11 พ.ค. 2020 เวลา 04:46 • ธุรกิจ
🏢 หุ้น QH บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ณ วันที่ 11/5/2563
🍔 QH ราคา 2.00 บาท P/E 7.51 เท่า P/BV 0.8 เท่า
🍔 HMPRO ราคา 13.30 บาท P/E 29.04 เท่า P/BV 8.04 เท่า
📑 ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2562
ดร.นิเวศน์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เป็นอันดับที่ 4 จำนวน 250 ล้านหุ้น
- ในบทสัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ กล่าวว่า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางตัว ถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าตัวบริษัทเองเสียอีก เมื่อไปค้นหาข้อมูลบริษัทที่ถือหุ้นบริษัทอื่น ที่มีมูลค่าสูง มี 3 บริษัท คือ
CPF ถือหุ้น CPALL ( 31.08% )
LH ถือหุ้น HMPRO ( 30.23% )
QH ถือหุ้น HMPRO ( 19.87% )
1
เมื่อพิจารณาตามมูลค่าตามตลาดแล้ว พบว่า
🐓 CPF ที่ถือหุ้น CPALL ช่วยลดความเสี่ยงธุรกิจไม่ได้เยอะเนื่องจาก บริษัทมีหนี้อยู่ในระดับที่สูง
🏢 LH และ QH ที่ถือหุ้น HMRPO อีกทั้ง LH ยังถือหุ้น QH อีก 24.98% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 อีกด้วย แต่เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว ผมคิดว่าราคาของ QH มีมูลค่าราคาตามตลาด ที่ต่ำกว่า ราคาพื้นฐานของหุ้น มากกว่า LH มี UPSIDE สูงกว่า และค่อนข้างปลอดภัย
2
ดังนั้นการพิจารณา QH จึงควรใช้วิธี SOTP (Sum-of-the-part) เนื่องจาก มีการถือหุ้นธุรกิจอื่น อยู่ด้วย
ดร.นิเวศน์ ถือหุ้นที่ต้นทุนปัจจุบันอยู่ที่ 2.07 บาท/หุ้น คิดโดยต้นทุนที่ซื้อมาหักเงินปันผลที่เคยได้รับ
3
BUSINESS MODEL ของบริษัท QH
แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ พัฒนาอสังหาเพื่อขายและพัฒนาอสังหาเพื่อปล่อยเช่า
 
🏡พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. Pre - Built ( สร้างก่อนแล้วค่อยขาย ) จะทำใน
🍟 Detached House บ้านเดี่ยว
🍟 Townhouse ทาวน์เฮ้าส์
2. Pre - Sale ( ขายก่อนค่อยสร้าง ) จะทำใน
🍟 Condominium คอนโนมิเนียม
🏡พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
1. Hotel
2. Office Building
1
ราคาของบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม มีหลากหลายระดับราคา ให้หลายกลุ่มลูกค้รโดยเน้นความปลอดภัยและบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
2
เมื่อพิจารณาโครงสร้างรายได้ แม้ว่า 2.1 รายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ที่มีการถือหุ้น HMPRO อยู่ สร้างรายได้เพียงแค่ 15% จากรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท เป็นเพราะว่า เป็นรายได้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน ไม่ใช่ธุรกิจหลัก
1
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อย ไม่สูงมากนัก แต่มูลค่าส/ท สูง ทำให้คนส่วนมากมองข้ามบริษัทนี้ เพราะคิดว่าเป็นกลุ่มอสังหา แต่จริงๆ ไส้ในของบริษัทมีมูลค่าซ่อนอยู่ ถ้าวันหนึ่งในอนาคต มีการ Divest หุ้น Hmpro ทำให้ สามารถสะท้อน Valuation ของธุรกิจออกมา ทำให้ราคาหุ้นอาจกระโดด
1
เมื่อพิจารณาดูธรรมชาติของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สรุปได้ดังนี้
นักลงทุนสามารถพิจารณา Valuation ของบริษัท ได้หลากหลายวิธี ดังนี้
โดนส่วนตัวผมขอแนะนำ วิธี STOP โดยการคำนวณหา Book Value เนื่องจากมีหลายธุรกิจในบริษัท
ประเด็นสำคัญ คือ การบันทึกมูลค่าในงบการเงินของเงินลงทุนใน HMPRO ของบริษัท QH ตามวิธีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งบันทึกเพียงแค่ 4,421 ล้านบาท
🌵ทั้งที่จริงๆ แล้วในราคาตลาดของ เงินลงทุนใน HMPRO อยู่ที่ 43,753 ล้านบาท (2,613 ล้านหุ้น x 13.30 บาทต่อหุ้น )
🌵ซึ่ง HMPRO ก็ยังเคยมีราคาหุ้นขึ้นไปสูงถึง 18 บาท ต่อหุ้น ซึ่งหมายความว่า มูลค่าเงินลงทุนเคยขึ้นไปสูงถึง 47,034 ล้านบาท (2,613 ล้านหุ้น x 18.00 บาทต่อหุ้น )
Margin of safety ( MOS ) ส่วนเผื่อความปลอดภัย หมายถึง การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีราคาตลาด ต่ำกว่า มูลค่าแท้จริง ยิ่งเยอะยิ่งดี โดยจากภาพข้างบน ใช้ในการวิเคราะห์ในแง่ของสภาพคล่องของธุรกิจ ซึ่งเห็นว่า QH มีส่วนเผื่อความปลอดภัยสูง ทำให้ช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนว่า แม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่มอย่างเห็นได้ชัด
Mismatch คือ การไปกู้ยืมเงินลงทุนระยะสั้น แล้วนำไปลงทุนระยะยาว อาจเป็นปัญหาได้ เนื่องจากเมื่อถึงเวลาชำระหนี้อาจหาเงินมาชำระไม่ทันเวลา แต่ QH มีการบริหารจัดการ Portfolio ได้ดี เห็นได้ชัดจาก งบการเงินที่มีการจัดการสภาพคล่องทั้งระยะสั้นและระยะสั้นได้ดี
การคำนวณ P/E แยกตามธุรกิจ หมายถึง สามารถซึ่ง HMPRO ผ่าน QH ที่ P/E เพียงแค่ 15.4 เท่า ซึ่งถ้าไปซื้อหุ้น HMPRO โดยตรง P/E สูงถึง 29.04 เท่า
BOOK VALUE ต่ำกว่าพื้นฐานในปัจจุบัน
เงินปันผลที่น่าสนใจในระดับที่สูง
การพิจารณา ราคาพื้นฐานหุ้น ตามอัตราการเติบโต 3 กรณี คือ
🌳 เทียบเท่าเงินเฟ้อ
🌳 เติบโตตามค่าเฉลี่ย
🌳 เติบโตเท่า GDP
โดยมีวิธีการคำนวณราคา ดังนี้ DDM , P/E , P/BV
1. วิธี DDM เป็นการนำเงินปันผลมาคิดคำนวณมูลค่าพื้นฐานของหุ้น
2. วิธี P/E แต่ในปกติกลุ่มนี้ Trade P/E ต่ำ ตามความเสี่ยง โดยปัจจุบันบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลงอีกด้วย
แยกพิจารณา BOOKVALUE ของบริษัท
3. BOOKVALUE ของบริษัทโดยพิจารณาแยกส่วนธุรกิจของบริษัท โดยแบ่งเป็น 1. คำนวณตามมูลค่าตามบัญชี Bookvalue
2. คำนวณเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามราคาตลาดที่ 13.30 บาท/หุ้น
3. คำนวณเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามราคาตลาดที่ 17.00 บาท/หุ้น
ถ้ามองตาม มูลค่าตามบัญชี ต่อหุ้น โดนคำนวณจาก
Bookvalue per Shared = ( Asset - Debt ) / NO. of Shared
Fundamental
แยกพิจารณา BOOKVALUE ของบริษัท เมื่อพิจารณา HMPRO ตาม Market Value
การลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนมาจาก 2 ส่วนคือ ส่วนต่างราคาหุ้น ( Capital Gain ) และเงินปันผล ( Dividend Yield )
โดย เมื่อแยกบริษัท QH ออกเป็น 2 ธุรกิจ คือ
1. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักของบริษัท หลังหักต้นทุนต่างๆแล้ว นำกำไรสุทธิส่วนหนึ่ง มาจ่ายเป็นเงินปันผล ซึ่ง กลุ่ม Property เป็นกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง ระดับ 5-7% ต่อปี
2. เงินลงทุนใน HMRPO แม่ว่าจะสร้างสัดส่วนรายได้ให้บริษัทไม่สูงนัก เนื่องจากเป็นเพียงแค่ส่วนแบ่งกำไร แต่มูลค่า เงินลงทุน เมื่อคิดตามราคาตลาด ตามวิธี SOTP จะเห็นว่าสะท้อนถึงราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอย่างมาก
ขอบคุณผู้ติดตามทุกคนนะครับ บทความอาจออกมาช้าหน่อยนะคับ เนื่องจากผู้เขียนพยายามค้นหาหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัยของเงินลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน ซึ่งในปัจจุบันต้องผมมองว่าตลาดหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีราคาค่อนข้างแพง ทำให้ยากต่อการค้นหาหุ้นเหล่านี้
1
*** บทความนี้มิได้เป็นการชี้นำ เป็นเพียงแค่แสดงให้เห็นถึงมุมมองของการพิจารณาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
โฆษณา