 2 ก็จะบรรทมราวฟ้าสาง พระนางใช้ชีวิตในช่วงกลางคืนเป็นหลัก ไม่ได้ออกกำลังกายหรือ ออกมารับอากาศเลยเพราะจะประทับที่พระแท่นบรรทมตลอด จึงทำให้ปั่นปลายชีวิตของพระนางนั้นอ่อนแอ ไม่แข็งแรง น้ำหนักขึ้น กระดูกเปราะ ไตวาย และโรคเบาหวานก็รุมเร้า
20 ตุลาคม 2462
เวลา 02.00 น
พระนางมีอาการไข้ขึ้นสูง อาเจียน สิ้นสติปลุกไม่ตื่น แต่พระวรกายยังอาเจียน เหมือนคนหลับแต่ยังอาเจียนตลอด เมื่อประชวรหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงได้แจ้งไปยังพระโอรส ธิดา พระประยูรญาติต่างๆ ทุกคนมาเฝ้าพระอาการด้วยความห่วงใย เว้นแต่ ร.6 องค์เดียวที่ไม่ได้เสด็จมา ส่วนเจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯนั้น ดูแลพระมารดาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนพระมารดาหมดลมหายใจไปในช่วงเวลา 08.00 น
ตามกำหนดการว่าเวลา 17.00 น. ต้องส่งรถยนตร์มารับพระโกศ แต่พอเวลาใกล้บ่ายห้าโมงเย็นก็ยังไม่มีรถเข้ามารับ สุดท้ายต้องขนพระโกศขึ้นรถม้า ใช้ม้าลาก 2 ตัว มีพระโอรสองค์หนึ่งนั่งกอดพระโกศบนรถม้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พระโกศตกลงมาเวลารถม้าสะเทือน ดูแล้วน่าสงสารและเวทนายิ่งนัก เมื่อไปถึงก็อัญเชิญพระโกศไปประดิษฐานที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอยู่ 7 เดือน ก็ถวายพระเพลิง
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวงเสด็จสวรรคตในวันที่ 20 ตุลาคม 2462 หลังจากพระสวามีสวรรคตไปได้เพียง 9 ปี
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย