14 พ.ค. 2020 เวลา 08:00 • ความคิดเห็น
ภาวะอารมณ์ที่ต้องจัดการเมื่อต้องเผชิญกับโรคมะเร็ง🌻
หญิง วัย 50 ปี ถูกวินิจฉัย มะเร็งลำไล้ แพร่กระจายไปที่ตับและต่อมน้ำเหลือง
ในระยะเวลา 1 เดือน ในการเริ่มต้นรักษา การผ่าตัดลำไส้ และการรักษาด้วยคีโม
กระบวนการรักษาที่เกิดขึ้นเร็วตามความเห็นของแพทย์ผู้รักษาที่ต้องการช่วยชีวิตคนไข้ให้รวดเร็ว ทันการกับการแพร่กระจายของโรคที่จะลุกลามไปเรื่อยๆ เป็นผลดีกับคนไข้ เป็นความโชคดีขอคนไข้ที่เตียงว่าง admit ได้ เป็นความโชคดีเข้าไปอีกเมื่อคนไข้ได้รับบริการที่ดีจากบุคลากรทางการแพทย์ เป็นความประทับใจของคนไข้ ที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ต่อความเจ็บป่วยทางกายที่ต้องเผชิญ
เคสนี้ที่ส่งมาให้นักจิตวิทยาช่วยจิตบำบัดจะมาจากพยาบาลที่ดูแลคนไข้มะเร็ง ซึ่งแรกรับ admit พยาบาลจะเป็นผู้ที่ประเมิน สัมภาษณ์ประวัติตามแนวทางการพยาบาล การสัมภาษณ์ที่คัดกรองคนไข้ว่าคนไข้ มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล จิตตก พลังงานต่ำ มีภาวะเครียด ทำให้คนไข้ได้รับบริการช่วยเหลือทางด้านจิตใจ ได้เรียนรู้การจัดการอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้าย การได้รับจิตบำบัดก็ช่วยให้คนไข้สามารถรับมือ ลดความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานในทุกรูปแบบสภาวะจิตใจ
คนไข้บางคนพยายามหาเหตุผลของการเป็นมะเร็งของตน คนไข้อาจเชื่อมโยงโรคร้ายที่เกิดขึ้นเป็นการถูกลงโทษ ฉันทำอะไรผิด ทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้า ห่อเหี่ยว หดหู่
คนไข้รายนี้ก็เช่นเดียวกัน คิดกังวล ถึงอดีต สับสน คิดตลอดเวลา จนนอนไม่หลับ
นอกจากความเครียด โศกเศร้า รู้สึกโกรธง่ายกว่าปกติ อารมณ์ไม่พึงพอใจ จนถึงหงุดหงิด สมาธิน้อยลง ว้าวุ่นใจ และขาดการรับรู้ การมีสติ
ความวิตกกังวล กลัวตาย เป็นห่วงเป็นใยคนในครอบครัว ปัญหาต่างๆ เศรษฐกิจ รายได้ ภาระ สิ่งเหล่านี้เป็นความวิตกกังวลกังวลต่อเรื่องในอนาคต
การช่วยให้คนไข้เผชิญกับความเป็นจริง เพื่อให้คนไข้เปิดรับข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์กับคนไข้
ยอมรับว่าเราเป็นมะเร็ง เป็นมะเร็งรักษาได้ นอกจากรักษาได้ยังมีทางเลือกในการรักษาอีก
ไม่ต้องไปคิดหาเหตุผลของการเป็นมะเร็ง. แม้จะรู้ว่า เราเป็นเพราะอะไร เรามีพฤติกรรมเสี่ยงจะเป็นมะเร็งมาก่อน อะไรก็ตาม เป็นแล้วก็เป็น มันอยู่กับเรามานานแล้วเพียงแต่เราเพิ่งรู้ว่ามันอยู่กับเราตอนหมอแจ้งว่าคุณเป็นมะเร็ง เป็นมะเร็งไม่ใช่เวรกรรมหรือเพราะสร้างกรรมอะไรไว้ ไม่ต้องไปพยายามระลึกถึงชาติที่แล้ว ทำอะไรไว้ ถึงมาเป็นมะเร็ง เราไม่ต้องไปรู้ทุกเรื่องทุกอย่าง รู้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ แถมบางเรื่องทำให้เราท้อแท้ เบื่อหน่ายมากขึ้นอีก ชิ้นเนื้อร้ายที่ตัดทิ้ง ก็เหมือนอาหารที่บูดเน่า เราไม่ต้องไปรู้ว่าจุลินทรีย์ตัวไหนเป็นสาเหตุของมันเน่าเสีย
การคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา ทำให้เรารู้สึกเศร้า หดหู่ หรือโกรธเคือง สภาวะอารมณ์เราไม่อยู่กับปัจจุบัน ในหนึ่งวันเราเสียเวลาคิดถึงสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ถ้าสะสมไปแต่ะวัน เราก็มีปริมาณความคิดด้านลบเพิ่มขึ้นทุกวัน
การคิดวิตกกังวลในอนาคต ก็ไม่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ที่เป็นมะเร็ง
คิดอดีต สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ดี ทำให้เราเศร้า
คิดถึงอนาคต เรื่องราวข้างหน้าก็ไม่ดี ทำให้เราวิตกกังวล
🌿 คิดอยู่กับปัจจุบัน คือเรื่องดีดี ที่เราจะมีสติ รับรู้ต่อความเป็นจริง เราจะยอมรับความจริงได้🌿
ข้อคิดธรรมดาของคนไข้ที่เป็นมะเร็ง
การมองบวกมากขึ้นต่อการเป็นมะเร็ง ก็ทำให้คนไข้หลายคน ได้คิด ดึงสติ หายเศร้าโศก
เป็นมะเร็ง ไม่ได้ตายกระทันหัน เหมือนอุบัติเหตุ
เป็นมะเร็ง รักษาหาย มีตั้งมากมาย
เป็นมะเร็ง ใครก็เป็น ไม่ใช่แต่เรา
เป็นมะเร็งไม่น่ากลัวเท่าโควิด-19
เป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็ง ก็ตายเหมือนกัน
การเริ่มต้นได้รักษา เป็นเรื่องน่ายินดี เรามาเริ่มต้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เรื่องโรค การรักษา ให้เป็นหน้าที่ของหมอ ส่วนเราต้องดูแลความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ หมอรักษามะเร็งไม่สามารถมาช่วยเราตรงนี้ได้ คนไข้มะเร็งทุกคนก็ได้พบนักจิตวิทยาทุกราย ถ้าเราได้มีโอกาส เข้าใจก่อน ดูแลตัวเอง เราก็เป็นคนไข้ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี แม้เราจะป่วยโรคอะไรก็ตาม
ถ้าเราเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า มีผลต่อสุขภาพร่างกายเราอ่อนแอ อ่อนล้า เกิดอาการอ่อนเปลี้ย เพลียแรง หมอจะผ่าตัด หมอจะให้คีโม ร่างกายไม่พร้อม ผลเลือดไม่ดี นี่คือผลกระทบต่อการรักษา
การตอบสนองทางอารมณ์ ความคิด เมื่อเผชิญกับการรับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง มีผลต่อการรักษาที่ให้ผลดีกับคนไข้เอง
ทักษะการจัดการกับความเครียด การให้กำลังใจจากคนในครอบครัว ความคิด ความเชื่อทางจิตใจและจิตวิญญาณ และปัจจัยด้านเศรษฐฐานะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรคำนึง ช่วยให้คนไข้ รับมือกับมะเร็งได้โดยไม่ตกในภาวะอารมณ์ที่รบกวนความสุขในชีวิตเรา
ขอบคุณที่กดติดตามค่ะ 🍀
โฆษณา