-2-
ผ่านพ้นซีซั่น 2019 อย่างสนุกสุดแสนเที่ยวแดนเนรมิต ซีซั่น 2020 ก็ล็อคคิวไว้เปิดประเดิมเริ่มต้นกัน 29 ก.พ. แล้วค่อยไปสรุปจบเอา 4 ต.ค.
แต่ก็อย่างที่ทราบ เมื่อโควิดมา ฟุตบอลก็ถอยกันหมด
เคลีก 1 ซีซั่น 2020 เป็นอีกแห่งที่ถูกแขวนไว้เพื่อรอดูสถานการณ์ ไม่ต่างจากลีกหัวแถวแห่งอื่นๆ ของเอเชีย, ยุโรป, อเมริกา
เพียงแต่ก็อย่างที่คุณคงพอทราบ เมื่อสถานการณ์ของโควิด-19 ในเมืองโสม ดูมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ณ ตอนนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้ เป็น "กราฟหยุดนิ่ง" มาแล้วพักใหญ่ ยอดสะสม 10,810 เป็นรักษาหายแล้วถึง 9,419 และเหลือผู้ป่วยปัจจุบัน Active cases แค่ 1,135 รายเท่านั้น (ส่วนเสียชีวิต 256)
เมื่อรัฐบาลประกาศผ่อนคลายล็อคดาวน์ ธุรกิจการค้า โรงร่ำโรงเรียนกลับมาเปิดทำการ
กิจกรรมกีฬาอย่าง ฟุตบอล ก็ได้ไฟเขียวเรียบร้อยเช่นกัน
ซึ่งก็เพียงพรุ่งนี้เท่านั้น ศุกร์ 8 พ.ค. ที่ เคลีก 1 ซีซั่น 2020 ได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นเปิดงานเป็นทางการ
เพียงแต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อต้องกลับมาโดยที่ โควิด-19 ไม่ได้ถึงกับสูญหายตายจาก แบบนี้ ก็ต้องมีการปรับตัวปรับใจกันไม่น้อย
เป็น NEW NORMAL ที่เคลีกวางไว้ เพื่อให้ฟุตบอลสามารถเดินหน้าได้ต่อ
เคลีก มีมาตรการแบบไหนอย่างไร เพื่อให้อยู่รอดได้ในยุคโควิด ไปดู...
• ก่อนจะกลับมาได้ เคลีก มีการนัดนักเตะ, โค้ช และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,100 ชีวิต ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และภายหลังทราบผลตรวจในเพียง 6 ชั่วโมง ข่าวดีคือทุกคน "ปราศจากเชื้อ" ผลตรวจเป็นลบ 100%
• เตะปิดสนาม ห้ามแฟนบอลเข้า แต่ในอนาคต มีสิทธิ์เปิดให้แฟนเข้าชมได้อีกครั้ง
• หากถึงเวลาที่แฟนบอลเข้าชมได้ ก็จะต้องผ่านมาตรการเคร่งครัด ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ, ใช้เจลล้างมือก่อนเข้าสนาม, ต้องสวมแมสค์ปิดปากปิดจมูกตลอดเวลา
• นักเตะห้ามถ่มน้ำลาย ห้ามสั่งน้ำมูก ห้ามพ่นน้ำ แม้แต่การบ้วนลงพื้น
• นักเตะห้ามจับไม้จับมือกัน ทั้งก่อนเกม / ระหว่างเกม / หลังจบเกม
• ขอความร่วมมือในการ "ลด" การสนทนากัน ระหว่างนักเตะ หรือฝั่งตรงข้าม และ "ห้าม" สนทนากันแบบใกล้ชิด
• นักเตะต้องมีขวดน้ำส่วนตัว แปะป้ายระบุชื่อชัดเจน
• ผู้จัดการทีมและสตาฟฟ์โค้ช ต้องสวมแมสค์ตลอดเวลาการทำหน้าที่ข้างสนาม
• การให้สัมภาษณ์หลังจบเกม จะเกิดขึ้นที่กลางสนามเท่านั้น และผู้สื่อข่าวต้องอยู่ห่างจากนักเตะหรือโค้ช 2 เมตร โดยไม่มีการนั่งแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนที่เคย
• จะมีการตรวจหาเชื้อในกลุ่มนักเตะ อยู่เรื่อยๆ ในระหว่างซีซั่น ซึ่งถ้าพบนักเตะรายหนึ่งรายใดของทีมใดทีมหนึ่ง มีผลเป็นบวก ทีมนั้นๆ จะต้องทำการกักตัว ห้ามลงเล่นไป 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
นอกจากนั้น ยังมีบางอย่างที่ต้องเอ่ยถึง และสำคัญกับลีกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
• จากเดิมที่เตะกัน 38 นัด ฝ่ายจัดเคลีกเล็งเห็นว่าเมื่อระยะเวลาของซีซั่นถูกหั่นสั้นลง (เมื่อต้องเบรคหนีไวรัส) โปรแกรมก็ควรตัดลดลงด้วย ซีซั่น 2020 จึงจะเหลือเตะกัน "27 นัด" ซึ่งหมายถึงการ "โละเฟสสอง" -- สมการซีซั่นก่อน 22 + 11 + 5 = 38 มาปีนี้ ตัวเลข 11 ตรงกลาง จะหายไป กลายเป็นแมตช์เหย้าเยือนปกติ 22 + รอบเพลย์ออฟโซนบนโซนล่าง อีกแค่ 5 นัด เป็นอันจบสิ้น
• โควตาตกชั้นที่เดิมทีเป็น 1+1 มาปีนี้ ยังคงเป็น 1+1 แต่ต่างออกไป เพราะยืนยันไว้แล้วหนึ่งรายว่าต้อง "ตกชั้นแบบไม่ต้องรอให้เตะ" คือทีมกองทัพ ซางจู ซางมู สโมสรในอาณัติของเทศบาลเมืองซางจู และ Korea Armed Forces Athletic Corps ได้ยืนยันแล้วถึงการจะ "เปลี่ยนแฟรนไชส์" มีผลให้ต้องตกชั้นโดยปริยายในซีซั่นนี้ไม่ว่าจะจบอันดับใด เท่ากับปีนี้แค่เตะสั่งลาแฟนๆ ให้ครบโปรแกรม
• ส่วนอีกทีมที่จะตกชั้นตาม ซางจู ซางมู ไป คือทีมบ๊วย อันดับ 12
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้เคลีกจะไม่ได้เพียบด้วยซูเปอร์สตาร์ตัวต่างชาติราคาแพงเหมือน ไชนีส ซูเปอร์ลีก หรือกระทั่ง เจลีก ญี่ปุ่น แต่ตัวที่พอคุ้นหูคุ้นตาก็มีอยู่เหมือนกัน อาทิ จูเนียร์ เนเกรา อดีตเมืองทอง/พัทยา อยู่อุลซาน, ออสมาร์ อิบันเยซ อดีตบุรีรัมย์ อยู่เอฟซี โซล, โชนาธาน ไรส์ อดีตประจวบ/สุพรรณ/บีจี อยู่ปูซาน, เดยัน ดัมยาโนวิช อดีตตัวทีมชาติมอนเตเนโกร (38 แล้ว) อยู่แดกู, มาร์โก อูเรนย่า ตัวทีมชาติคอสตาริกา อยู่กวางจู, โดเนล เฮนรี่ ตัวทีมชาติแคนาดา อดีตเวสต์แฮม/แบล็คเบิร์น อยู่ซูวอน, อดัม แท็กการ์ต ตัวทีมชาติออสเตรเลีย อดีตฟูแล่ม ดาวซัลโวซีซั่นที่แล้ว (20 ประตู) อยู่ซูวอน
และ อี ชุง-ยอง ปีกชั่วโมงบินพรีเมียร์ลีกสูง (โบลตัน / คริสตัล พาเลซ) ในวัย 31 เพิ่งย้ายจาก โบคุ่ม กลับบ้านเกิดมาอยู่ อุลซาน ฮุนได เมื่อเดือน มี.ค. นี่เอง