12 พ.ค. 2020 เวลา 02:32 • ข่าว
ตู้ปันสุข EP.2
"ตู้ปันสุข" กับนิทานเรื่อง "ห่านทองคำ"
1
กระแสของ "ตู้ปันสุข" กำลังกระจายตัว
สู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศแทบทุกจังหวัด
อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
ข่าวเกี่ยวกับ"ตู้ปันสุข"
บางคนว่าเป็นแค่เทรนด์ที่คนนึกสนุก
อยากทำตามกระแส
บางคนบอกว่า ไม่เหมาะกับวินัยของคนในประเทศเรา
บางคนว่า "เห็นไหมหล่ะ ของหมดตู้ ต่อไป
เดี๋ยวตู้จะหายไปด้วย"
ซึ่งเชื่อว่า โดยมากคือผู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะคิด
เป็นส่วนหนึ่งในการลงมือนำสิ่งของไปเติม
ในตู้เพื่อแบ่งปันแจกจ่ายแก่ผู้อื่นด้วยซ้ำ
แต่บางคนว่า
.
.
.
ในเมื่อนึกอยากให้ไปแล้ว ใครจะได้รับไป
และเอาไปทำอะไรต่อไป ก็เป็นเรื่องของเขา
เราได้รับความสุขจากการให้ก็เพียงพอแล้ว
เพราะตู้ปันสุข นอกจากจะมีแนวความคิด
ในการแบ่งปันจนเป็นสโลแกนว่า
.
.
"เชิญหยิบไปแต่พอดี หากท่านมีใส่ตู้แบ่งปัน"
.
.
แล้ว ยังพบว่า ผู้ให้แทบไม่รู้ว่าใครคือผู้รับ
ผู้รับน้อยคนนักจะรู้ว่าใครคือผู้ให้ เพราะ
เกิดขึ้นด้วยใจที่คิดอยากให้ ให้ด้วยใจ
อย่างใหญ่ที่ไม่เลือกผู้รับอย่างแท้จริง
หากเราคุ้นเคยกับการทำทานมามาก
ย่อมคุ้นเคยกับใจที่เปิดกว้างขณะให้ทาน
เริ่มด้วยใจอนุเคราะห์เอื้อเฟื้ออยากให้
เขาพ้นทุกข์ และความชุ่มชื่นของกำลังบุญ
ที่ได้รับจากทานที่ได้ให้ออกไปนั้น
เป็นสุขอันยากจะมีสิ่งใดเสมอเหมือน
หากตู้ปันสุขร้อยตู้ในชุมชน มีห้าสิบตู้
คนแก่งแย่งกัน ขี่รถซาเล้งมากันเป็น
ครอบครัว เอาถุงกระสอบมาใส่ของ
ในตู้จนหมดในพริบตา คอยจ้องแต่ว่า
เมื่อไหร่จะเอาของมาเติมอีก จะได้โกยต่อ
มีแรงใส่ ก็มีกำลังเอาไปทั้งตุน ทั้งขายต่อ
ไม่อั้นเหมือนกัน
แต่หากอีกห้าสิบตู้ที่เหลือ พบว่า
ผู้ที่มาหยิบของไป คือคนยากไร้ขัดสน
บางคนไม่มีแม้เงินจะซื้อข้าวกิน
ทั้งเขาเหล่านั้นหยิบไปแต่พอดี
และสำนึกขอบคุณในน้ำใจ
และความเอื้อเฟื้อที่ได้รับ ซึ่งส่งเสริม
ให้ผู้ให้เองก็มีกำลังใจในการให้ต่อเนื่อง
ไปไม่หยุด ตั้งใจว่า เดี๋ยวมีอะไรเพิ่ม
จะนำมาเติมอีกเรื่อยๆ
เหตุการณ์ที่พบอย่างหลัง ย่อมเป็นเรื่อง
ที่น่ายินดีไม่น้อย และเป็นบทพิสูจน์
ให้เห็นว่าการสร้างตู้ปันสุขห้าสิบตู้นั้นขึ้นมา
บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้ให้และผู้รับ
ของตู้ปันสุขนี้แล้ว ทั้งเชื่อว่าจะสามารถ
ต่อยอดเป็นบทเรียนนำไปพัฒนาระบบ
ของการให้และการรับต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มีผู้เปรียบเหตุการณ์นี้กับนิทานเรื่อง
"ห่านทองคำ" และผู้เขียนก็เห็นจริงตามนั้นว่า
สิ่งที่ผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่ยังต้องพึ่งพา
"ตู้ปันสุข" ได้เรียนรู้ คือ หากไม่โลภ
"ตู้ปันสุข" นี้จะเหมือน"ห่านทองคำ"
ที่ผลิตไข่ทองคำให้ทุกวัน แม้เป็นปริมาณ
เล็กน้อย แต่จะได้รับอย่างยาวนานและยั่งยืน
แต่หากใช้ความเห็นแก่ตัวผสมความโลภ
เป็นอาวุธในการฆ่าห่านทองคำนี้เสียแล้ว
ไข่ทองคำที่ได้จะหมดไปทันที สิ่งที่ได้รับ
ก็คงเป็นแค่ซากห่านที่ไม่มีแม้แต่ไข่ทองคำ
สักใบเหลือไว้ในท้อง
เรื่องบางเรื่องสอนกันไม่ได้ บางเรื่องเกิดจากจิตสำนึกดีๆที่มีติดตัว ไม่นับว่ามีฐานะรำ่รวย
หรือยากจนเพียงใด เรื่องบางเรื่องต้องเรียนรู้
ด้วยตัวเอง ถึงรู้ได้ในที่สุดว่า
"สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ทำจึงควร"
ผู้เขียนเองเห็นข่าวที่มีทั้งผลตอบรับ
ในแง่ลบและแง่บวก แล้วลองสำรวจใจตัวเอง
ใจของผู้เขียนยังอยู่ในฝ่ายข้างของใจ
ที่ยังอยากให้แม้จะเริ่มแผ่วลง กังวลว่า
เรื่องราวดีๆของตู้ปันสุขจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน
แต่ก็เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกมากที่ยังมีกำลังใจ
ที่ได้รับจากกระแสด้านบวก และยังเชื่อว่า
การให้อย่างสม่ำเสมอนั้น ความสุขเกิดขึ้น
ตั้งแต่การได้เริ่มคิดให้ออกไปแล้ว ดังนั้น
แม้ที่สุดสิ่งที่ให้จะถึงมือผู้ที่ได้รับประโยชน์
อย่างแท้จริงเพียงไม่กี่คน ก็จะไม่หมด
กำลังใจในการให้ครั้งต่อๆไป เพราะการให้
นั้นๆตรงกับวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว
เพราะเรื่องราวของ"ตู้ปันสุข" นี้เกิดขึ้น
ไม่ได้จากคนเพียงคนเดียว หากแต่เกิดขึ้น
และจะยังคงอยู่ต่อไปได้ ก็ด้วยการรวมน้ำใจ
รวมกำลังใจ และความร่วมมือร่วมใจจากคนหลากหลายคนในสังคม
ผู้เขียนแค่เริ่มกังวลว่า หากยังมีข่าวสาร
ด้านลบเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายรูปแบบ
เกินจะคาดเดา จะเริ่มบั่นทอนกำลังใจ
ของผู้ที่พร้อมจะให้ลงไปทีละคน ทีละน้อย
ซึ่งที่สุดอาจรวมถึงผู้เขียนเอง แม้เขาเหล่านั้น
ไม่มีทางหมดกำลังใจในการให้
แต่อาจต้องเลือกให้ด้วยวิธีการอื่นแทน
.
.
.
หากเป็นแบบนั้น "ตู้ปันสุข"ที่เปรียบเหมือน
เครื่องผลิตความสุขและบำบัดความทุกข์ของคนในสังคมในเวลานี้ สุดท้ายคงไม่ต่างจาก
ซากห่านทองคำ ที่ไม่สามารถออกไข่ให้แก่
ใครได้อีกเลย เป็นเพียงกระแสวูบวาบที่ผ่านมา แล้วผ่านไปแค่นั้น
ขอบคุณแหล่งข้อมูลภาพและข่าว
โฆษณา