11 พ.ค. 2020 เวลา 04:49
บาดทะยัก ชักแหงกๆ!
สวัสดีค่ะ ท่านทราบหรือไม่คะว่าสุนัขและแมวก็สามารถเกิดโรคบาดทะยักได้เช่นเดียวกันกับคนนะคะ โดยรอบนี้จะขอกล่าวถึงในสุนัขก่อนนะคะ สุนัขจะมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งทั้งตัว ใบหน้าคล้ายสุนัขกำลังฉีกยิ้มสุดชีวิต หูตั้ง และหางม้วน ซึ่งอาจทำให้สุนัขที่ท่านรักจากไปก่อนเวลาอันควรได้ค่ะ ดังนั้นผู้เขียนจะขอกล่าวถึงโรคบาดทะยักในสุนัข ทั้งสาเหตุ อาการ การรักษา และการป้องกันค่ะ
โรคบาดทะยัก (tetanus) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium tetani ซึ่งสามารถสร้างสปอร์ได้ ส่วนใหญ่เชื้อมักอาศัยอยู่ในพื้นดิน เชื้อสามารถสร้างสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาทของสุนัขและสัตว์หลายชนิดรวมทั้งมนุษย์ (โดยมนุษย์และม้าจะมีความไวต่อพิษนี้มาก ส่วนสัตว์ปีกจะทนต่อพิษนี้) และสารพิษที่มีผลทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ส่วนใหญ่การเกิดโรคนั้น เกิดเนื่องมาจากสปอร์ของเชื้อผ่านเข้าทางบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลผ่าตัด บาดแผลจากการถูกกัด หรือได้รับอุบัติเหตุต่างๆ (ดังนั้นสุนัขส่วนใหญ่ที่เป็นโรคบาดทะยักมักพบประวัติของการเกิดบาดแผลมาก่อน) จากนั้นสปอร์ของเชื้อ Clostridium tetani จะเจริญขึ้นในบาดแผลที่มีสภาพออกซิเจนน้อยและมีเนื้อตาย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นในบริเวณบาดแผลนั้นๆ รวมทั้งสร้างสารพิษ โดยทั้งเชื้อและสารพิษจะผ่านเข้าสู่เส้นประสาท กระแสเลือดและน้ำเหลือง เข้าสู่เซลล์ประสาทของไขสันหลัง และไปยังระบบประสาทส่วนกลาง และปมประสาท ซึ่งทำให้แสดงอาการของกล้ามเนื้อหลายกลุ่ม ในกรณีที่ได้รับพิษในปริมาณมาก กล้ามเนื้อทุกชนิดจะหดตัว และสามารถทำให้สุนัขเสียชีวิตเนื่องจากการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจได้ ส่วนในรายที่ไม่รุนแรงจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อบางมัด และค่อยๆลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ
ลักษณะของการเกิดบาดทะยักมี 2 แบบ ตามทิศทางของพิษที่กระจาย และอาการที่รุนแรงเพิ่มขึ้น แบบที่ 1 คือ เดสเซนดิง เตตานัส (descending tetanus) โดยอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเริ่มต้นที่บริเวณหนังตาที่สาม ต่อมาจะไปยังกล้ามเนื้อแขน (ขาหน้า) และขา (ขาหลัง) ตามลำดับ ส่วนใหญ่มักพบในคนและม้า แบบที่ 2 คือ แอสเซนดิง เตตานัส (ascending tetanus) ซึ่งอาการจะเริ่มจากบริเวณส่วนท้ายของร่ายกาย (ขาหลังและหาง) และไปยังบริเวณส่วนหัว ส่วนใหญ่มักพบในสุนัขและแมว
ระยะฟักตัวของเชื้อ Clostridium tetani อยู่ในช่วงหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ แต่ส่วนใหญ่เฉลี่ย 10-14 วัน ช่วงที่มีการเสียชีวิตมากที่สุด คือช่วง 4 วันแรกของการเกิดโรค อาการที่พบได้บ่อยในสุนัขคือ กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัวเกร็ง กระดูกอ่อนที่ใบหูตั้งตรง ไม่สามารถลุกยืนได้ หนังตาที่สามโผล่ยื่นออกมา สุนัขจะไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตได้จากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อกล่องเสียงและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ
ในส่วนของการรักษา สัตวแพทย์จะดูแลให้สุนัขป่วยหลีกเลี่ยงจากการกระตุ้นของสิ่งเร้าต่างๆให้มากที่สุด โดยให้สุนัขอยู่ในที่เงียบ มืด สงบ และไม่ถูกรบกวน ให้สารน้ำ และอื่นๆ รวมทั้งดูแลบาดแผลให้สะอาด ที่สำคัญสัตวแพทย์จะทำการให้สารต้านชีวพิษของเชื้อบาดทะยัก (tetanus antitoxin) เพื่อทำลายพิษที่เชื้อสร้างให้เป็นกลาง โดยฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ (โดยสัตวแพทย์จะทำการทดสอบก่อนว่าสุนัขเกิดการแพ้สารต้านชีวพิษหรือไม่) รวมทั้งยับยั้งการสร้างพิษ โดยรักษาแผลที่ติดเชื้อ และให้ยาปฏิชีวนะ เช่น penicillin รวมทั้งพิจารณาให้ยาคลายหรือควบคุมการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ไม่มีการรักษาที่จำเพาะและให้ผลแน่นอน
การป้องกันการเกิดบาดทะยักในสุนัข ก็ไม่ยากจนเกินไปนัก โดยหมั่นสังเกตว่าสุนัขของท่านมีบาดแผลที่ส่วนใดหรือบริเวณใดหรือไม่ หากพบว่ามีบาดแผลเกิดขึ้น ก็ควรทำความสะอาด โกนขนบริเวณที่มีบาดแผลและล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ หากพบว่าบาดแผลลึก หรือฉีกขาดรุนแรงมาก ก็ควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อได้รับการดูแลทำความสะอาดบาดแผลอย่างถูกวิธี รวมทั้งสัตวแพทย์จะได้ดูแลการติดเชื้อของบาดแผลด้วย เพื่อป้องกันการเกิดโรคบาดทะยักค่ะ ส่วนการสร้างภูมิคุ้มด้วยการฉีดทอกซอยด์ (toxoid) แบบในคนนั้น จะไม่แนะนำสำหรับสุนัขและแมวค่ะ
โฆษณา