8. ทำโปรเจกต์ SpaceX พังซ้ำๆ
เดือนมิถุนายน 2002 Musk ก่อตั้ง SpaceX ธุรกิจขนส่งทางอวกาศ เขาลงทุนกับ SpaceX มหาศาลด้วยเงินที่ได้จากการขาย PayPal ซึ่งการปล่อยจรวดส่งยานอวกาศ 3 ครั้งแรกนั้นล้มเหลวเพราะจรวดกลับสู่โลกแล้วระเบิด นักลงทุนจำนวนมากเริ่มไม่เชื่อในตัว Musk ขณะนั้นบริษัทก็มีทุนเหลือให้ Musk ปล่อยจรวดได้อีกเพียงครั้งเดียว ยิ่งสถานภาพบริษัทเกือบเข้าสู่สภาวะล้มละลาย ยิ่งทำให้ Musk เครียดหนัก แต่โชคก็เข้าข้างเขา ผลของการเรียนรู้และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้การปล่อยจรวดครั้งที่ 4 กลับมาลงจอดได้ เกิดเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ SpaceX จึงได้รับความสนใจจาก NASA และ NASA ขอเซ็นสัญญาด้วยเงิน 1.6 พันล้านดอลลาร์ SpaceX จึงได้เงินมาต่อธุรกิจ ความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมขึ้นเองทำให้บริษัทสามารถส่งจรวดที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 3 ส่วนเมื่อเทียบกับราคาของบริษัทอื่น ซึ่งต่อมา Musk ยังสร้าง Reusable Rockets (จรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่) ได้สำเร็จ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเดินทางไปอวกาศได้หลายร้อยเท่า
ครั้งหนึ่ง Musk เคยตอบคำถาม Scott Pelley ในรายการ ‘60 Minutes’ ว่า คุณบอกว่า ไม่ได้คาดหวังว่าการก่อตั้ง Tesla จะต้องประสบความสำเร็จ แล้วทำทำไม? Musk ตอบว่า
If something's important enough you should try. Even if you - the probable outcome is failure. ถ้าบางอย่างสำคัญมากพอก็น่าลอง แม้ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะล้มเหลวก็ตาม
9. คำนวณต้นทุนผิด ชีวิตเปลี่ยน
Musk ก่อตั้ง Tesla Motors บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2003 โดยมีจุดมุ่งหมายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดในราคาที่เหมาะสม โดยรถคันแรกชื่อ Roadster มีประสิทธิภาพสูง แต่ราคายังไม่เหมาะ การเปิดตัวรถรุ่นแรกก็ล่าช้า บริษัทจึงต้องประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก
แล้วปี 2008 ก็เป็นปีที่แย่ที่สุดของ Musk เพราะต้นทุนการผลิตรถสูงเกือบ 2 เท่าของราคาที่คาดการณ์ไว้ ทำให้บริษัทมีเงินไม่พอสำหรับการผลิต Musk จึงยอมเสี่ยงด้วยการทุ่มเงินเก็บทั้งหมดในชีวิตเพื่อสู้ต่อ แล้วโชคก็เข้าข้างอีกครั้ง เพราะรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการรีวิวว่าดีเยี่ยมในด้าน Performance ทำให้ Tesla ได้รับความสนใจจากตลาด แล้วเขาก็พัฒนารถออกมาอีกหลายรุ่น เช่น Model S, Model X, Model 3 รวมถึงยานยนต์ไร้คนขับ