ความตายของมาเจลลัน ความภูมิใจของฟิลิปปินส์
พอเอ่ยนามของเฟอร์ดินัน มาเจลลัน (Ferdinand Magellan) ทุกคนน่าจะร้องอ๋อว่า “ก็คนที่เดินเรือรอบโลกเป็นคนแรกนั่นไงละ” เคยเรียนมา แต่รู้ไหมครับว่าคนที่ได้ชื่อว่าเดินทางรอบโลกเป็นคนแรกนั้น ไม่ได้เดินทางกลับไปยังจุดหมายที่เขาจากมาอย่างประเทศสเปน
แต่ก่อนจะเข้าเรื่องขอออกตัวก่อนว่าไม่มีความตั้งใจจะดูถูกชาวฟิลิปปินส์แต่อย่างใด ขอเพียงนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้นครับ
มาเจลลัน เป็นชาวโปรตุเกสโดยกำเนิด แต่กลับมารับราชการในราชสำนักสเปน ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคแห่งการค้นพบและสำรวจทวีปใหม่นั้น การทำงานให้กับอีกประเทศที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร (คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจชื่อก้องโลกเองก็เป็นชาวอิตาเลียน และรับราชการในราชสำนักสเปนเช่นกัน)
และในสมัยนั้นเครื่องเทศถือเป็นสินค้าราคาแพงมหาศาล ชาติใดได้ไปครอบครองเรียกได้ว่ารวย และอาหารยุโรปส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีรสชาติ ทำให้เครื่องเทศ และสมุนไพรเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น (Demand) เมื่อความต้องการมากขึ้น แต่ Supply มีน้อยเนื่องจากกว่าจะเอามาขายได้ต้องใช้เวลานาน และมีความเสี่ยงภัย ทำให้เครื่องเทศจึงขายได้ราคาดี คุ้มค่าการลงทุน
การเดินเรือข้ามโลก ในยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มี GPS ต้องอาศัยการหาที่เรือจากการคำนวณดาวบนท้องฟ้า ไม่มีตู้เย็นสำหรับเก็บอาหาร ไม่มีไฟฟ้าหวังเพียงแต่ว่าลมจะพาไป และยังไม่นับสภาพคลื่นลม รวมถึงพายุ จึงทำให้การเดินเรือจึงเป็นภารกิจมหาโหดและเสี่ยงตายเป็นอย่างมาก
นักเดินเรือในศตวรรษที่ 16 จึงเปรียบได้กับเจ้าของกิจการ SME ที่มาเสนอโปรเจ็คมโหฬารให้กับนายทุน ซึ่งก็คือกษัตริย์สเปน โปรเจ็คอย่างการเดินเรือสำรวจทวีปใหม่ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งคน ทั้งเรือ อาวุธและเสบียง ซึ่งผลของการลงทุนก็ไม่รับประกันว่าเรือที่ออกไปแต่ละลำจะกลับมาหรือจมลงใต้ผืนน้ำ
ปรากฎว่ามาเจลลันนำโปรเจ็คนี้ไปเสนอแล้วราชสำนักสเปน แล้วเห็นดีงามด้วย จึงได้เงินสนับสนุนก้อนโตไปออกเรือ
กองเรือสำรวจของมาเจลลัน จำนวน 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 270 คน เตรียมเสบียง 2 ปี ออกเดินทางจากสเปน ในวันที่ 19 กันยายน 1519 เป้าหมายคือหมู่เกาะเครื่องเทศ (เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเชีย) มุ่งหน้าเส้นทางตะวันตกผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก แล่นผ่านช่องแคบมาเจลลัน (เป็นช่องแคบกั้นระหว่างชิลีกับอาร์เจนตินา ในทวีปอเมริกาใต้)ผ่านช่องแคบในเดือน มีนาคม 1520 ซึ่งมาถึงตอนนี้เหลือเรือเพียง 3 ลำ (ถึงตอนนี้เดินทางมาแล้ว 6 เดือน) และผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกใช้เวลาข้ามแปซิฟิกอีก 98 วัน จนสุดท้ายได้มาพบเกาะกวม และดินแดนที่ภายหลังจะถูกเรียกว่าฟิลิปปินส์ ตอนนี้เป้าหมายเกาะเครื่องเทศอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
21 มีนาคม 1521 (เดินทางมาแล้วประมาณ 1 ปี 6 เดือน) ชาวยุโรปกลุ่มแรกได้ขึ้นฝั่งที่เกาะเซบู และพบกับ หัวหน้าเผ่าซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นามว่า ราจาห์ ฮูมาบอน ซึ่งได้เกลี้ยกล่อมให้มาเจลลันไปปราบหัวหน้าเผ่าคู่อริบนเกาะมักตัน (Mactan) ซึ่งเขาตอบตกลงเพราะต้องการที่จะแสดงแสนยานุภาพของเสปน และหวังจะตั้งอาณานิคมผ่านทางฮูมาบอน ตอนแรกหวังว่าจะปราบได้ง่ายๆ แต่กลับเป็นฝ่ายมาเจลลันซึ่งคนน้อยกว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับ มาเจลลันเสียชีวิตในที่รบในวันที่ 27 เมษายาน 1521 ไม่ทันจะได้กลับไปยังสเปน
หลักจากแพ้แก่ชาวเกาะลูกเรือที่เหลือก็น้อยเกินกว่าที่จะเดินเรือได้ 3 ลำ ต้องจำใจทำลายเรืออีก 1 ลำ เรือที่เหลือ 2 ลำนี้ไปถึงหมู่เกาะเครื่องเทศได้สำเร็จ พร้อมโหลดเครื่องเทศไว้เต็มลำ แต่ทว่า ลูกเรือแตกคอกัน ลำหนึ่งเลือกเดินทางกลับเส้นทางแปซิฟิก อีกลำหนึ่งเลือกเดินทางเส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ปรากฏว่าเหลือเพียงเรือลำเดียว (จากที่ในตอนแรกออกเดินทางจากสเปนมี 5 ลำ) เรือลำสุดท้ายพร้อมลูกเรืออีก 18 คน ซึ่งเดินทางเส้นทางมหาสมุทรอินเดีย นำโดย ฆวน เซบาสเตียน เด เอลคาโน (Jaun Sebastián de Elcano) เดินทางกลับถึงเมืองเซบียาประเทศสเปนในวันที่ 6 กันยายน 1522 (รวมใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ปี)
ในปัจจุบันฟิลิปปินส์ถือว่าหัวหน้าเผ่าคู่อริของ ราจา ฮูมาบอน เป็นฮีโร่คนสำคัญของชาติและเป็นฮีโร่คนแรกของประเทศ หัวหน้าเผ่าบนเกาะมักตันนั้น มีชื่อว่า Lapu Lapu ซึ่งเป็นผู้ที่ได้นำชาวเกาะสังหารมาเจลลัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกป้องฟิลิปปินส์จากผู้รุกรานชาวสเปน ชะลอการตกเป็นอาณานิคมได้หลายสิบปี พร้อมกับการตั้งอนุสาวรีย์ เพื่อยกย่องเกียรติประวัติความกล้าหาญในครั้งนั้นไว้เตือนใจคนรุ่นหลัง และในกีฬาซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพยังได้บรรจุศิลปะการต่อสู้สไตล์ชาวเกาะมักตันที่เรียกว่า Arnis ไว้ในกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันไว้ด้วย ซึ่งก็ไม่ทำให้เจ้าภาพผิดหวังเพราะได้ไปถึง 14 เหรียญทอง จากกีฬาชนิดนี้ เรียกได้ว่ารักชาติยิ่งชีพ
ประวัติศาสตร์นั้นมีได้หลายมุมมอง
References
#ประวัติศาสตร์ซ่อนแอบ #มาเจลลัน #ฟิลิปปินส์
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
