Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
9 พ.ค. 2020 เวลา 01:00 • กีฬา
แฟนบอลทั่วไปคงคุ้นเคยว่ากติกาฟุตบอล มีโควตาเปลี่ยนตัวให้ทีมละ 3 คนต่อเกม 1 นัด
แต่อันที่จริง การที่แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนตัวนักเตะเอาต์ฟิลด์ออกจากสนามได้ 3 คน เพิ่งจะทำได้หลังจากเข้าสู่ปี 1995 นี้เอง
ก่อนหน้านั้นในปี 1994 โควตาเปลี่ยนตัวของกีฬาฟุตบอลยังเป็น 2+1 อยู่เลยนะครับ นั่นคือเปลี่ยนนักเตะเอาต์ฟิลด์ได้แค่ 2 ราย ส่วนอีกหนึ่งโควตาจะใช้ได้ ก็ต่อเมื่อผู้รักษาประตูอยู่ในสภาพไม่พร้อมลงเล่นต่อเท่านั้น
ในฟุตบอลโลก 1994 มีเพียงนัดเดียวเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนตัว 3 ครั้ง นั่นคือเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ อิตาลี ชนะ นอร์เวย์ 1-0 เนื่องจาก จานลูก้า ปายูก้า นายด่านทีมอัซซูรี่โดนใบแดงตั้งแต่ครึ่งแรก ทำให้กุนซือ อาร์ริโก้ ซ้าคคี่ ต้องส่ง ลูก้า มาร์เคจานี่ ลงไปแทน แล้วถอด โรแบร์โต้ บาจโจ้ ออกมา
แต่นอกจากเกมนั้น ที่เหลือทุกนัดในเวิลด์คัพที่สหรัฐอเมริกา ไม่มีการเปลี่ยนตัวมากกว่า 2 คนในเกมเดียวอีกเลย
และหากไปขุดประวัติศาสตร์ลึกไปกว่านั้น คุณจะรู้ว่ากว่าที่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จะอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวระหว่างเกมเป็นครั้งแรก โดยไม่ต้องเกิดเหตุนักเตะบาดเจ็บ ก็ต้องรอจนถึงปี 1970 ที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ
อนาโตลี ปูซัช นักเตะทีมชาติสหภาพโซเวียต คือตัวสำรองคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ได้ลงเล่นแทนนักเตะเอาต์ฟิลด์ที่ไม่มีอาการบาดเจ็บ เมื่อถูกเปลี่ยนลงไปแทน วิคตอร์ เซเรเบรียนิคอฟ ในช่วงพักครึ่งของเกมนัดเปิดสนามที่เสมอกับเจ้าภาพอย่าง เม็กซิโก 0-0
จากนั้นตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา การเปลี่ยนตัวได้นัดละ 3 คนกลายเป็นกติกาสากลของกีฬาลูกหนังนานกว่า 2 ทศวรรษ
จนกระทั่งในปี 2016 คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ (ไอเอฟเอบี) ผู้ทำหน้าที่ออกกฎ-กติกาฟุตบอลสำหรับบังคับใช้ทั่วโลก ได้ผุดไอเดียใหม่ว่าควรจะมีการเพิ่มโควตาเปลี่ยนตัวคนที่ 4 ได้ สำหรับเกมที่ต้องมีการแข่งขันช่วงต่อเวลาพิเศษ
สาเหตุหลักนอกจากความเหนื่อยล้าของผู้เล่นในช่วง Extra Time ที่ทำให้เราเห็นภาพนักเตะเป็นตะคริวกันบ่อยครั้ง ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บรรดาเฮดโค้ช สามารถเก็บโควตาไว้สำหรับนักเตะที่เป็นมือฉมังเรื่องการดวลจุดโทษไว้ได้จนวินาทีสุดท้าย
อัลบาโร่ โมราต้า คือนักฟุตบอลชายคนแรกของโลก ที่ลงสนามในฐานะตัวสำรองคนที่ 4 เมื่อถูกเปลี่ยนลงไปแทนแฮตทริกฮีโร่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 112 ของเกมนัดชิงชนะเลิศสโมสรโลก ปี 2016 ที่ เรอัล มาดริด ต่อเวลาชนะ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส 4-2
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม) ไอเอฟเอบี ได้ประกาศยืนยันว่าอนุมติให้เกมฟุตบอลที่จะกลับมาแข่งกันใหม่ต่อจากนี้ สามารถเปลี่ยนตัวได้ทีมละ 5 คนเป็นการชั่วคราว อย่างน้อยก็จนกว่าสภาพร่างกายของนักเตะจะเข้าสู่สภาวะปกติ หลังผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ซึ่งแพลนที่วางไว้ก็คือจนกระทั่งถึงฤดูกาล 2020-21
จากแถลงการณ์ของ ไอเอฟเอบี ว่าด้วยเรื่องการแก้กฎกติกาเปลี่ยนตัว ได้ข้อสรุปดังนี้
- แต่ละทีมจะได้รับอนุญาตให้ใช้โควตาเปลี่ยนตัวสูงสุดได้ 5 คนต่อ 1 เกม
- เพื่อลดการหยุดชะงักของการแข่งขัน แต่ละทีมจะมีโอกาสเปลี่ยนตัวแค่ 3 ครั้งระหว่างเกมเหมือนเดิม โดยการเปลี่ยนตัวสามารถทำในช่วงพักครึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งจะไม่กระทบกับโควตาหยุดเกม 3 ครั้งแต่อย่างใด
- ถ้าหากทั้ง 2 ทีมทำการเปลี่ยนตัวพร้อมกัน จะยังคงนับเป็นการใช้โควตาเปลี่ยนตัว 1 ครั้งจากทั้งหมด 3 ครั้งของทั้ง 2 ทีม
- ตัวสำรอง และโอกาสการเปลี่ยนตัวที่ยังไม่ได้ใช้ในเวลาปกติ จะนำไปบวกโควตาเพิ่มให้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่ทุกทีมจะมีโควตาเปลี่ยนตัวเพิ่มได้อีกทีมละ 1 ครั้ง ซึ่งการเปลี่ยนตัวสามารถทำในช่วงก่อนเริ่มหรือพักครึ่งของการต่อเวลาได้ด้วยเช่นกัน
ก็คือในช่วง 90 นาที ถ้าหากทีมไหนจะใช้โควตาเปลี่ยนตัวให้ครบ 5 คน ก็จะต้องใช้วิธีส่งตัวสำรองลงไปพร้อมกัน 2-3 คนในช่วงใดช่วงหนึ่งของเกม
อย่างไรก็ตาม ไอเอฟเอบี เผยว่า สุดท้ายแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการแข่งขันว่าจะน้อมรับโควตาเปลี่ยนตัวนัดละ 5 คนไปใช้หรือไม่
และถ้าหากเกมฟุตบอลต่อจากปี 2021 เป็นต้นไป ยังมีความเหมาะสมที่จะใช้โควตาเปลี่ยนตัว 5 คน ทาง ไอเอฟเอบี และ ฟีฟ่า ก็พร้อมพิจารณา ขยายเวลาใช้กติกาชั่วคราวนี้ได้อีกในภายหลัง ซึ่งไม่แน่มันอาจเป็นกติกาใหม่ถาวรของฟุตบอลไปเลยก็ได้
เหตุผลดั้งเดิมของการอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวได้ในกีฬาฟุตบอล ก็คือการช่วยเหลือ “สวัสดิภาพ” ของนักเตะ
การเปลี่ยนตัวของเกมลูกหนังในอดีต มันคือเรื่องของทีมที่เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินในเกมการแข่งขัน ไม่ใช่จุดประสงค์ด้านแท็กติกเหมือนอย่างเช่นยุคปัจจุบัน
ในศึกฟุตบอลโลกสมัยแรกเมื่อปี 1930 ที่อุรุกวัยเป็นเจ้าภาพ ยังไม่มีการใช้กติกาเปลี่ยนตัวระหว่างการแข่งขัน หากทีมไหนเจออาการบาดเจ็บเล่นงานนักเตะ ต้องยอมรับสภาพความเสียเปรียบผู้เล่นต่อคู่แข่งไปแบบโชคร้าย
เมื่อ 90 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์การโดน “เปลี่ยนตัว” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนตัวระหว่างตัวจริงกับตัวสำรอง แต่เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างเกมเพราะอุบัติเหตุ
นัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 1930 ที่ ฝรั่งเศส เอาชนะ เม็กซิโก ไป 4-1 ผู้รักษาประตูของทีมจากแดนน้ำหอมชื่อว่า อเล็กซ์ เตโปต์ โดนนักเตะทีมจังโก้กระแทกเข้าที่กรามระหว่างครึ่งแรกจนเล่นต่อไม่ไหว
ฝรั่งเศสไม่สามารถใช้โควตาตัวสำรองได้ในเกมนั้น ทำให้กองกลางอย่าง โอกุสแต็ง ช็องเทรล ต้องสวมถุงมือลงไปเฝ้าเสาแทน แต่ยังดีที่ทีมตราไก่ที่เหลือนักเตะแค่ 10 คนยังคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
และหากคุณได้รู้เรื่องราวของการเปลี่ยนตัวคนแรกของเกมฟุตบอลระดับนานาชาติ บอกเลยว่าฮา
มันเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันรายการ บริติช โฮม แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 1889 ที่ทีมชาติเวลส์ เสมอ สกอตแลนด์ 0-0
ในเกมนั้น จิม เทรนเนอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของเวลส์ ไม่สามารถเดินทางไปที่สนามด้วยเหตุสุดวิสัย ทำให้ทีมมังกรแดงต้องใช้หนุ่มแถวนั้นที่ชื่อว่า อัลฟ์ พิวจ์ ลงเฝ้าเสาแก้ขัดแทนไปก่อน 20 นาที
ระหว่างนั้น เวลส์ ต้องตามตัวนายประตูทีมชาติอีกคนอย่าง แซม กิลแลม เดินทางไปที่สนามโดยด่วน แล้วเมื่อ กิลแลม ไปถึง เขาก็ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนเจ้าหนุ่ม พิวจ์ ทันที ก่อนจะทำหน้าที่เฝ้าประตูจนจบเกม ซึ่งทำให้ แซม กิลแลม กลายเป็นตัวสำรองผู้สร้างประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังโลกไปโดยไม่ตั้งใจ
กว่าที่ฟุตบอลจะบรรจุกติกาการเปลี่ยนตัวได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์บาดเจ็บ ก็ต้องรอจนกระทั่งปี 1958
โควตาตอนนั้นคือ 1+1 ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไว้สำหรับอาการบาดเจ็บของนายประตูโดยเฉพาะ (ถ้าหากนักเตะเอาต์ฟิลด์เจ็บ จะใช้โควตาเปลี่ยนเพิ่มไม่ได้)
จากนั้นกาลเวลาผ่านไป 30 ปี โควตาเปลี่ยนตัวถึงเพิ่มขึ้นเป็น 2 คนในปี 1988 แล้วค่อยปรับเป็น 3 คนอย่างถาวรตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา เพื่อเซฟอาการบาดเจ็บและความเหนื่อยล้าของนักเตะมากยิ่งขึ้น เพราะโปรแกรมฟุตบอลในยุคสมัยใหม่ นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นไปทุกที
เมื่อโควตาเปลี่ยนตัวมีมากขึ้น จำนวนนักเตะตัวสำรองก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จากเดิม 5 คน ค่อยเปลี่ยนเป็น 7 คนในภายหลัง โดยศึก กัลโช่ เซเรีย อา ใส่ชื่อตัวสำรองได้ถึง 12 คนตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ส่วนเกมทีมชาติยุคปัจจุบันก็มีตัวสำรอง 12 คนข้างสนามเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ การที่ฟุตบอลเพิ่มกติกาการเปลี่ยนตัวมาเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน และใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเพิ่มโควตาแต่ละครั้ง มันก็คือการบ่งบอกว่า กีฬานี้ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนตัวโดยไม่จำเป็น
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม นักเตะที่ถูกเปลี่ยนตัวออกมาแล้ว ถึงกลับลงสู่สนามไม่ได้
เช่นเดียวกัน การที่กำหนดกติกาว่าจะทำการเปลี่ยนตัวได้ต้องรอให้ “บอลตาย” ก่อนเท่านั้น ก็เพื่อไม่ต้องการให้เกมในสนามหยุดลงโดยไม่จำเป็น
เมื่อปีที่แล้วมีการออกกฎใหม่มาว่า นักเตะที่โดนเปลี่ยนตัวออก สามารถเดินออกจากสนามบริเวณไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด ไม่จำเป็นต้องเดินมาสัมผัสมือกับเพื่อนตรงกลางข้างสนามเสมอไป
ถือว่า ไอเอฟเอบี คิดเผื่อไว้แล้วถึงกรณีที่อรรถรสของเกมจะเสีย จึงยังคงกติกาที่จะให้หยุดเกมเพื่อเปลี่ยนตัวได้เพียง 3 ครั้งเท่าเดิมในช่วง 90 นาที
สำหรับเหตุผลของการเพิ่มโควตาเปลี่ยนตัวให้เป็น 5 คนในตอนนี้ ก็คือความกังวลในเรื่องสภาพร่างกายของนักเตะ ที่จะต้องรับมือกับโปรแกรมเตะถี่ของการรีสตาร์ทฤดูกาล
สภาพความฟิตของนักฟุตบอลตอนนี้คือเรื่องน่าเป็นห่วง เพราะพวกเขาไม่มีเกมให้ลงเตะมานานกว่า 2 เดือน บางคนผ่านการติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน แถมการฝึกซ้อมก็มีอุปสรรคให้ทำได้ยากกว่าช่วงปกติ จากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส
มีการคาดการณ์กันว่า แต่ละทีมอาจต้องลงเล่นมากถึง 2-3 นัดในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อแข่งฤดูกาลที่ตกค้างกันอยู่ให้ครบโปรแกรม ภายใต้กรอบเวลาที่จำกัด นั่นทำให้การลดจำนวนนักเตะที่ต้องลงเล่นเต็ม 90 นาทีให้มากที่สุดคือสิ่งจำเป็น
อย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้าหากฟุตบอลทุกรายการของซีซั่นนี้กลับมาแข่งกันต่อได้ตามปกติ พวกเขาจะต้องลงเล่นถึง 19 นัด หากผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งในศึก เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ส่วนสโมสรฟุตบอลในลีกสูงสุดอิตาลี มีคิวเตะเยอะกว่าใครเพื่อน เพราะแต่ละทีมเหลือเกมลีกให้เล่นไม่น้อยกว่าทีมละ 12 นัด โดย ยูเวนตุส มีโอกาสลงเตะถึง 20 นัด ถ้าสามารถเข้าชิงทุกถ้วยในซีซั่นนี้
วิวัฒนาการของการเปลี่ยนตัวในเกมฟุตบอล ถูกพัฒนาจากเรื่องแก้ปัญหาคนบาดเจ็บ แก้ปัญหาแท็กติก ไปจนถึงการถ่วงเวลา
บางครั้งมันคือศิลปะ แต่บางครั้งมันคือความน่ารำคาญ เพราะการเปลี่ยนตัวเพื่อถ่วงเวลามีให้เห็นบ่อยครั้งในวงการฟุตบอลสมัยใหม่
แฟนบอลหลายคนหวังว่า การเพิ่มโควตาเปลี่ยนตัวจาก 3 คนเป็น 5 คน คงไม่ทำให้อรรถรสของการรับชมฟุตบอลลดลง
เพราะทุกคนคงเข้าใจดี ว่าการเปลี่ยนกติกาครั้งนี้ มันมีเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของนักฟุตบอลจริงๆ
#เสียบสามเหลี่ยม #FIFA #IFAB #Substitutions #LawsOfTheGame #Football
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
1 บันทึก
16
1
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย