"พริก" ต้านมะเร็ง แต่อย่ากินเยอะ
พริกมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณอุ่นกระเพาะ ขับความเย็น ขับลมในกระเพาะด้วย. ห้ามรับประทานจำนวนมาก เพราะจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
รู้หรือไม่ ในพริกมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อ Capsaicin เจ้าสารแคปไซซินนี้เองที่ทำให้ให้พริกมีรสเผ็ดร้อน แน่นอนว่าในพริกขี้หนูที่เผ็ดที่สุดจะต้องมีสารแคปไซซินปริมาณมากที่สุด
นอกจากแคปไซซินแล้ว ในพริกยังมีวิตามินเอและซีอยู่สูงมาก พริกมีวิตามินซีสูงกว่าส้ม แต่เพราะวิตามินซีจะสลายตัวเมื่อถูกความร้อน หากต้องการวิตามินซีจากพริกจึงต้องทานแบบสดเท่านั้น
เรามารู้ประโยชน์ของพริก
- บรรเทาอาการหวัด ช่วยให้หายใจคล่อง
สารแคปไซซินในพริกมีคุณสมบัติในการลดน้ำมูก บรรเทาอาการไซนัส ภูมิแพ้ได้ดี กินพริกแล้วน้ำมูกไหลเยอะมาก
- ลดการอุดตันของเส้นเลือด
การรับประทานพริกเป็นประจำช่วยเสริมผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง เพิ่มการยืดหดตัวของผนังหลอดเลือด มีผลช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตันอีกด้วย คนไข้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองอุดตันมากจากการกินหวานและไขมันเยอะ
- ลดคลอเรสเตอรอล
แคปไซซินในพริกช่วยยับยั้งไม่ให้ตับสร้างคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และส่งเสริมให้สร้าง HDL หรือคลอเรสเตอรอลชนิดดีแทน
- บรรเทาอาการปวด
หากนำมาใช้ภายนอก แคปไซซินใช้ลดอาการปวดเมื่อยได้ มีหล่ยบริษัทใช้พริกทำครีมนะลองไปหาดู แต่ต้องระวังผิวไหม้จากความร้อนของแคปไซซิน ปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ที่มีแคปไซซินผสมสำหรับแก้ปวดวางจำหน่ายเยอะแยะมากมาย
❝ พริกช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ ❞
พริกมีวิตามินซีสูง วิตามินซีตัวนี้ช่วยยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งวิตามินซียังช่วยในการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง
นอกจากนี้พริกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง ในพริกยังมีบีต้าแคโรทีนช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งในปอดและในช่องปาก
.
ทั้งนี้ในการรับประทานไม่ควรหักโหมทานมากจนเกินไปเพราะอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร อีกทั้งควรระวังในผู้ที่มีแผลในช่องปากอาจทำให้แสบร้อนที่แผลได้
ดูแลสุขภาพก่อนจะเป็นโรค
แนะนำแอ๊ดไลน์ติดตามสาระดีดี ส่งตรงถือมือคุณเลย
หรือ
นัดเข้ารักษาหรือให้คำปรึกษาสุขภาพกับหมอจีนได้ที่ไลน์นะครับ
line @dr_tee 👉🏻
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
