12 พ.ค. 2020 เวลา 08:34 • ประวัติศาสตร์
นักล่า!! ที่มาพร้อมความเกลียดชัง
ความอำมหิตของญี่ปุ่นที่มีต่อจีน
คุณรู้ ? หรือไม่ว่า ความเกลียดชังบนพื้นแผ่นดินจีนที่มีต่อชาวญี่ปุ่นไม่เคยคลายหายไปเลยแม่แต่น้อย ตราบจนทุกวันนี้
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์:โศกนาฎกรรมสังหารหมู่ที่นานกิง NanJing Massacre หรือรู้จักกันก็คือ “การข่มขืนที่นานกิง” เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นหลังจากการที่ทหารกองทัพจักพรรดิญี่ปุ่นเข้าบุกยึดเมืองนานกิง ไว้ได้ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2480 ในยุทธการนานกิง เป็นส่วนหนึ่งในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง และต่อมาคือส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง
ทหารกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นได้ทารุณกรรมแก่เชลยสงคราม สังหารพลเรือน โดยการทารุณกรรมต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ “การข่มขืน” ผู้หญิงพลเรือนจำนวน 20,000 – 80,000 คน ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก
กองทัพญี่ปุ่นภายใต้การนำของพลเอก นาคาจิมา เคซาโกะ
เดือนพฤศจิกายน ทหารญี่ปุ่นสามกองทัพดาหน้าเข้าหานานกิง ทัพหนึ่งมุ่งตะวันตกทางฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำแยงซี ทัพที่สองเตรียมตัวบุกจู่โจมนานกิงทั้งทางน้ำและทางบกอยู่ที่ทะเลสาบอ้ายหู ทัพนี้เคลื่อนจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางตะวันตก และเดินทัพอยู่ทางทิศใต้ของทัพของนาคาจิมา โดยผู้นำทัพนี้คือ พลเอกมัตสึอิ อิวาเนะ ทัพที่สามภายใต้การนำของพลโท ยานากาวา ไฮสุเขะ เดินห่างจากทัพของพลเอกมัตสึอิลงไปทางใต้และเลี้ยวเข้าหานานกิงจากทาง ตะวันตกเฉียงเหนือ
หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกนานกิง
ก็ทำการเข้าปลดอาวุธทหารจีนที่ยอมแพ้และยอมตกเป็นเชลย โดยมีคำสั่งต่อว่าให้กำจัดคนจีนและเชลยทุกคนที่จับได้ คำสั่งนั้นเป็นไปอย่างเป็นมีเหตุผลและเหี้ยมโหดโดยปราศจากเมตตาเพราะว่าจากจำนวนเฉลยที่เยอะมากไม่สามารถหาอาหารให้เชลยทั้งหมดได้ โดยการกำจัดเฉลยเหล่านี้สามารถช่วยขจัดปัญหาเรื่องอาหาร และลดการตอบโต้ได้
การสังหารเชลยศึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ 1937 (ซึ่งถูกเรียกว่า String Gorge Massacre) ทหารญี่ปุ่นใช้เวลาในช่วงเช้าเพื่อมัดเชลยศึกเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นจำนวน หลายแถว และเปิดฉากยิงใส่ด้วย ปืนกล เชลยศึกที่ถูกมัดอยู่ไม่สามารถหนีได้ ทำได้เพียงกรีดร้องเท่านั้น เชลยศึกบางส่วน ถูกทหารญี่ปุ่นมัดเข้าด้วยกัน และให้เชลยศึกเหล่านั้นเหยียบ กับระเบิด เพื่อสังหารหมู่ บ้างก็มัดเชลยเหล่านั้นเข้าด้วยกันแล้วจุดไฟเผา ผมถือว่าโหดเหี้ยมจริงๆ จากเหตุการณ์นี้มีเชลยศึกราว 57,500 คนถูกสังหาร
ยังไม่พอเพียงเท่านี้นะครับ ทหารญี่ปุ่นยังทำความโหดเหี้ยมนี้ในทุกรูปแบบ พวกทหารญี่ปุ่นทำการทารุณกับชาวนานกิงเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้เช่น ฝังทั้งเป็น โดยจะขุดหลุม และฝังเชลยให้โผล่ขึ้นมาแค่เพียงหน้าอกหรือแค่คอ เพื่อจะได้รับทุกข์ทรมานต่างอีกหลายอย่าง เช่น ฉีกเป็นชิ้นๆ ทหารญี่ปุ่นคว้านตับไตไส้พุง ตัดหัวหรือสับเหยื่อเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้สุนัขกิน ตอกเชลยไว้กับแผ่นไม้แล้วให้รถถังแล่นทับ ใช้เป็นที่ซ้อมเสียบดาบปลายปืน ควักลูกตา หั่นจมูกและใบหูก่อนเผาทั้งเป็น
ในส่วนของผู้หญิงทหารญี่ปุ่นก็ข่มขืนพวกเขาเหล่านั้นด้วยเช่นกัน หญิงชาวจีนถูกข่มขืนเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ไม่ว่าจะเป็นสาว คนท้อง หรือคนแก่ ทหารญี่ปุ่นข่มขืนชนิดไม่เลือกหน้า ไล่ตั้งแต่ชาวนา เด็กนักเรียน ครู พนักงานระดับบริหาร คนงาน อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งแม่ชี ต่างก็เลี่ยงไม่พ้นการถูกข่มขืนทั้งสิ้น โดยผู้หญิงคนหนึ่งจะตกไปอยู่ในมือของทหารประมาณ 15 ถึง 20 คน บางคนในจำนวนนี้ถูกเรียงคิวจนถึงแก่ความตาย แต่กฎของกองทัพที่ว่าห้ามข่มขืนผู้หญิงของฝ่ายตรงกันข้ามนั้น ทำให้ทหารสังหารเหยื่อเสียเมื่อเสร็จธุระ
หญิงในนานกิงถูกข่มขืนชนิดไม่เลือกที่และไม่เลือกเวลา ประมาณว่าหนึ่งในสามของการข่มขืนทั้งหมดเกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ และไม่มีสถานที่แห่งใดปลอดจากการข่มขืน เช่น คนท้อง หญิงชรา ในเรือนแม่ชี ในโบสถ์ แม้แต่ในโรงเรียน
นอกจากนั้นคนเฒ่าคนแก่ยังไม่สามารถใช้ความชราเป็นเกราะคุ้มกันการข่มขืนได้ ผู้เฒ่าต่างต้องเผชิญทารุณกรรมทางเพศอย่างถ้วนหน้าและซ้ำซาก ย่ายายวัยแปดสิบจำนวนมากถูกข่มขืนจนตายคาที่ และอย่างน้อยก็ถูกยิงตายเพราะปฏิเสธการถูกข่มขืน
ภาพการประหารนักโทษจีน38คนที่หนีการจับกุม
แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงไปแล้วด้วยความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิ ญี่ปุ่น จากการกระทำสังการหมู่ชาวจีนในนานกิงนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง จีน-ญี่ปุ่นตกต่ำอย่างถาวรที่ไม่อาจฟื้นฟูขึ้นมาได้เลย เพราะชาวจีนได้โกรธแค้นญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจึงได้ทำการต่อต้านญี่ปุ่นตลอดมา จนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและรักสันติสุขก็ตาม ภายหลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหรือจักรพรรดิญี่ปุ่นได้ออกมากล่าวคำขอโทษด้วยตนเองแต่ทว่าก็ไม่อาจ ทำให้ชาวจีนยกโทษเลยแม้แต่น้อย ในขณะเนื้อหาหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นก็ยังทำการบิดเบือนด้วยการ ข้ามการกระทำอันโหดร้ายในนานกิงและบอกว่าเพียงแค่ยึดนานกิงเท่านั้น ทำให้ชาวจีนไม่พอใจและไม่ไว้ใจต่อญี่ปุ่นมาก และนี่คือฉนวนแห่งความเกลียดชังที่ชาวจีนไม่มีวันให้อภัยต่อชาวญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
โฆษณา