10 พ.ค. 2020 เวลา 02:03 • ความคิดเห็น
Focus
.โฟกัส.. คือการจดจ่อ.. ล่อเป้า
โฟกัส.. คือการสนใจ.. เข้าใจ.. ในเป้าหมาย
โฟกัส.. คือเข็มทิศ.. ที่ชี้.. ไปที่เป้าหมาย.. เท่านั้น
โฟกัส.. คือ.. ความมุ่งมั่น.. จดจ่อ.. ไม่เลิก.. ไม่ท้อ.. ที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
Lungpungkathi
มีเป้าหมาย.. ไร้โฟกัส.. คือเพ้อเจ้อ.. เพ้อฝัน
หากเปรียบเทียบ.. แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงเป็นความมุ่งมั่น
คงไม่ร้อนแรงเท่ากับแสงอาทิตย์ที่ผ่านเลนส์.. เพื่อรวมแสงอาทิตย์ทุกพื้นที่ที่ผ่านหน้าเลนส์.. รวมตัวที่ปลายทางหรือเป้าหมาย
มันเกิดความเข้มของแสงอาทิตย์.. ก่อให้เกิดพลังที่เข้มข้น.. จนสามารถทำลายเป้าหมายได้ในเวลาไม่นาน
Lungpungkathi/สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
แต่ถ้าเอาเป้าหมายมาวางไว้เฉยๆ.. ท่ามกลางแสงอาทิตย์.. ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานสักเท่าใดจึงจะทำลายเป้าหมายได้.. หรือ.. บางที.. ไม่อาจทำลายเป้าหมายได้เลย
ก่อนจะโฟกัส.. ต้องตีความเป้าหมายให้ออกก่อน
เป้าหมายถูกกำหนดมาเป็นตัวเลข.. เป็นสิ่งของ.. เงินทอง.. ของใช้.. หรือแม้แต่.. บุคคล.. ก็ตาม
ทำไม.. ทำไม.. ทำไม.. Why.. Why.. Why
เพื่อที่จะเข้าใจในสิ่งที่จะลงมือทำ.. ว่าทำเพื่อ???
เมื่อเข้าใจในเป้าหมาย.. โฟกัสคือการเล็งเป้าหมายได้แม่นยำถึงกึ๋น
ขอยกตัวอย่างคลาสสิก.. ที่หลายท่านอาจเคยผ่านหู.. ผ่านตา.. บางทีลุงอาจเคยเล่าไปบ้างแล้วก็ได้นะ
เรื่องของโรงงานผลิตและขายรองเท้าแห่งหนึ่ง
มีเป้าหมายชัดเจนต่อฝ่ายขายคือ.. ขายรองเท้าให้ได้มากที่สุด.. แต่ต้องไม่ต่ำกว่ายอดประมาณการเติบโตจากปีที่แล้ว 10 %
ถ้าปีที่แล้วมียอดขาย 1,000,000 คู่.. ปีนี้ฝ่ายขายต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,100,000 คู่
พนักงานขาย.. จะมีทำงาน 2 แนวทางโดยอัตโนมัติ
แนวทางแรก.. ต้องมียอดขายให้เพิ่มขึ้น 10 % ให้ได้.. คือยึดเป้าหมายขั้นต่ำของบริษัท
แนวทางสอง.. น้อยคนนักที่จะยึดเป้าหมายที่แท้จริง.. และตีความหมายของเป้าหมายที่แท้จริง.. ของบริษัทได้อย่างเข้าใจ.. คือขายรองเท้าให้ได้มากที่สุด.. Unlimite
เมื่อบริษัทต้องการขยายฐานการผลิตและจำหน่ายรองเท้าของตน.. ไปที่แอฟริกา.. จึงได้มีการปรึกษาหารือกับฝ่ายขาย
จะได้รับคำปรึกษา 2 แนวทางเช่นกัน.. จากผู้ขายที่มีวิธีคิดในเรื่องเป้าหมายและตีความต่างกัน
แนวทางแรกจากนักขายที่มองการเพิ่มยอดขายแค่ 10 %ตามเกณฑ์ของบริษัทที่ตั้งไว้
อย่าได้ไปขายเลยครับ.. เพราะคนที่นั่นไม่ใส่รองเท้ากัน.. จะไปขายใคร.. วิญญาณนักวิชาการเข้าสิงในทันที
เหตุผลที่นักขายประเภทนี้มอง.. คงไม่ต่างจากพวกที่เอาเป้าหมายไปไว้กลางแดดเฉยๆ.. ให้ความมุ่งมั่นทำงาน.. ก็แค่ขยายเวลาทำงานมากขึ้น.. หรือขยายฐานตลาดออกไป.. เป้าหมายที่ต้องการเพิ่มยอดขายอีกแค่ 10% ก็สำเร็จได้ชัวร์
แนวทางที่ 2 จากนักขายที่ตีความหมายของเป้าหมายบริษัทได้อย่างเข้าใจ.. จึงมองไปสู่เป้าหมายที่สูงที่สุด.. คือเพิ่มยอดขายให้ได้มากที่สุด
จะได้รับคำปรึกษาที่ฉีกออกไปเลยว่า
ตลาดสดมาก.. ผู้คนยังไม่ใส่รองเท้ากันเลยสักคน.. ถ้าบริษัทเราสามารถให้ความรู้ความเข้าใจกับคนพื้นที่ได้ว่าการใส่รองเท้าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตได้มากขนาดไหน.. รับรองยอดขายต้องมามากมาย
1
คือเมื่อพนักงานขายที่โฟกัสในเป้าหมายถูก.. วิธีการคิด.. การจดจ่อในเป้าหมายจะถูกต้องและแม่นยำกว่ามาก.. มีพลังความเข้มข้นในการทำงานมากเช่นกัน.. เปรียบเช่นการรวบรวมแสงอาทิตย์ที่ผ่านหน้าเลนส์.. เพื่อรวมตัวเป็นจุดเดียวในการทำลายเป้าหมายเท่านั้น
ใช้พลังงานหรือจำนวนแสงอาทิตย์ที่น้อยกว่า.. คือใช้จำนวนแสงที่ผ่านพื้นผิวหน้าเลนส์เท่านั้น.. มีอนุภาพมากกว่าจำนวนแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบพื้นผิวเป็นวงกว้างเสียอีก
ปริมาณแรงงานที่มาก.. ไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องของคุณภาพของงาน.. จริงมั้ย
เพียงแค่เข้าใจและตีโจทย์ของเป้าหมายได้ถูกต้อง.. วิธีการจดจ่อในเป้าหมายจะเห็นต่างกัน
ตามโจทย์เป้าหมายของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้ารายนี้.. จะเพื่ออะไร.. มันเป็นความต้องการของเจ้าของธุรกิจ.. พนักงานขายต้องรู้มั้ย.. ไม่ต้องรู้.. รู้เพียงแค่เป้าหมายที่บริษัทตั้งมา.. ต้องการอะไร.. เท่านั้นพอ
แต่ทำไม.. พนักงานขายที่มีสถานภาพเหมือนกัน.. แต่มีวิธีการคิดที่แตกต่างกัน.. อันนี้มีเหตุผลรองรับ
คำตอบแบบเดียวกันกับการตีความเป้าหมายบริษัทที่แตกต่างกัน.. เพียงแต่พื้นฐาน.. มาจากการตีความของเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน
ไม่ได้กล่าวว่าทั้ง 2 ฝ่าย.. จะมีแค่ผู้ประสบความสำเร็จ.. และ.. ผู้ที่ล้มเหลวนะ
แต่ลุงอยากตีความว่าทั้ง 2 แบบสำเร็จ.. เพียงแต่.. สำเร็จแตกต่างกัน.. เพราะมีพื้นฐานวิธีในการตีความเป้าหมายชีวิตที่ต่างกัน
คนที่ตั้งเป้าหมายในชีวิตเพียงแค่ให้ตนเองเป็นที่ยอมรับในสังคมและคนรอบข้าง.. กับ.. อีกคนที่มองถึงความเป็นอยู่.. และ.. อนาคตที่ดีของคนรอบข้างที่ต้องดูแล
1
เพราะผลลัพธ์จากการทำงานคือเรื่องของรายได้.. ที่มีความจำเป็นต่อการใช้เพื่อให้เป้าหมายบรรลุ.. มันมีปริมาณที่แตกต่างกัน
ส่งผลให้วิธีคิด.. วิธีจดจ่อในเป้าหมาย.. จึงแตกต่างกัน
ทุกคน.. ทุกองค์กร.. ที่จัดตั้งขึ้นมาล้วนมีวัตถุประสงค์.. ล้วนต้องมีเป้าหมาย
หากการตั้งเป้าหมายของบุคคล.. หรือ..องค์กร.. ใดๆก็ตาม.. ตั้งแบบไม่เข้าใจจริงๆ.. ผลลัพธ์จะไม่มั่นคง.. และจะปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อย.. จนในที่สุด.. อาจเหมือนสายน้ำวน.. ที่ไม่ไปถึงไหนเลย.. แม้จะใช้ความมุ่งมั่นจดจ่อมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ถ้าบุคคล.. หรือ..องค์กร.. ใดๆ.. ตีความในวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายได้ถ่องแท้แล้ว.. เมื่อมีความเข้มข้นในการจดจ่อลงมือกระทำ.. ผลลัพธ์คือความเจริญรุ่งเรืองตามวิถีที่ตนเอง.. หรือ.. องค์กร.. กำหนด
น่าเบื่อมั้ย.. โม้มามากมาย
บางทีบทความนี้อาจเป็นการ.. ตีวัว.. กระทบชิ่ง.. สำหรับบางคน.. บางองค์กร.. ที่ไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของตนเอง.. แม้จะเป็นผู้ก่อตั้งก็ตาม
ทบทวนตนเอง.. ว่าที่ผ่านมาใช่มั้ย.. ไปล่ะ🕺Bye
โฆษณา