14 พ.ค. 2020 เวลา 14:42 • ปรัชญา
คำคม 1000 ปีของเล่าปี่ ที่ปัจจุบันยังคงใช้ได้เหมือนเดิม
1
เคยไหมครับ ที่เวลาเรามีความฝันและเป้าหมายอันแรงกล้าที่ต้องการจะทำอะไรซักอย่างให้กับชุมชน สังคม หรือโลกใบนี้ให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่เมื่อเราได้เริ่มลงมือทำไปครั้งแล้วครั้งเล่า เรากลับไม่สามารถทำสำเร็จได้ซักที และหลายๆครั้งมันก็ทำให้เราต้องท้อและจนมุมในที่สุด....
เล่าปี่เองก็เคยเจอปัญหานี้เหมือนกันครับ และหากว่าครั้งนั้นเล่าปี่ยังคงสู้ต่อไปแบบไม่ลดละ ก็คงจะถูกประหารและไม่ได้เป็น 1 ในอาณาจักร 3 ก๊กอย่างที่เราเห็นแน่นอน
เกิดอะไรขึ้นกับเล่าปี่ Near us จะมาเล่าให้ฟังครับ
ครั้งหนึ่งก่อนเกิดอาณาจักรสามก๊ก เล่าปี่ได้สร้างรากฐานของตัวเองที่เมืองเสียวพ่าย(ก่อนหน้านั้นเป็นเจ้าเมืองซีจิ๊วแต่ถูกลิโป้ลอบตีตอนที่เล่าปี่ไปตีทัพอ้วนสุด) แต่ในระหว่างนั้นเอง เตียวหุย พี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ได้ไปขโมยม้ามาจากเมืองของลิโป้ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่เพื่อร่วมต่อต้านโจโฉ
ลิโป้
ลิโป้โกรธแค้นมาก ที่ตัวเองถูกไอ้โจรเตียวหุยขโมยม้าไป จึงสั่งให้จัดกองทัพที่เมืองซีจิ๊วเพื่อโจมตีเมืองเสียวพ่ายของเล่าปี่ทันที
เล่าปี่ได้ออกมาจากปรุะตูเมืองเพื่อที่จะต้องรับลิโป้ แต่ก็สงสัยว่าทำไมลิโป้ถึงได้จัดทัพเหมือนจะมาตีเมืองจึงได้ถามลิโป้ว่า
เล่าปี่: ท่านจัดทัพมา มีเรื่องอะไรหรือ?
ลิโป้: เมื่อคราวก่อนข้าได้ยิงเกาทันช่วยไล่ทัพอ้วนสุดให้ท่าน แต่ท่านกลับส่งเตียวหุยมาขโมยม้าของข้าไป ไม่ต้องมาทำไขสือหรอก!!!!!!
เตียวหุย: เชอะ ทีข้าแย่งม้าหน่อยเจ้าก็โกรธ แล้วทีเจ้าล่ะแย่งเมืองพี่ข้าไปจะว่ายังใง ห้า!!!!!!
และหลังจากนั้นเอง สงครามระหว่างเล่าปี่กับลิโป้ก็เกิดขึ้น....
เล่าปี่จึงได้ส่งม้าคืนกลับไปตามจำนวนที่เอามาแล้ว แต่ทว่าลิโป้กลับไม่ยอมเลิกทัพครับ(ส่วนตัว ผมมองว่านี่คือข้ออ้างเพื่อที่จะยึดเมืองและจับเป็นเล่าปี่ กับกวนอูมาเป็นลูกน้องและฆ่าเตียวหุย) เล่าปี่จึงได้สั่งการให้ทหารอยู่แต่ในเมืองตั้งรับ เพราะทหารของตัวเองมีน้อยกว่าลิโป้มาก
ซุนเขียนจึงแนะนำว่า หากว่าเรายังตั้งรับแบบนี้ต่อไป เมืองเสียวพ่ายต้องแตกแน่ เราควรที่จะทิ้งเมืองและฝ่าวงล้อมไปยังเมืองฮูโต๋เพื่อขอพึ่งโจโฉ
เตียวหุยถึงกับโกรธทันทีพร้อมทั้งตะคอกให้เล่าปี่กับกวนอูว่า
เตียวหุย: ทำไมต้องไปหาไอ้โจโฉด้วย ข้าจะออกไปดวลกับลิโป้เอง!!!!!
เล่าปี่: หยุดนะเตียวหุย! ข้าขอร้องเจ้าล่ะ อย่าก่อเรื่องอีกเลย!!!!
เตียวหุย: นี่ท่าน.....!!!
เล่าปี่: ข้าเข้าใจเจ้าดีเตียวหุย ข้าเองก็เหมือนกับเจ้าที่ทนไม่ได้ที่เห็นพวกลิโป้สับปรับเปลี่ยนไปมา เข้าเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักไม่ต่างจากเจ้า แต่จะยิ่งใหญ่อยู่ในโลกนี้ได้ มันต้องรู้จักปรับตัว เมื่อคับขันตกอับก็ต้องจำยอมน้อมกายรอคอยโอกาส ไม่ควรแข็งขืนจนหักโหม
และคำพูดนี้นี่เองที่ทำให้เล่าปี่ได้เรียนรู้ว่า หากเราจะทำการใหญ่ เราต้องรู้จัก"ใหญ่ได้และเล็กเป็น"ไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากว่าเรายังดื้ดึงต่อไป เราอาจจะไม่เหลืออะไรเลย...
และสิ่งๆนี้เองก็ทำให้เล่าปี่ได้ขึ้นมาเป็น 1 ใน 3 ของอาณาจักรสามก๊กที่ทรงอิทธิพลในเวลาต่อมานั่นเอง
และข้อคิดนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า บางครั้งหากสิ่งที่เราทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถเป็นไปได้เพราะ โอกาส สถานการณ์ และทรัพยากรณ์มนุษย์มันไม่เอื้ออำนวยแก่ความสำเร็จ หากว่าเรายังดื้อดึงต่อไป มันก็มีแต่จะเปลืองตัวเปล่าๆเหมือนกันครับ เพราะฉะนั้นในชีวิตของเรา สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จก็คือการเป็นคนที่"ใหญ่ได้และเล็กเป็น"ก็เป็นได้
โฆษณา