Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Listen to Meen
•
ติดตาม
11 พ.ค. 2020 เวลา 14:37 • ท่องเที่ยว
กาลครั้งหนึ่งฉันเคยตาบอด.. Once upon time, I was blind at Dans le noir?
สวัสดีค่ะนี้เป็นครั้งแรกของการเขียน Blog ของเราเอง อาจจะมีพิมพ์งงๆบ้าง วกไปวนมาบ้างต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ มือใหม่มากจริงๆ ^_^
( เปล่าเล้ยยย จริงๆเป็นคนมึนๆนั่นเองง 5555 )
เอาล่ะเรามาเริ่มกันเลยยยย
นี้คือรูปหน้าร้าน ถ่ายโดยเราเอง
ที่บอกว่าครั้งหนึ่งฉันเคยตาบอดมีนไม่ได้ตาบอดจริงนะคะ แต่ได้มีโอกาสไปร้านอาหารร้านนึงในลอนดอนค่ะ เอาจริงๆในตอนนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีร้านอาหารแบบนี้อยู่จริง และที่สำคัญโดนแฟนหลอกไปค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ในวันนั้นแฟนก็บอกให้แต่งตัวสวยๆนะเดี๋ยวตอนเย็นนี้ฉันจะพาเธอไปร้านอาหาร ขอบอกว่าพิเศษมากๆ เธอต้องชอบแน่ๆ ด้วยความมโนของเราค่ะ ก็คิดไปต่างๆนาๆ ว่าต้องสุดหรูเห็นวิว 360 องศาของใจกลางลอนดอนแน่ๆ เราก็จัดเต็มเลยค่ะ (ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังโดนหลอก) ตอนนั่งรถไปร้านอาหารนี่ก็ยังคิดว่าต้องเป็นตึกสูงๆ พยายามมองหาตึกแล้วถามแฟนค่ะ ไหนๆร้านอาหารของเธอ แฟนก็ชี้ ร้านนั่นไง อ้าวววว จบกันจินตนาการของฉัน55555 นี่ก็แบบ เอ่อๆๆไม่เป็นไรมันอาจจะเป็นร้านยอดฮิตของที่นี่ พอเดินเข้าไป พนักงานแนะนำนั่นนี่เราก็ถึงบางอ่อค่ะ อิชั้นโดนแฟนหลอกกกกกกก
จุดจบของสายมโม
ก่อนอื่นเรามาพูดถึง Concept ของร้านกันก่อนดีกว่า คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือ dark dinning หรือ blind dining เป็นร้านอาหารที่เขาจะเสิร์ฟอาหารให้เรา
แบบมืดๆ มืดในที่นี่คือมืดจริงๆค่ะ ไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวนึงของแสงที่เล็ดลอดออกมาเลย เหมือนเรา blind จริงๆ
ตอนเราเข้าไปในร้านพนักงานก็จะเข้ามาต้อนรับและสอบถามชื่อเราค่ะว่า
จองมารึเปล่าพร้อมกับเสิร์ฟ welcome cocktails และเอาเมนูมาให้เราเลือก
ในเมนูเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะทาน เนื้อ, ปลา, มังสวิรัติ หรือ ให้เชฟเลือกให้ค่ะ และเราก็สามารถเลือกได้ว่า เราจะเอา starter menu กับ main หรือ starter,main และของหวานค่ะ วันนั้นเราเลือก แบบที่สองค่ะ คือเอาทั้งสามอย่างเลย และให้เชฟเป็นคนเลือกเมนูให้แต่ไม่เอาเนื้อค่ะเราสามารถบอก
เขาได้ว่ากินไม่กินอะไร
หลังจากนั้นเขาก็จะให้เราเอากระเป๋าและโทรศัพท์เก็บไว้ในล๊อคเกอร์ค่ะเพราะเขาไม่อนุญาติให้เราใช้โทรศัพท์หรือนำสิ่งของอื่นๆเข้าไปข้างในจากนั้นเขาก็จะจับเราเป็นกรุ๊ปๆ ซึ่งในแต่ละกรุ๊ปก็จะมีพี่เลี้ยงหนึ่งคนค่ะ (ขอบอกว่าคนที่มาเป็นพี่เลี้ยงเราคือคนตาบอดค่ะ พวกพี่ๆเขาเก่งและเฟรนลี่มากๆ) ก่อนจะเข้าไปเขาก็จะแนะนำชื่อพี่เลี้ยงและให้เราแนะนำตัวเองกับพี่เลี้ยงและคนอื่นๆในกรุ๊ปด้วยค่ะ ตอนเดินเข้าไปเราต้องจับไหล่กันเหมือนในรูปนะคะ ไปแอบขโมยรูปมาจากในไอจีร้าน แหะๆๆ >_<
ของทุกอย่างจะเก็บใน locker และเดินเข้าแถวจับไหล่กันแบบนี้
ความรู้สึกแรกที่เข้าไปคือ อะไรเนี่ยยยยยยย ทำไมมันมืดขนาดนี้ มืดจนปวดหัว และถ้าเรายิ่งพยายามฝืนมองมันก็จะยิ่งปวดตา
ตอนนั้นเราได้ยินแต่เสียงคนพูดกันจากโต๊ะข้างๆและพี่เลี้ยงที่คอยบอกให้เราพยายามปรับตัวและสัมผัสว่าช้อนส้อมอยู่ตรงไหน จานอยู่ตรงไหน แก้วน้ำอยู่ตรงไหน มันทรมานมากจริงจริ๊งงงงง
ตอนนั่งรอนี่ก็บอกแฟนว่านี่พิเศษของเธอหรอพาฉันมาที่นี่ทำไมมม ฉันจะออกไปแล้วนะ เพราะตอนนั้นรู้สึกปวดหัวมากๆ แต่แฟนบอกอย่าพยายามมองให้ปิดตาไปเลยเดี๋ยวจะชินเอง เราก็แบบเออๆก็ได้ลองทนอีกหน่อย
1
เรานั่งรอได้สักพัก พี่เลี้ยงก็จะมาเสิร์ฟน้ำและ starter
เขาจะเรียกชื่อของเราค่ะ ต้องพยายามตั้งใจฟังดีๆ เพราะอาหารของแต่ละคนสั่งไม่เหมือนกัน ที่พีคคือตอนกินนี่แหละ คือเราไม่รู้เลยว่าเรากำลังกินอะไรอยู่ และด้วยความที่มองไม่เห็น ใช้ช้อนใช้ส้อมก็ลำบากเหลือเกินนน เลยตัดสินใจใช้มือนี่แหละค่ะง่ายดี เลอะเทอะไปหมดเลย แอบหยิบน้ำผิดแก้วกับคนข้างๆด้วย ฮ่าๆๆ แต่มันก็สนุกตรงที่เราพยายามจะจินตนาการว่าอาหารที่เรากินมันคืออะไร เราได้พูดคุยกับคนที่เราก็ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่ดีอย่างนึงเลย
หลังจากอาหารทุกจานเสิร์ฟจนครบและเรากินจนหมดเขาก็จะเริ่มทยอยพาเราออก เราก็ต้องออกแบบเดิมค่ะ คือเข้าแถวและจับไหล่เดินกันออกไป หลังจากที่เราเดินออกมาหยิบกระเป๋าในล๊อคเกอร์และนั่งพักพนักงานก็จะเดินมาคุยกับเราว่า เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม คุณคิดว่าคุณกินอะไรไปบ้าง ตอนแรกเราก็ตอบไปว่าน่าจะหมูและไก่ แต่ไม่ใช่นะคะทุกคนนนนน มันคืออออ…. เนื้อกระต่ายและเนื้อห่าน!!!! อึ้งกันไปเลยยย แต่ทายขนมหวานถูกนะคะ มันคือช๊อคโกแลตมูสนั่นเอง อิอิ เรากับแฟนทายว่าเราได้ของต่างกันแต่สุดท้ายเราก็รู้ว่าเราได้เหมือนกัน ฮ่าๆ ตลกดีอ่ะ เวลาเรากินอะไรที่เรามองไม่เห็นแต่กลับได้รสชาติที่ต่างกัน เออแปลกดีแหะ
ก็จบลงไปแบบแฮปปี้อิ่มใจสุดๆกับมื้ออาหารสุดพิเศษของคุณแฟนที่เขาตั้ง
ใจจะพาเราไปเหลือเกินนนน ดีใจมากกกที่ครั้งนึงได้มีโอกาสได้ลอง เพราะคิดว่ามันคือประสบการณ์ที่ดีที่สุด ที่ครั้งนึงในชีวิตเราควรไปลองสักครั้ง
เราสามารถที่จะกินและรับรู้รสชาติโดยไม่ต้องผ่านตา และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่
เราได้จากการไปร้านอาหาร ที่นี่คือได้รู้ว่าคนตาบอดเขาเก่งมากแค่ไหนที่เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในที่มืด
ยิ่งไปกว่านั้นเราอยากบอกว่าถ้าหากไม่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือ เราก็ไม่
สามารถจะใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้เลยจริงๆ ใครที่ไปลอนดอนและอยากจะหา
ประสบการณ์ใหม่ๆ คืออยากจะแนะนำมากๆว่าควรไปลองสักครั้งแล้วคุณจะไม่มีวันลืมมประสบการณ์ดีๆแบบนี้เลย :)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันจนจบนะคะ ยังไงฝากเนื้อฝากตัว และติชมกันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
2 บันทึก
29
36
6
2
29
36
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย