11 พ.ค. 2020 เวลา 14:11 • สุขภาพ
"ล้งจีนค้ากำไร ทำผลไม้ไทยแพง"
หนังสือพิมพ์ที่วางบนโต๊ะไม้ในร้านกาแฟ ใกล้ๆกับเก้าอี้ที่เพื่อนชายของเธอนั่ง พาดหัวข้อความนั้นไว้ ด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่ เรียกความสนใจให้คนที่แม้จะไม่ได้ยินดียินร้ายกับข่าวปากท้องชาวบ้านอะไรมากนักอย่างเธอ ต้องหันมามองอย่างช่วยไม่ได้
เธอแตะแขนเพื่อนชายที่มาด้วยกันเบาๆ บอกให้เขาส่งหนังสือพิมพ์เล่มนั้นมาให้ แล้วจึงหยิบเอาหนังสือพิมพ์ยับยู่ยี่ขึ้นมาอ่านต่ออย่างใส่ใจ
ส่วนหนึ่ง เพราะเธอก็รู้สึกได้ว่าเรื่องมันมีมูลอยู่ไม่น้อย ขนาดกล้วยธรรมดาๆ ที่หวีละ 25-30 บาทเมื่อปีก่อน เมื่อวานเธอเดินไปหาแม่ค้าเจ้าเดิมกลับขี้นเป็น 50 -60 บาท พอเธอติงไปว่าทำไมราคามันสูงกว่าเมื่อก่อนตั้งเท่าตัว เธอก็ถูกเสียงเอ็ดซ่ะเสียงดังว่า "ไม่ขี้นไม่ได้หรอกคุ้ณณณ ไม่งั้นจะเอาอะไรกิน"
ด้วยความหมั่นไส้แม่ค้า เธอเลยเดินจากไปมือเปล่า พร้อมเสียงฮึดฮัดในคอ ตามประสาคนที่ไม่ชอบถูกใครเอาเปรียบ
จริงๆก็ไม่ใช่ว่าเจ้าหล่อนจะไม่มีเงินจ่าย แต่เพราะในใจคิดว่านี่มันอะไรหนักหนา เพราะปัญหาเงินเฟ้อก็ไม่ใช่ ก็เห็นรัฐบาลก็บ่นปาวๆอยู่ว่าปีนี้ไม่มีเฟ้อ แถมปีก่อนเงินเฟ้อยังถึงขั้นติดลบอีกต่างหาก หรือเศรษฐกิจจะเลวร้ายอย่างที่เค้าว่าจริงๆ แม่ค้าเลยต้องขูดรีดกำไรกันถึงขั้นนี้
ตัดภาพกลับมาที่ร้านกาแฟ ขณะที่เธอค่อยๆอ่านหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนหนุ่มเพิ่งหยิบให้ เขาก็ก้มหน้าอ่านนิตยสารสุขภาพที่เขาติดมือมา พร้อมๆกับจิบกาแฟไปเพลินๆ
เธอเปิดกางหนังสือพิมพ์หน้าที่เป็นรายละเอียดของพาดหัวข่าว เนื้อหาข่าวเล่าว่า การที่ผลไม้ไทยราคาสูง เป็นผลพลอยได้ของความต้องการผลไม้ของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน พ่อค้าคนกลางชาวจีนที่เรียกว่าล้ง ได้เข้ามาเหมาผลไม้ไทยไปทั้งสวนจากสวนหลายแห่งทั่วประเทศเพื่อส่งกลับไปขายทำกำไรที่เมืองจีน
เมื่อกำลังการผลิตผลไม้ในประเทศมีอยู่อย่างจำกัด ตรงข้ามกับความต้องการที่สูงขี้นจากตลาดต่างประเทศ ในระยะสั้นจึงเกิดผลไมัในประเทศขาดตลาด โดยเฉพาะผลไม้ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนจีน เช่นกล้วย มะม่วง ทุเรียน มังคุด สินค้าเหล่านี้จึงต้องปรับราคาสูงขี้นอย่างช่วยไม่ได้
"เอาอีกแล้วคนจีน... จะมาแย่งอะไรไปกินกันหนักหนาขนาดนั้น" เธอคิดพลางโมโหนิดๆ พร้อมกับตอบให้กับตัวเองฟังว่า กลไกตลาดทีว่าด้วยอุปสงค์ อุปทาน ความต้องการตลาด และความต้องการขาย มักทำตัวเป็นมือที่สามอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะได้รับคำเชิญหรือไม่ก็ตาม เธอเองก็สงสัยว่าคนจีนเค้าจะรู้มั้ยว่าเค้าทำให้กล้วยในท้องตลาดบ้านเราราคาสูงขึ้นปรู๊ดขนาดนี้
เธอจำได้ สมัยก่อนที่เธอยังไม่ได้อยู่ในเมืองกรุง และฐานะของที่บ้านไม่สู้ดีนัก ทุกครั้งที่เธอหิว แต่ไม่มีเงินพอไปซื้อข้าว แม่จะให้เธอไปตัดกล้วยที่ปลูกอยู่หลังบ้าน มาทานพอประทังไปได้ มื้อหนึ่งเธอกันกินกล้วยมื้อละลูก สองลูกกล้วยปิ้ง กล้วยเผา กล้วยสุก ก็ว่ากันไป และกล้วยก็ทำหน้าที่ประทังความหิวของเธอได้เป็นอย่างดี ถ้าเป็นตอนนี้ เธอคงได้เก็บกล้วยขายซะมันส์มือ แล้วเอาเงินที่ได้ ไปซื้อข้าวซื้อขนมแทน บางทีอาจซื้อโค้กมาเพิ่มอีกกระป๋องหนึ่งด้วย
แต่จะว่าไป ก็เมื่อเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านนอกของเธออีกแล้ว ถ้าอยากกินกล้วยเพราะนึกถึงแม่ เธอก็ต้องไปซื้อเค้ากินเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือ การที่กล้วยราคาสูงอย่างนี้ ชาวบ้านชาวช่องตาดำๆ ที่ไม่มีสวนกล้วยเป็นของตัวเอง ก็คงต้องจ่ายเงินเพิ่มขี้นอีกเท่าตัว เพื่อกินกล้วยจำนวนเท่าเดิม นี่ยังไม่นับบรรดาแม่ค้าพ่อค้ากล้วยปิ้งกล้วยทอด ที่อาศัยกล้วยเป็นวัตถุดิบในการผลิต เขาจะอยู่ได้ยังไง แล้วลูกเด็กเล็กแดงที่มาซื้อกล้วยปิ้งอาจต้องพลอยอดกินกล้วยไปด้วย เพราะกล้วยราคาแพง
แต่เอาเถอะ ตราบใดที่ยังมีความต้องการ แม่ค้ากล้วยปิ้ง ก็คงยังปิ้งกล้วยขายต่อไป แต่อาจหากล้วยที่สวนอื่นที่ราคาไม่แพงนักมาให้ บางทีกล้วยอาจจะลูกเล็กกว่ากล้วยขนาดเก่าก็ได้ หรือกล้วยอาจจะไม่สวย ไม่หอม เท่าเดิม ก็กล้วย สวยๆ ผลโตๆ เราส่งออกไปหมดแล้ว ก็คงเหลือแต่กล้วยไม่สวยเท่าไหร่ ที่พอเหลือมาขายให้ชาวบ้านตาดำๆได้กินกันในราคาที่รับได้
บางทีเด็กๆอาจเปลี่ยนจากกินกล้วยปิ้ง ไปกินผลไม้แช่อิ่มอย่างอื่นแทน นั่นแหล่ะ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งมันก็มีทางไปของมันเองจนได้ หรือบางที เมื่อสินค้าราคาสูง ก็อาจทำให้ผู้ผลิตอยากผลิตมากขึ้น แล้วสุดท้ายการแข่งขันกันผลิตในตลาดก็อาจทำให้ราคาตกลงมาได้ ใครจะไปรู้
เธอคิดเองตอบเองในหัวเพลินๆ
พลันที่หนุ่มหน้ามนที่มาด้วยกันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิตยสารของเขา
แล้วก็สะกิดให้เธอดูรูปของอาหารสุขภาพเทรนด์ใหม่ที่มาแรง ที่เรียกกันว่า ซุปเปอร์ฟู๊ดส์ (Superfoods) อาหารที่เธอฟังแล้วชักเคลิ้ม เพราะคิดไปถึง ซุปเปอร์แมน (Superman) ซุปเปอร์พาวเวอร์ (Superpower) อะไรเหล่านั้น
สงสัยจริงๆว่า ซุปเปอร์ฟู๊ดส์ (Superfoods) นี้ ถ้าได้กินก็คงจะมีพลัง Super อย่างที่ว่าแน่ๆ และหนึ่งในบรรดา ซุปเปอร์ฟู๊ดส์ (Superfoods) ที่พ่อหนุ่มดูจะสนอกสนใจเป็นพิเศษก็คือ ควินัว (Quinoa) ธัญพืชที่ว่ากันว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม
พอสะกิดเธอให้หันดูภาพอาหารมหัศจรรย์ในนิตยสารนั้นได้แล้ว พ่อหนุ่มก็กล่าวพร่ำพรรณนาถึงคุณความดีของควินัวให้เธอฟัง ตามที่คนขายควินัวในงานออกร้านขายของเมื่อวันก่อนเค้าบอกมา ไฟเบอร์เยอะบ้างหล่ะ โปรตีนครบ (มีอะมิโนแอซิดที่จำเป็นครบทั้ง 9 ขนิด)บ้างหล่ะ แร่ธาตุต่างๆสารพัด
เธอฟังเค้าเล่าเรื่องอาหารของเขา แล้วย้อนนึกถึงปัญหาเรื่องกล้วยของตัวเอง จึงถามเขากลับว่า "แล้วแกรู้มั้ยว่าการที่ควินัวกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ต้องสนองความต้องการของตลาดโลก มันทำให้วิถีชีวิตของคนปลูก หรือคนที่เคยกินมาแต่เดิมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร"
เขาที่ถูกเธอเรียกว่าแกนิ่ง ไม่ตอบ เพราะตอบไม่ได้
ใช่สิ เขาไม่รู้ ถ้าเธอถามเค้าว่าควินัวมาจากประเทศไหน มีประโยชน์อะไร เขายังพอตอบได้ แต่ถ้าถามว่าการที่เขาซื้อควินัวมา มันส่งผลกระทบอย่างไรกับเศรษฐกิจท้องถิ่นของประเทศผู้ผลิต เหมือนเล่นมาถามเค้าว่า โคตร เหง้า เลากา ตระกูลของเพื่อนที่เค้ารู้จักเพียงผิวเผิน เป็นใครมาจากไหน แล้วใครมันจะไปรู้
ก็สิ่งที่คนขายเค้าบอกมา มันมีแค่นี่จริงๆ เขาก็แค่รู้ว่าควินัวมันมาจากประเทศทางอเมริกาใต้ แล้วมันก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เขาเลยยอมจ่ายค่าควินัวนำเข้าราคาแพง เพื่อที่จะกินแทนข้าวอยู่หลายมื้อ
การซื้อควินัวของเขา จะทำให้ชาวบ้านชาวช่องที่ปลูกควินัวรวยขี้น หรือจนลง สุขภาพดีขี้น หรือแย่ลง ทำไมเขาต้องสนใจด้วย แค่เขามีทาน ให้เขาสุขภาพดีก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือ
เธอค่อยๆหยิบเอาหนังสือพิมพ์ที่เธอเพิ่งอ่านจบ ยัดใส่มือให้เค้าอ่าน แล้วบอกว่า "เอ้า.. อ่านนี่ดู... แล้วเธอจะรู้ว่าควินัว มันก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากผลไม้ไทยนั่นแหล่ะ"
เกี่ยวกับ ควินัว
ควินัว เป็นธัญพืชที่โตอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง กึ่งทะเลทราย แต่มีอากาศหนาวเย็น บนเทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ มีแร่ธาตุ ไฟเบอร์ และโปรตีนครบ ช่วยในระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สหประชาชาติประกาศให้ปี 2013 เป็นปีของควินัว และส่งเสริมให้ปลูกควินัวในประเทศต่างๆเช่น อินเดีย เคนย่า
ก่อนที่คนทั่วโลกจะรู้จักควินัว มันเคยเป็นอาหารหลักของคนท้องถิ่นที่ยากจนในประเทศเปรู และ โบลิเวีย ในปัจจุบันทั้งสองประเทศ เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกควินัวรายใหญ่ของโลก
 
 
ระหว่างปี 2006 - 2013 ราคาของควินัวในประเทศเปรูและโบลิเวียสูงขี้นกว่าเดิมถึงสามเท่า การที่เกษตรกรมีรายรับมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศส่งออกขยายตัว (Bellemare, Marc F. & Fajardo-Gonzalez, Johanna & Gitter, Seth R., 2018. "Foods and fads: The welfare impacts of rising quinoa prices in Peru," World Development, Elsevier, vol. 112(C), pages 163-179.
คนท้องถิ่นที่ยากจนไม่สามารถซื้อควินัวได้ เนื่องจากราคาที่สูง จึงทำให้การบริโภคควินัวในประเทศลดลงถึง 34% เกษตรกรต้องการเก็บควินัวไว้ขาย มากกว่าไว้ทานเองที่บ้าน จึงเลือกที่จะทานอาหารอื่นที่ราคาถูกกว่า ส่งผลให้อัตราของจำนวนเด็กที่ขาดสารอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกควินัว (Romero and Shahriari, 2011 "Quinoa’s Global Success Creates Quandary at Home" The New York Times).
ขณะเดียวกันการปลูกควินัวอย่างหนักเพื่อการส่งออกทำให้พื้นดินบริเวณที่ปลูกกลายเป็นดินเสีย (Jacobsen, 2011 "The Situation for Quinoa and Its Production in Southern Bolivia: From Economic Success to Environmental Disaster" Journay of Agronomy and Crop Science, )
 
ตอนนี้เมืองไทยเริ่มมีคนทดลองปลูกควินัวได้แล้ว ไว้เดี๋ยวจะเอามาแชร์ให้อีกทีหนึงคะ
โฆษณา