11 พ.ค. 2020 เวลา 18:45 • ไลฟ์สไตล์
“คนไร้มารยาท”
หลายๆครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอก
โดนหลอกจากคนใกล้ตัวและโดนหลอกจากคนไกลตัว
ฉันเคยโกรธ เคยเกลียดและเคยแม้กระทั่งเลิกคบเลิกติดต่อกับคนเหล่านั้น
แต่สุดท้าย ฉันก็ต้องยอมรับชะตากรรม
เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็เหมือนจะหนีไม่พ้น ”คนมีมารยาท” พวกนี้อยู่ดี
ครั้งแรกๆที่รู้ตัวว่าโดนหลอก(แต่ไม่ใช่การโดนหลอกครั้งแรกๆ)
เรื่องมันเกิดขึ้นที่ออฟฟิศของฉันเอง
เที่ยงกว่าๆของวันหนึ่ง ฉันได้ส่งตัวแทนไปสำรวจที่ครัวพนักงาน ว่าวันนี้มีอาหารอะไร
หลังจากที่ได้รู้ทุกคนในออฟฟิศ (ทั้งหมด 3 ชีวิต) ก็ลงความเห็นตรงว่าอาหารพนักงานวันนี้ “กินไม่ได้”
ในระหว่างที่เรากำลังปร฿กษากันว่าจะกินอะไรดี
จู่ๆประตูออฟฟิศก็เปิดออก
พนักงานชาย(แต่ใจเป็นหญิง)โผล่เฉพาะส่วนใบหน้าเข้ามา
แล้วถามพวกเราด้วยเสียงอันสดใสว่า “หนูจะไปเซเว่น พี่ๆจะเอาอะไรไหมคะ?”
ตอนนั้นฉันเริ่มรู้สึกหิว เลยไม่รีรอที่จะบอกน้องเค้าไปว่าต้วเองต้องการอะไรบ้าง
มีฉันคนเดียวที่ฝากซื้อของและน้องเค้าก็รับปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ว่าจะรีบไปรีบกลับแล้วก็เดินจากไปโดยปฏิเสธการรับเงินค่าของที่เราฝากซื้อก่อนล่วงหน้า
โดยให้เหตุผลว่านางจะออกเงินซื้อของให้ก่อนแล้วค่อยกลับมาคิดเงินตอนเอาของมาให้
ในระหว่างรอการกลับมาของน้องคนนั้น
ฉันก็เร่งทำงานต่อ
จนผ่านไปพักใหญ่ๆฉันรู้สึกสงสัยว่าทำไมนางไปนานจังยังไม่กลับมาอีกเหรอ
เงยหน้าดูนาฬิกาก็ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว
จึงตัดสินใจโทรหาแล้วถามว่านางอยู่ไหน
ปรากฏว่านางกลับมาแล้ว
แต่ลืมซื้อของที่ฉันฝากซื้อแล้วก็ลืมแวะมาบอกว่าลืมซื้อมา(เอากับมัน)
นางรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
แต่ก่อนที่ฉันจะทันต่อว่าอะไรนาง
กลับเป็นฉันเองที่ตกเป็นฝ่ายรู้สึกเกรงใจและบอกกับนางว่าไม่เป็นไร
หลังจากวางหูโทรศัพท์ ฉันไม่เชื่อเลยสักนิดว่าน้องเค้าจะลืมจริงๆ
แต่มีเหตุผลอะไรล่ะที่น้องเค้าจะไม่ซื้อของมาให้ฉัน?
หรือเป็นว่าเพราะฉันไม่ได้จ่ายเงินค่าของล่วงหน้าให้เค้าไป
แต่เค้าก็ปฏิเสธนี่ ฉันคิด
เหตุการณ์แบบนี้ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ
จะเปลี่ยนไปก็แค่สถาณที่
จากเซเว่นเป็นตลาดนัดหรือร้านผลไม้ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาใข่มุก ฯลฯ
แต่ทุกครั้งที่ฝากซื้อของ
ฉันต้องได้ให้เงินไปก่อนทุกครั้ง
ถึงแม้ว่าน้องเค้าจะพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับเงินค่าของล่วงหน้าเกือบจะทุกครั้ง
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงอาการลืม แล้วต้องผิดหวังเมื่อไม่ได้ของที่อยากได้หรืออยากกิน
ฉันก็เลยพยายามยัดเยียดเงินค่าของให้นางทุกครั้ง
แต่ก็นั่นแหละ
ของที่ฝากซื้อทุกครั้ง ฉันจะได้ของจริงๆก็ต่อเมื่อมีคนอื่นไปกับนางด้วยเท่านั้น
ถ้านางไปคนเดียวเป็นอันเหลว ฉันก็อดไปตามระเบียบ
จนฉันเริ่มเกิดความสงสัยและพยายามที่จะหาคำตอบ
ฉันเคยแอบไปถามคนนั้นคนนี้แต่ก็ไม่เคยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ทุกคนเอาแต่พูดว่า “มันก็เป็นชองมันแบบนั้นแหละ”
ซึ่งก็ไม่ช่วยอธิบายอะไรให้คนหัวทึบอย่างฉันเข้าใจได้เลย
จนวันหนึ่งมีพนักงานที่เป็นลูกน้องในแผนกของฉันซึ่งเราค่อนข้างสนิทกันลาออก
ฉันและคนอื่นๆในแผนกเลยตัดสินใจว่าเราจะไปเลี้ยงส่งน้องเค้าที่ร้านอาหารติดชายหาดที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
พอแจ้งรายละเอียดการเลี้ยงส่งกับเจ้าตัว
น้องเค้าบอกว่าดีเลย เค้านัดกันแฟนเอาไว้ที่บาร์บาร์หนึ่งใกล้ๆกับร้านอาหารที่เราจะไป
กินข้าวเสร็จแล้วน้องเค้าก็จะได้ไปต่อกับแฟนเลย
ตอนที่เรากำลังทานข้าวกันพวกเราทุกคนสนุกกันมาก
มีแต่เสียงหัวเราะหยอกล้อกัน
และฉันก็รู้สึกสุขปนเศร้านิดๆที่จะไม่ได้ร่วมงานกับน้องเค้าอีก
ฉันจึงพยายายามจะยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด
แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
คนอื่นๆทยอยขอตัวกลับบ้านจนเหลือกันอยู่แค่ไม่กี่คน
น้องคนที่ลาออกมีท่าทางอึดอัดที่ฉันยังชวนคุยไม่เลิกและไม่มีท่าทีว่าจะลุก
จนในที่สุดน้องเค้าคงจะทนไม่ไหวเลยพูดลอยๆว่าแฟนน่าจะมารออยู่ที่บาร์นานแล้ว
น้องคงต้องไปแล้ว
แต่ถ้าฉันยังอยากคุยต่อและถ้าไม่รังเกียจเราย้ายไปคุยกันต่อกันที่บาร์แทนก็ได้
(น้องคงเห็นคุณค่าในความสำพันธ์ที่ฉันมอบให้)
ฉันถามคนที่เหลือว่าใครจะไปบ้าง
ซึ่งก็มีทั้งคนไปและคนไม่ไป
แต่ที่น่าแปลกใจคือคนที่ฉันคิดว่าจะไปกลับไม่ไปแต่คนที่คิดว่าคงไม่ไปกลับมีท่าทางเห็นใจและยอมไปกับฉันแต่โดยดี
พอไปถึงที่บาร์ น้องที่เราไปเลี้ยงส่งก็ตรงดิ่งไปหาแฟนทันที
ฉันก็แอบเกรงใจว่าแฟนเค้าจะโกรธไหม แต่ดูท่าทางแล้วเค้าชิลล์มาก
ฉันก็เลยสบายใจและพยายามสร้างความสำพันธ์ด้วยบทสนทนาที่คุยค้างไว้
แต่ดูเหมือนน้องคนสนิทของฉันจะยุ่งกับการดูแลเอาใจใส่แฟน
จนทำให้ฉันอึดอัดและค่อยๆปลีกตัวออกมาเอง
ในขณะที่พยามดื่มเครื่องดื่มที่ราคาแพงแสนแพงที่ตัวเองเพิ่งสั่งมาให้หมด
จะได้กลับบ้านซะที
น้องกะเทยน้อยที่ไปด้วยกันซึ่งฉันก็ไม่ได้สนิทสนมด้วยเท่าไหร่
กลับพยายามมาเอาอกเอาใจและชวนคุยให้ฉันหายอดอัด
เพราะนางเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดและคงรู้สึกสงสารที่ฉันถูกลอยแพ
หลายวันหลังจากนั้น ฉันได้แต่เก็บความอึดอัดใจไว้กับตัว
น้องที่ไม่ได้ไปต่อกับเราวันนั้นถามว่าเป็นไงบ้าง ไปต่อกันสนุกไหม
ฉันก็ได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆว่า “ก็โอเค”
จนในที่สุดฉันก็ทนกับความคับข้องใจหมองใจเอาไว้ไม่ไหว
เลยเล่าให้น้องในออฟฟิศฟังว่าวันนั้นหลังปาร์ตี้อาหารเย็น
เกิดอะไรขึ้นตอนที่เราไปเที่ยวต่อกันที่บาร์
“เค้าชวนตามมารยาทแหละ พี่ก็น่าจะรู้ หนูก็ยังแปลกใจว่าทำไมพี่ถึงไป”
น้องพูดหลังจากที่ฟังฉันเล่าจบ
ฉันประมวลเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบน้องเค้ากลับไปด้วยความไม่แน่ใจว่า
“ไม่น่าจะใช่มั้ง ก็เราสนิทกันขนาดนี้น้องเค้าจะทำแบบนั้นทำไม
เค้าจะรักษามารยาทไปทำไม ถ้าเค้าไม่อยากให้เราไปกับเค้าจริงๆ?”
เท่านั้นแหละเพื่อนร่วมออฟฟิศทั้งสองคน
ก็ร่วมด้วยช่วยกันสังคายนา สาธยาย พร้อมทังแสดงรีวิวประกอบเพลง
ให้คนซื่อ(บื้อ)อย่างฉันเข้าใจ ว่าเค้าชวนฉัน “ตามมารยาท”ยังไง
หลังจากที่ฟังสองคนนั้นจบ
ฉันก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ฉลาดและไร้มารยาทเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
เขาชวนตามมารยาท ฉันก็ควรปฏิเสธตามมารยาท
ไม่ใช่เสียมารยาทไปร่วมวงมณฑาในปาร์ตี้ส่วนตัวของเค้า
แล้วเคสน้องเลดี้บอยที่ฉันเคยฝากซื้อของก็มากระแทกหน้าฉันอย่างจัง
เพื่อนทั้งสองคนหัวเราะเยาะฉันและบอกว่าคนทั้งบริษัทก็คงจะมีแต่ฉันนี่แหละที่ไม่ทันนาง
ฉันต้องทันอะไร?
เรื่องมันเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนออกขนาดนี้
ฉันจะไปซื้อของ ฉันถามเพื่อนว่าจะเอาอะไรไหม
เพื่อนตอบว่าเอา ฉันก็ซื้อมาให้
ผลัดกันไปผลัดกันมาตามประสาคนอยู่องค์กรเดียวกัน
แล้วมันมีอะไรที่มากกว่านั้นเหรอ
เอ หรือว่าฉันพลาดเรื่องเด็ดอะไป ฉันได้แต่ถามตัวเอง
“เพราะพี่ใช้ชีวิตแบบนี้ไงพี่ก็เลยโดนหลอก” น้องคนหนึ่งพูด
“แล้วมันจะมาหลอกชั้นทำไม หลอกแล้วมันได้อะไร” ฉันถามด้วยความโมโห
“มันแค่กลัวว่าเราจะถามหาเวลามันออกไปข้างนอก มันเลยมาบอกว่ามันจะไปไหนแล้วก็แกล้งถามตามมารยาทว่าเราจะเอาอะไรไหม แต่พี่ก็กลับเอาจริง ฝากมันซื้อของจริงๆ
แล้วพี่ไม่สังเกตุเหรอว่าพี่ไม่เคยได้ของที่พี่ฝากมันซื้อเลย” น้องคนเดิมตอบยืดยาว
“พี่ทำให้เค้าอึดอัดนะรู้ไหม เดี๋ยวนี้เวลาจะไปไหนมาไหนเค้าไม่เคยเข้ามาบอกเราอีกเลยเห็นหรืเปล่า” น้องอีกคนพูดเสริม
เฮ้ย เดี๋ยวนะ นี่ตกลงกรูผิดเหรอเนี่ย
กรูเป็นฝ่ายทำให้เค้าอึดอัดเหรอ
ไม่หรอก ฉันบอกตัวเอง
ฉันจะยังไม่ปักใจเชื่อสิ่งที่สองคนนั้นพูด
เรื่องนี้มันต้องพิสูจน์ ฉันคิดในใจ
ฉันรอจนได้จังหวะเหมาะ (ซึ่งก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน)
ฉันรอให้ทุกคนลืมเรืองที่เกิดขึ้นเสียก่อน
แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ไปสานสำพันธ์กับน้องเลดี้บอยคนนั้น
จนนางหายอึดอัดและเริ่มพฤติกรรมความมีมารยาทเดิมๆอีกครั้ง
เวลานางเข้ามาถามแรกๆฉันก็ทำท่าว่าจะฝากซื้อของ แต่ก็ทำเป็นเปลี่ยนใจ
หลังๆเลยบอกปฏิเสธไปตามมารยาทว่า “อุ๊ย เกรงใจ ไม่เป็นไร ไม่ฝากดีกว่าค่ะ”
ฉันทำแบบนี้จนน้องเลดี้ได้ใจ หลังจากนั้นไม่ว่านางจะไปไหน
นางก็จะแวะมาบอกทุกครั้ง
จนวันหนึ่ง คงเป็นวันชะตาขาดของน้องเลดี้
ฉันอารมณ์ไม่ดีสุดๆ เพราะนัดเพื่อนแล้วโดนเพื่อนเท
โดยเพื่อนให้เหตุผลที่เทว่า “เพราะเกรงใจ เลยไม่กล้าปฏิเสธ”
แต่พอถึงเวลานัดเธอก็ไม่มาแถวก็ไม่โทรมาบอก
แล้วก็ปล่อยให้เราขับรถไปนั่งรอตั้งนานสองนาน
ทำไมฉันต้องโดนคำว่ามารยาทเล่นงานไม่รู้จบรู้สิ้นก็ไม่รู้นะ
น้องเลดี้ชะตาขาด เข้ามารักษามารยาทในออฟฟิศตามปกติ
ซึ่งฉันก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
ก่อนจากก็เช่นเคย นางถามว่าใครจะเอาอะไรไหม
ซึ่งในใจก็คงจะรอให้ใครสักคนเล่นเกมส์ปฏิเสธตามมารยาทกับนางอยู่
เข้าทางอีช้อยล่ะคราวนี้
“นี่เธอ” ฉันเปิด
“ที่ถามว่าจะเอาอะไรไหมนี่ถามแล้วจะซื้อมาให้จริงๆหรือว่าแค่ถามตามมารยาท” ฉันจ้องตานางเขม็ง เพื่อนสองคนที่ทำงานอยู่เงยหน้าขึ้มามองอย่างสนใจใคร่รู้
ว่าชนีแก่ความรู้สึกช้ากับน้องเลดี้ปลาไหลมอร์เร่ใครจะมงลง
“เอ่อ แค่ถามตามมารยาทค่ะ” น้องเลดี้ตอบตามตรง พร้อมทำท่าเอียงอาย
จะด้วยทนแรงกดดันไม่ไหวหรือด้วยถือไพ่เหนือกว่าว่าพี่น่ะเซ่อเองก็ไม่ทราบได้
แต่ชนีไทยฆ่าได้หยามไม่ได้อย่างฉันมีหรือจะยอมแพ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นขี้ฟัน
“ทีหลังถ้าไม่ได้ตั้งใจจะซื้อให้จริงๆก็ไม่ต้องมาถาม” ฉันพูดแล้วหยุดเว้นวรรคให้อึดอัดเล่น
“ฉันมันคนไม่มีมารยาท ไม่ต้องมารักษามารยาทกับฉัน” ฉันประชด
กำลังจะด่าต่อ แต่น้องเลดี้ก็ไหวตัวทันพูดแทรกขึ้นมาเบาๆอย่างมีมารยาทว่า
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ น้องขอตัวก่อนนะ พอดีน้องรีบ”
แล้วก็แว้บหายไปจากตรงนั้นต่อหน้าต่อตา
ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้
แม้เรดาร์ตรวจจับอาการ”ตามมารยาท”ของฉันจะถูกปลุกให้ตื่น
แต่ฉันก็ต้องสารภาพตามตรงว่ามันไม่มีประสิทธิภาพเอาซะเลย
ฉันก็ยังเจ็บปวดกับคนมีมารยาทที่ดูจะไร้ความจริงใจเอามากๆอยู่เหมือนเดิม
สำหรับฉันเรื่องอย่างนี้ถือเป็นความฟุ่มเฟือยทางพฤติกรรม
มันเป็นความเห็นแก่ตัวประเภทหนึ่ง
ที่จะพูดอะไรพล่อยๆให้ตัวเองดูดีมีมารยาท
แล้วทิ้งให้อีกคนกลายเป็นคนโง่ที่รู้ไม่ทันความ “ตามมารยาท” ของตน
จนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เสียเวลา เสียความรู้สึกโดยไม่จำเป็น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะธรรมดาๆเหล่านี้
คือเราไม่มีทางรู้ได้จริงหรอก
ว่าเรากำลังเจอกับคนมารยาทดีที่ไม่มีความจริงใจ
หรือคนไร้มารยาทที่ไม่คิดจะสร้างภาระทางอารณ์ให้คนอื่น
แล้วเรดาร์ของคุณล่ะ ยังทำงานดีอยู่ไหม
แล้วคุณเป็นที่มีหรือไร้มารยากันแน่
ลองถามตัวเองดูนะคะ
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
โฆษณา