14 พ.ค. 2020 เวลา 11:00 • ครอบครัว & เด็ก
ตอนที่3 " กิจกรรมการเล่านิทานก่อนนอน "
🌟เตรียมลูกก่อน เข้าเรียนเตรียมอนุบาล โดยการ Home School ช่วงวิกฤติ Covid19 (ให้มีความพร้อมทางร่างกายและจิตใจก่อนไปโรงเรียนวันแรก) ได้อย่างไร?
"การเล่านิทานเป็นกิจกรรมแรกๆที่พ่อกับแม่ควรต้องทำร่วมกับลูก" ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่ตลอด
เรื่องประโยชน์ของการเล่านิทานนั้นทางผมกับภรรยาได้รับคำแนะนำจากผู้รู้หลายๆท่านมานานแล้ว และเราทั้ง 2คนก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นอย่างสม่ำเสมอเรื่อยๆมา
ตั้งแต่ ด.ช.ฟีนิกซ์ได้ลืมตาดูโลก พ่อกับแม่ต้องแบ่งเวรกันอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังทุกวันโดยไม่มีข้อยกเว้น
มีบ้างบางวันที่ผมขี้เกียจ เพราะ เหนื่อยล้าจากการทำงานก็จะโดนภรรยาเคี่ยวเข็ญให้อ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังให้ได้ โดยให้เหตุผลว่า
" ลูกน้อยวัยทารกกำลังสร้างสายสัมพันธ์กับเราอยู่ ถึงจะพูดโต้ตอบกับเราไม่ได้ แต่เค้าจะจดจำเสียงของพ่อกับแม่ไว้ในความทรงจำ
เมื่อโตขึ้นมาคนที่เค้าจะรักและไว้ใจที่สุดก็คือ คนที่มีน้ำเสียงตรงกับคนที่เล่านิทานให้ฟังอยู่ทุกวันนั่นเอง"?
ออกแนวสะกดจิตลูกน้อยนะแม่ แต่ผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพื่อสะกดจิตให้ลูกโตขึ้นมารักเราตลอดไป 555🤣
เมื่อเข้าสู่การเรียนแบบ Home School ทางโรงเรียนก็ได้ให้คำแนะนำเรื่องการเล่านิทานว่ามีความสำคัญอย่างไร?
ทางพ่อกับแม่ก็ยิ่งต้องใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากไปอีกตามคำแนะนำครับ
👩🏫โดยทางโรงเรียนได้อธิบายประโยชน์ของการเล่านิทานดังนี้คือ....
1) เรื่องแรกสุดคือ "สร้างสายสัมพันธ์ (attachment)"
ดังที่ทราบกันแล้วว่า พัฒนาการที่สำคัญที่สุดในช่วง 3 ขวบปีแรกของมนุษย์คือ การสร้างสายสัมพันธ์กับแม่ หรือพ่อ อย่างแข็งแรงมากที่สุด
สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นใน 3 ขวบปีแรกนี้จะทำหน้าที่กำกับชีวิตของเด็กๆให้อยู่ในเส้นทางที่ดีตลอดกาลนาน
การอ่านหนังสือวันละ 15 นาทีให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นกิจกรรมที่ง่ายมากในการประกันว่าพ่อแม่จะได้อยู่ใกล้ลูกแน่ๆ อย่างน้อยก็ทุกวัน วันละ 15 นาทีได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง ได้แตะเนื้อต้องตัว และมีปฏิสัมพันธ์ ทั้งหมดนี้จะทำให้เด็กเล็กสามารถสร้างพ่อแม่ และสร้างตัวตน (self) ที่แข็งแรงมากในที่สุด
ตัวตนคือรากฐานของพัฒนาการอีกหลายเรื่องในอนาคต
2) "พัฒนาการด้านภาษา"
ระหว่างที่พ่อแม่ลูก นอนอ่านนิทานด้วยกัน
เด็กเล็กจะมองเห็นเส้นสายตัวอักษรอีกอักขระและได้ยินเสียงพ่อแม่อ่านหนังสือไปตามอักขระ
ด้วยกระบวนการนี้ทุกวัน วันละ 15 นาที
สมองของเด็กจะพัฒนาความสามารถที่เรียกว่าการให้สัญลักษณ์ (symbolization)
กล่าวคือรู้ว่า "เส้น" มิได้เป็นเพียงแค่เส้น แต่มีสัญลักษณ์ซ่อนอยู่ภายใต้เส้นนั้น
นี่คือโครงสร้างที่สำคัญมากของสมองในวันหน้า
นั่นคือความสามารถที่จะให้สัญลักษณ์ ใช้สัญลักษณ์ และถอดความหมายของสัญลักษณ์เป็นรากฐานของการใช้ภาษาทั้งการอ่าน การเขียน และ คณิตศาสตร์ ไม่นับศาสตร์ด้านอื่นๆรวมทั้งความสามารถที่จะใช้อุปมาอุปมัย (metaphor)
3) "พัฒนาการด้านการคิด"
เด็กเล็กไม่เพียงเห็นเส้นสายที่ก่อรูปเป็นอักขระ
แต่เขาจะเห็นรูปภาพประกอบนิทานด้วย เช่น ช้าง รูปช้าง ที่เด็กเห็นในวันแรกจะกระตุ้นวงจรประสาทในสมองให้ทำงาน
วงจรประสาทที่ถูกกระตุ้นนั้นจะได้เห็นและรับข้อมูลรูปภาพอื่นๆ อีกในเวลาต่อมา เช่น ช้างจากหนังสืออีกเล่มหนึ่งทำให้วงจรประสาทนั้นพัฒนาไปอีก
ช้างคือสัตว์ที่มีหูใหญ่ มีอะไรบางอย่างยืดยาวออกมาระหว่างตา และใจดี ความคิดเรื่องช้างจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน
มีบ้างบางวันที่เด็กเล็กนอนหลับตาฟังนิทานโดยไม่ดูรูป สมองของเขาจะวาดช้างตัวใหม่ขึ้นมาอีก
ช้างนั้นจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วแต่สมองรับรู้เรื่องช้างมากน้อยเพียงใด
ที่มหัศจรรย์คือถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นช้างจริงๆ เดินในสวนสัตว์ แต่ช้างในสมองของเขาก็ยังมีหลายรูปแบบให้เขาเลือกใช้และต่อยอดความคิดไปตามสถานการณ์
จะเห็นได้ว่านี่คือสมองที่เปิดกว้างและไร้ขีดจำกัดอย่างแสนมหัศจรรย์
4) " พัฒนาการด้านสติปัญญา "
สติปัญญาที่แท้เกิดจากความเชื่อมโยง (connection)
มิได้เกิดจากความจำหรือการท่องจำ
การอ่านนิทานก่อนนอนทุกวัน วันละ 15 นาที
จนกระทั่งสร้างนักอ่านขึ้นมาจนได้ในตอนท้าย
จะช่วยให้สมองของเขามีวงจรประสาทนับล้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ไม่แยกส่วน สามารถเชื่อมศาสตร์หนึ่งไปสู่อีกศาสตร์หนึ่งโดยอัตโนมัติ
อย่างที่เรียกว่าไม่ต้องพยายามคิดหัวแทบแตก
สมองจะพัดพานำความคิดไปเอง เช่น จากช้างเอราวัณของพระอินทร์ เชื่อมไปสู่โครงสร้างทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นต้น
5) " เรื่องจิตใจ " นิทานก่อนนอนในปฐมวัยจะเป็นการผจญภัยไปในดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน นอกบ้าน ในโลก นอกโลก ใต้น้ำ อวกาศ ใต้ดิน ยอดเขา ไปจนถึงในจินตนาการ เช่น บนเขาไกรลาศหรือยอดเขาโอลิมปัส
ด้านเนื้อเรื่องของนิทานก็มีตั้งแต่สุขสันต์นิรันดรไปจนถึงเรื่องราวด้านมืดของความเป็นมนุษย์ คือ รัก โลภ โกรธ หลง ชีวิต ความตาย รวมทั้งภูตผี ปีศาจ
สารพัดเรื่องราวที่จะเข้าไปรบกวนจิตใจ
ทั้งด้านบวก-ด้านลบ ด้านสว่าง-ด้านมืด ด้านดี-ด้านร้าย
ทำให้จิตใจต้องพัฒนากลไกป้องกันตัวทางจิตใจในระดับจิตใต้สำนึก (unconscious defense mental mechanism)
เพื่อเตรียมรับมือความจริงของชีวิต (reality) ที่จะมีทั้งสุข-ทุกข์ ดี-ร้าย และร้ายที่สุดเวียนกันเข้ามาหา
การอ่านนิทานก่อนนอนคือ.... การสร้างเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
6) " วินัยการนอน "
จริงอยู่ที่ว่า 15 นาทีนั้นตอนไหนก็ได้ แต่ 15 นาทีก่อนนอนมีประโยชน์ของแถมบางข้อ
ที่สำคัญคือการจัดสภาพแวดล้อมก่อนนอนให้สงบ
ห้องนอนหรือเขตนอนไม่กว้างเกินไป สะอาด ปราศจากฝุ่น ไม่รกรุงรังเกินสมควร
ไฟสว่างพอที่จะอ่านหนังสือแต่ไม่รบกวนการนอน
พ่อแม่ตัวเป็นๆ มาอยู่ด้วยกัน วางมือถือ อ่านนิทานด้วยน้ำเสียงสงบพอสมควร
สิ่งเหล่านี้เป็นการเตรียมคลื่นสมองการนอนเข้าสู่ระยะพัก เพื่อเข้าสู่การนอนระยะต่อไป อันจะนำไปสู่การนอนที่สงบลึก ได้พักผ่อน และ การฝันที่ดี เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป
เป็นการพักเครื่อง จัดระเบียบข้อมูลในแต่ละวัน เพื่อเตรียมตัวตื่นขึ้นพบวันใหม่ อันจะทำให้ได้สมองที่ดีที่สุด
👪🙏ขอขอบคุณโรงเรียนของน้องฟีนิกซ์ (เพื่อความปลอดภัยของเด็ก คุณครูแนะนำไม่ให้เปิดเผยชื่อโรงเรียน) ที่ส่งมอบบทความคำสอนดีๆ
และขอบคุณเจ้าของบทความ
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์, "อ่าน 15 นาทีทุกวัน สร้างมหัศจรรย์แห่งชีวิต" , Health today, กันยายน 2560
👪 คุณพ่อขอเสริม :
ตอนนี้การเล่านิทานที่เราเล่าให้ลูกฟังทุกคืนนั้น เล่าจบมั่ง ไม่จบมั่ง ลูกตั้งใจฟังบ้าง ไม่ตั้งใจฟังก็บ่อย กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพยายามมีวินัยทำทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ และต้องพยายามทำให้เป็นนิสัยในช่วงเวลาก่อนนอนไปซะแล้ว
(ส่วนใหญ่ฟีนิกซ์จะชอบการเล่านิทานของแม่เมย์มากกว่า พ่ออาร์ตยังต้องพยายามฝึกพูดเล่านิทานให้น้ำเสียงและจังหวะในการเล่าดึงดูดความสนใจของลูกให้มากกว่านี้ ลูกน้อยจึงจะหันมาเหลียวแล 555🤣)
คืนนี้จัดไป.... เอากี่เรื่องดีครับลูก พ่อกับแม่พร้อมกล่อมเจ้านอนแล้ว 🙂👪❤❤❤
ช่องทางติดตามดูคลิปวีดีโอเพิ่มเติมทางเพจ FB. " Daddy Survivor "
ขอกำลังใจ ฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ 😀👪❤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา